ประวัติสโมสร ของ สโมสรฟุตบอลภูเก็ต

พ.ศ. 2552

เมื่อปี พ.ศ. 2552 จังหวัดภูเก็ต ได้ส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วม ลีกภูมิภาคโซนภาคใต้หรือดิวิชั่น 2 ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ มอบหมายให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจัดการแข่งขันขึ้น เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนทั่วไป อีกทั้งเป็นการ ยกมาตรฐานลีกไทยให้แข็งแกร่ง อันส่งผลให้ทีมชาติไทยได้ก้าวสู่ ระดับโลกต่อไปในอนาคต จึงก่อเกิด “ภูเก็ต เอฟซี” และใช้ฉายา “มังกรทะเล” แต่เนื่องจากใช้นักเตะในท้องถิ่นภาคใต้เป็นแกนหลัก ของทีม จึงทำให้ขาดประสบการณ์ในการแข่งขันระดับประเทศ และ ไม่ประสบความสำาเร็จในการแข่งขันเท่าที่ควร โดยจบฤดูกาลด้วย อันดับรองสุดท้าย เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น

พ.ศ. 2553

สโมสรฟุตบอลจังหวัดภูเก็ตได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน ภาครัฐ นักการเมืองท้องถิ่น และภาคเอกชนที่รักกีฬาฟุตบอล ในจังหวัดภูเก็ต โดยมี “โกเล็ก” คุณนฤเบศ อายุพงศ์ ผู้จัดการ ทีมภูเก็ต เอฟซี, “โกเอี่ยม” คุณเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ ผู้อำนวยการ โรงแรมในเครือ กะตะกรุ๊ป, คุณวิรัช พาที ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต, “อัยการป้อม” เชษฐ์วิทย์ ตันติพันธุ์วดี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต ร่วมหารือกันและ ประสานงานไปยังสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ผ่านทาง “โกเหม็น” คุณไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬา แห่งประเทศไทยเพื่อขอเป็นพันธมิตร จับมือประสานใจช่วยเหลือ ในเรื่องนักเตะซึ่งกันและกัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ด้วยดี และเปลี่ยนชื่อเป็น “สโมสร เอฟซี ภูเก็ต” ภายใต้ ฉายา “กิเลนทะเลใต้” และเป็นความโชคดีของเอฟซี ภูเก็ต “ขงเบ้งลูกหนัง” อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ประธานพัฒนาเทคนิคสโมสร เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ลงไปช่วยคุมทัพภูเก็ต เอฟซี ซึ่งกำลังผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถคว้าแชมป์ ฟุตบอลลีกภูมิภาค โซนภาคใต้ เข้าสู่รอบแชมเปี้ยนลีก และสามารถคว้ารองแชมป์ดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ อย่างเต็มภาคภูมิ

พ.ศ. 2554

สโมสรเอฟซี ภูเก็ตได้เสริมความแกร่งด้วยการดึงผู้เล่นหลายคนมาจากหลายสโมสรฯ เช่น โคเน่อดาม่า, อับดุล คูริบาลี่ จากเมืองทองยูไนเต็ด, วัชรพงษ์ จันทร์งาม จากแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด, นิรันดร์ พันธ์ทอง, ตามีซี หะยียูโซะ, กรพรหม จรูญพงษ์ และ เสกสิทธิ์ สีใส จากราชประชา ไทยแลนด์ เอฟซี และมีการดึงโค้ชหน้าใหม่อย่าง “จั๊บ” สุระชัย จิระสิริโชติ อดีตนักฟุตบอลยุคดรีมทีมมาคุมทีม เริ่มต้นฤดูกาลอย่างยอดเยี่ยม ทำให้ภูเก็ตติดอยู่ในอันดับสูงสุดของตารางคะแนนได้ระยะหนึ่ง แต่เกิดปัญหาบางประการ ทำให้โค้ชจั๊บสละเก้าอี้กุนซือ จากนั้นการเข้ามาของ “โค้งพงษ์” สมพงษ์ วัฒนา เข้ามากู้วิกฤติ และประคองสถานการณ์จนจบฤดูกาล 2554 จบด้วยอับดับ 9 มีคะแนนทั้งฤดูกาลรวม 45 คะแนน ส่วนฟุตบอลถ้วยอย่างโตโยต้าลีกคัพ ก็ทำผลงานได้ดีแค่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เนื่องจากการที่ขาดแรงสนับสนุนจึงทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในช่วงเลกหลังของปี 2554

พ.ศ. 2555

สโมสร เอฟซี ภูเก็ต เริ่มต้นได้ไม่ดี เท่าที่ควร เพราะขาดสปอนเซอร์ช่วยเหลือ จึงพยายามดึงทุก ภาคส่วนในจังหวัด รวมไปถึงแฟนบอล ให้เข้ามาเป็นหนึ่งในบอร์ด บริหารและเสริมผู้เล่นหน้าใหม่ เช่น มาซิโอ้ ซานโตส จากลีกพม่า, ศุภนนท์ ปรางค์จันทร์ จากเชียงใหม่ เอฟซี, สุวิทย์ นำจำเริญ จาก ชัยภูมิ ยูไนเต็ด และ 3 นักเตะจากราชประชา เอฟซี วุฒิพงษ์ สิทธิธัญกิจ, นรากรณ์ วิเศษธนกาล, ภีรชาติ ยิ้มทอง รวมถึงนักเตะคนอื่น ๆ อีกหลายคน โดยมีกุนซือมากความสามารถอย่างมิลอสโจซิส แต่ก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ประกอบกับปัญหาด้านการเงินจนทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะไม่มีชื่อทีม เอฟซี ภูเก็ต อยู่ในจังหวัดอีกต่อไป

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ด้วยความเสียสละต่อส่วนรวม คุณปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป พร้อมทีมงานบริหารชุดใหม่ ได้แก่ คุณวิรุฬ เหาตะวานิช, คุณจักรภพ สู้งาน, คุณทรัพย์สิน ภูผา, คุณนรินทร์ เศรษฐีใจเย็น, คุณเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์, คุณจิรวิทย์ ปิติกุลสถิต, คุณทินรัตน์ เทพบุตร, คุณไพฑูลย์ ศิลปวิสุทธิ์ ได้ตอบรับเข้ามากู้สถานการณ์ วิกฤตในครั้งนี้ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “THE HERO OF PHUKET” พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ภูเก็ต เอฟซี” และตั้งฉายาใหม่เป็น “ดิไอแลนด์เดอร์ส” ซึ่งมีความหมายที่สร้างแรงกระตุ้นให้คนใน จังหวัดร่วมมือร่วมใจเชียร์ทีมฟุตบอลของชาวภูเก็ตให้ก้าวไปสู่ เป้าหมายขึ้นไทยลีกภายใน 2 ปี และในช่วงเลก 2 มีการเสริมผู้เล่น ชื่อดังอย่างคับคั่ง เช่น กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ผู้รักษาประตูชาว ภูเก็ตแท้ๆ, นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ แบ็คซ้ายผู้แข็งแกร่ง, ยุทธนา จงนอก กองกลางจอมเก๋า, ROLAND GUNTHER VARGAS กองกลางเทคนิคสูง, BOAS CHUN กองกลางพรสวรรค์จากพัทลุง เอฟซี เป็นต้น

แต่เนื่องจากความไม่ลงตัวบางประการทำให้ มิลอสโจซิส ประกาศอำลาตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม และแต่งตั้งคุณณรงค์ อาจารยุตต์ อดีตนักเตะทีมชาติไทย ที่มาประกอบธุรกิจจนประสบความสำเร็จในจังหวัดภูเก็ตและทำงานด้านฟุตบอลเยาวชนมาโดยตลอด เข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งทำให้ผลงานกระเตื้องขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่เชื่อมั่นว่าจะพาทีมหนีรอดการตกชั้นได้เนื่องจากเป็นปีที่มีการแข่งขันกันสูง ดังนั้นด้วยความเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกลของคุณปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานสโมสรฯ และฝ่ายบริหารสโมสรฯ จึงมีการเจรจาของยืมตัว “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอนจากสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี มาคุมทีมในช่วง 6 นัดสุดท้ายของฤดูกาล จนในที่สุดด้วยความเสียสละและมุ่งมั่นของฝ่ายบริหาร ความสามารถของเหล่าสต๊าฟโค้ชและนักเตะ รวมไปถึงความศรัทธาของเหล่าแฟนบอลที่รวมพลังส่งแรงใจเชียร์ ส่งผลให้ภูเก็ต เอฟซี สามารถหนีรอดจากการตกชั้นได้ในโควตาสุดท้ายของตารางคะแนนพอดี

โดยในวันที่ 17 พ.ย. 2555 ภูเก็ต เอฟซี ได้ประกาศฉายาภาษาไทย "ขุนศึกทะเลใต้" ใช้ควบคู่กับ "The ISLANDERs"

พ.ศ. 2556

ภูเก็ต เอฟซี ประกาศแต่งตั้ง “โค้ชตู่” พนิพล เกิดแย้ม ขึ้นมาคุมทีม พร้อมแต่งตั้ง “โค้ชจิ๋ว” นิวัฒน์ นุ้ยสง่า เป็น ผจก.ทีม ทางผู้บริหารได้มีการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ ดึงนักเตะชั้นดี เข้าสู่ทีมมากมาย เช่น “ดูดู้” หลุยส์ เอดูอาโด้ ปูร์ซิโน่, เจฟฟี่ ดูแมงก์, จอร์จี้ ทริซิมาคูริดเซ่, กฤษดา สาแก้ว, “สไปเดอร์-มิง” นินูรุดดิน นิเดร์หะ, สะการียา กอและ, อดิศักดิ์ ดวงศรี และ ธงชัย กึนขุนทด เป็นต้น โดยตั้งเป้าเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกให้ได้ ภายใต้แนวคิด "ศักดิ์ศรีภูเก็ต" ซึ่งผลงานให้ช่วงต้นฤดูกาลทีมสามารถเกาะกลุ่มหัวตารางได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ อยู่บ้าง แต่แล้วก็เกิดสองผู้เล่นสำคัญอย่าง นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ กัปตันทีม และ กฤษดา สาแก้ว กองกลางจอมบุก มีปัญหาไม่สามารถลงสนามได้ ทำให้ผลงานของทีมตกลงไปจนหมดลุ้นการเลื่อนชั้น แต่ก็มีข่าวดีเมื่อได้ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับครูไซโร่ ยอดทีมฟุตบอลจากลีกบราซิล และได้มีการก่อสร้างสนามฝึกซ้อมของสโมสรที่หมู่บ้านเจ้าฟ้าธานี ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก

ช่วงปิดเลกแรก สโมสรตัดสินใจแปลงเปลี่ยนนักเตะกว่าครึ่งทีม ทำให้นักเตะสำคัญอย่าง นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์, วัชรพงษ์ จันทร์งาม รวมถึงนักเตะสายเลือดภูเก็ตแท้ๆอย่าง กิตติธัช ไกรทอง และสุธี ศักดิวงศ์ ต้องอำลาทีมไป โดยได้มีการดึง ลูโดวิค ทาคาม , อาลีฟ เปาะจิ, สุกรี อีแต, ฉัตรชัย โมกเกษม และ วัชระ เกรียรัมย์ เข้าสู่ทีม แต่ผลงานในต้นเลกสองก็ยังไม่ดีขึ้น จนเกิดวิกฤตและแรงกดดันจากแฟนบอล ทำให้โค้ชตู่ต้องประกาศลาออกไป และได้มีการแต่งตั้ง “เตโก้” สเตฟาโน่ คูกูร์ร่า เข้ามารับหน้าที่แทนในช่วงกลางเลกสอง ถึงกระนั้นผลงานของสโมสรก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร จบฤดูกาล 2556 ด้วยอันดับที่ 12 มี 39 คะแนน

โดยในช่วงปลายฤดูกาล ได้มีการแต่งตั้งให้ รีพับบลิก ภูเก็ต เข้ามาดูแลด้านงานประสัมพันธ์และภาพลักษณ์สโมสร โดยได้มีการประกวดพรีเซนเตอร์ของสโมสรเป็นครั้งแรก ใช้ชื่อว่า "มิสซี่ ภูเก็ต" ซึ่งผู้ชนะได้แก่ “น้องชมพู” ชุติมณฑน์ ประสานวรรณ รวมทั้งได้แต่งเพลง "ศักดิ์ศรีภูเก็ต" เป็นเพลงประจำสโมสร ซึ่งขับร้องโดย "โป่ง" ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ร็อคเกอร์รุ่นใหญ่

พ.ศ. 2560

[1]วันที่ 28 พ.ย. 60 นายปิติพล นุกูลพานิชย์วิพัฒน์ ประธานสโมสรภูเก็ต เอฟซี พร้อมด้วย น.ส.ทิพย์สุนันทา กระจ่าง ที่ปรึกษาสโมสรภูเก็ต เอฟซี แถลงข่าวประกาศยุบสโมสรภูเก็ต เอฟซี หลังจากถูกนักเตะต่างชาติของสโมสร 3 ราย ฟ้องร้องต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เรียกค่าเสียหาย 83 ล้านบาท อ้างถูกยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เหตุเกิดขึน นายปิติพล กล่าวว่า การประกาศยุบทีมเนื่องจากถูกนักเตะ 3 ราย ประกอบด้วย โรลันด์, อลอนโซ และ ซานโตส เรียกค่าเสียหายรวมถึงค่าปรับฟีฟ่า ประมาณ 83 ล้านบาทเศษ

ใกล้เคียง