ในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 07.30 น. สุรเกียรติ ได้ขับรถยนต์ด้วยความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุรถชนที่บริเวณใต้ทางด่วนวัดบัวขวัญ ตำบลบางเขน อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ส่งผลทำให้รถยนต์ของสุรเกียรติและคู่กรณีได้รับความเสียหายเล็กหน่อย คู่กรณีได้ลงไปพูดคุย แต่สุรเกียรติมีอาการคล้ายคนเมา ไม่ยอมลงจากรถได้แต่โทรศัพท์หาผู้อื่น คู่กรณีจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมสุรเกียรติเพื่อขอให้เป่าแอลกอฮอล์ แต่สุรเกียรติไม่ยินยอม ก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ส่งสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง โดยชายในสายอ้างว่าเป็นบิดา และเป็นทหารยศพลเอก ขอความช่วยเหลือให้ปล่อยตัวลูกชาย ขู่ด้วยว่า หากไม่ช่วยเหลือจะย้ายตำรวจทั้งโรงพัก

ต่อมามารดาของสุรเกียรติได้มาถึงที่เกิดเหตุ และขอร้องไม่ให้เป่าแอลกอฮอล์ลูกชาย เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจา แต่ทั้งสุรเกียรติและมารดาไม่ยอมให้ความร่วมมือจนเกิดการโต้เถียงกันนานถึงสี่ชั่วโมง โดยปฏิเสธที่จะไปโรงพัก ไม่ยอมเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น สุรเกียรติได้ขึ้นรถยนต์ของมารดา เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจใช้กำลังดึงตัวออกมาจากรถเพื่อจะนำขึ้นรถยนต์สายตรวจ แต่ทั้งสองคนได้ขัดขืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจกดสุรเกียรติลงพื้นพร้อมใส่กุญแจมือเพื่อนำขึ้นรถสายตรวจพามาที่สถานี่ตำรวจรัตนาธิเบศร์ และได้ให้สุรเกียรติเป่าวัดแอลกอฮอล์ พบว่ามีปริมาณสูงถึง 196 มิลลิกรัม สุรเกียรติจึงถูกแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ และถูกควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที[8]

พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องในข้อหาเมาสุราและขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย โดยมีคำพิพากษาให้จำคุก 3 เดือน และปรับ 10,500 บาท สุรเกียรติให้การรับสารภาพจึงถูกลดโทษโดยรอลงอาญา 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สุรเกียรติถูกให้พักใช้ใบอนุญาตขับรถโดยมีกำหนด 6 เดือนนับแต่วันมีคำพิพากษา[9]