เมนูนำทาง
สโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี ประวัติสโมสรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1899 ในชื่อ สโมสรฟุตบอลริเวอร์ไซด์[2] โดยการก่อตั้งสโมสรมีขึ้นที่บ้านของวอลเตอร์ บาร์ทลีย์ วิลสัน ซึ่งเป็นช่างทำภาพพิมพ์หินในเมืองคาร์ดิฟฟ์[3] เพื่อเป็นการรวมผู้เล่นจากสโมสรคริกเก็ตริเวอร์ไซด์ไว้ด้วยกัน ในช่วงแรกสโมสรแข่งขันกับทีมในละแวกท้องถิ่นใกล้เคียงที่สนามโซเฟีย การ์เดนส์ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะในบริเวณริเวอร์ไซด์ ย่านเก่าแก่และเป็นชุมชนแออัดของเมืองคาร์ดิฟฟ์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1900 สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในคาร์ดิฟฟ์แอนด์ดิสตริกต์ลีก [4]
ในปี ค.ศ. 1905 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร ได้ยกฐานะเมืองของคาร์ดิฟฟ์ขึ้นเป็นเมืองที่มีฐานะเป็นนครในสหราชอาณาจักร สโมสรจึงได้ยื่นเรื่องต่อสมาคมฟุตบอลเซาท์เวลส์และมอนมัทเชียร์เพื่อเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นคาร์ดิฟฟ์ ซิตี[2] แต่คำขอในกรณีดังกล่าวไม่ผ่านการอนุมัติเนื่องจากสโมสรลงแข่งขันในระดับที่ต่ำเกินไป สโมสรจึงได้เข้าร่วมในเซาท์เวลส์ อเมเจอร์ลีก ในปี ค.ศ. 1907 และได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อสโมสรได้ในปีต่อมา[5][6]
เมื่อสโมสรมีความเติบโตและมีขนาดใหญ่ขึ้นจึงได้ไปขอเข้าร่วมแข่งขันในดิวิชัน 2 ของเซาเทิร์น ฟุตบอลลีก แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากสภาพสนามและสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามโซเฟีย การ์เดนส์ ไม่ผ่านมาตรฐาน หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 2 ปี สโมสรมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลจากประเทศอังกฤษอย่างมิดเดิลส์เบรอ, บริสตอล ซิตี และ คริสตัล พาเลซทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่แฟนบอลมากขึ้น ต่อมาสโมสรได้ตัดสินใจสร้างสนามเหย้าเป็นของตนเองเพื่อที่จะสามารถไปแข่งขันในลีกที่ใหญ่กว่าเดิมได้โดยวอลเตอร์ บาร์ทลีย์ วิลสัน ผู้ก่อตั้งสโมสรได้หาพื้นที่สำหรับสร้างสนามใหม่ในคาร์ดิฟฟ์และบริเวณใกล้เคียง และมาได้ที่ดินสำหรับสร้างสนามแห่งใหม่จากข้อเสนอของจอห์น แมนเดอร์ สมาชิกสภาเทศบาลเมือง ที่เสนอให้ใช้ที่ดินบริเวณแทนยาร์ด เลน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างถนนสโลเปอร์และสถานีรถไฟ โดยบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และใช้เป็นที่สำหรับเก็บรวบรวมขยะและบางส่วนสำหรับแบ่งให้เช่า[7]โดยเขาเสนอให้สโมสรใช้พื้นที่ดังกล่าวโดยคิดค่าเช่าเดือนละ 90 ปอนด์
ในการบูรณะพื้นที่เดิมที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมและการก่อสร้างสนามแห่งใหม่นี้ขึ้น พันโท ลอร์ด นิเนียน คริชตัน-สจ๊วร์ต ได้นำทรัพย์สินของตัวเองเป็นประกันกับธนาคารให้กับสโมสร เมื่อสนามก่อสร้างเสร็จสโมสรจึงได้ตั้งชื่อสนามเพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกถึงการช่วยเหลือในครั้งนี้ของเขาว่า นิเนียน พาร์ก และสโมสรได้ใช้สนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 (ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พันโท ลอร์ด นิเนียน คริชตัน-สจ๊วร์ต ได้ถูกพลซุ่มยิงของจักรวรรดิเยอรมันลอบยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิตในยุทธการลูส์ ที่ฝรั่งเศส ทางสโมสรจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ของเขาไว้ที่หน้าสนาม)
หลังจากย้ายมาใช้สนามนิเนียน พาร์ก สโมสรได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมในดิวิชัน 2 ของเซาเทิร์น ฟุตบอลลีก[8]และแต่งตั้งผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการคนแรกคือ เดวี แม็คดูกอลล์ ซึ่งเป็นผู้เล่นชาวสกอตแลนด์ ของสโมสร โดยสโมสรมอบหมายให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม[9]และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ต่อมาสโมสรตัดสินใจเปลี่ยนผู้จัดการทีมโดยแต่งตั้งเฟรเดริก สจ๊วต ซึ่งเคยคุมทีมสต๊อกพอร์ต เคาน์ตีเข้ามาทำหน้าที่แทนเดวี แม็คดูกอลล์ โดยเฟรเดริก สจ๊วต เข้ามายกระดับสโมสรให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เช่น มีการเซ็นสัญญากับผู้เล่นที่เคยเล่นในระดับฟุตบอลลีกหลายรายเข้ามาร่วมทีม และสามารถสร้างผลงานคว้าแชมป์ เวลส์คัพ ได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1911–12 ก่อนที่จะคว้าแชมป์เซาเทิร์นฟุตบอลลีก ดิวิชัน 2 ได้ในฤดูกาล 1912–13 ทำให้ได้เลื่อนขึ้นไปแข่งในเซาเทิร์นฟุตบอลลีก ดิวิชัน 1 และจบฤดูกาลใน 4 อันดับแรกของลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลลีกต่างๆจะหยุดลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ระหว่างปี ค.ศ.1915–19 [6][10]
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สนามนิเนียน พาร์ก ถูกใช้เป็นลานฝึกทหารและผู้เล่นของสโมสรถูกเรียกไปเป็นทหารและต้องสู้รบในสงครามหลายราย เช่น เฟรด คีเนอร์ ผู้เล่นตำแหน่งกองหลังของทีม ที่ถูกเรียกไปประจำการและต้องสู้รบกับฝ่ายจักรวรรดิเยอรมันในยุทธการที่แม่น้ำซอม[11]ซึ่งจัดว่าเป็นสมรภูมิรบที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่มีทหารเสียชีวิตกว่า 1 ล้านนาย โดยเฟรด คีเนอร์ ได้รับบาดเจ็บหนักแต่ก็รอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้จอห์น สตีเฟนสัน ผู้รักษาประตูตัวสำรอง[12]และ ทอม วิตตส์ ผู้เล่นดาวรุ่งของทีม ก็ถูกเรียกไปเป็นทหารด้วยเช่นกัน โดยทอม วิตตส์ เป็นผู้เล่นของสโมสรที่เสียชีวิตจากพิษบาดแผลที่ได้รับจากรบที่ลิมง-ฟงแต็น จังหวัดนอร์ ประเทศฝรั่งเศส[13]
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฟุตบอลในประเทศอังกฤษกลับมาแข่งขันต่อหลังจากหยุดแข่งไปนานถึง 4 ฤดูกาล โดยคาร์ดิฟฟ์ ซิตี กลับมาลงแข่งขันในฤดูกาล 1919–20 ในเซาเทิร์นฟุตบอลลีก ดิวิชัน 1 และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4
ในปี ค.ศ.1920 อิงกลิชฟุตบอลลีก ได้ขยายโครงสร้างลีกอาชีพ โดยให้เพิ่มดิวิชัน 3 จากเดิมที่มีเพียง 2 ดิวิชัน โดยคัดเลือกจากสโมสรที่แข่งขันในเซาเทิร์นฟุตบอลลีก และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี ที่ในขณะนั้นอยู่ในระดับสูงสุดของเซาเทิร์นฟุตบอลลีกได้สมัครขอเข้าร่วมอิงกลิชฟุตบอลลีก และได้รับการโหวตจากสโมสรสมาชิกให้เข้าสู่ดิวิชัน 2
วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1920 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ได้ลงแข่งขันในฟุตบอลลีกเป็นนัดแรก โดยเล่นเป็นทีมเยือนพบกับสโมสรฟุตบอลสต๊อกพอร์ต เคาน์ตี ที่สนามเอดเจลี พาร์ก และเป็นฝ่ายบุกมาชนะ 5–2[14]
เมนูนำทาง
สโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี ประวัติใกล้เคียง
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลแหล่งที่มา
WikiPedia: สโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี http://www.bobbankhero.com http://www.answers-to-questions.info/England-Footb... http://fchd.info/CARDIFFC.HTM http://www.fchd.info/CARDIFFC.HTM http://www.dailynews.co.th/Content/sports/205985/%... http://www.cardiffcityfc.co.uk http://www.cardiffcityfc.co.uk/news/article/1899-1... http://www.walesonline.co.uk/sport/football/footba... http://www.gtj.org.uk/en/item10/32142 https://www.bbc.com/news/uk-wales-45666078%E2%80%8...