ประวัติ ของ สโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด

United conceding the third goal in the 1901 FA Cup Final against Tottenham Hotspur in Bolton

สโมสรเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ.1889 ที่โรงแรมอเดลฟี ในเมืองเชฟฟีลด์ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ครูซิเบิ้ล Crucible Theatre) โดยผู้ก่อตั้งคือ เซอร์ ชาร์ลส์ เคร็ก ประธานสโมสรคริกเก็ต เชฟฟีลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งเคยใช้สนามบรามอลล์ เลนมาก่อน ก่อนจะย้ายไปที่โอลีฟ โกรฟ ท่านเซอร์จึงต้องหาทีมใหม่มาเช่าสนามแทน ซึ่งก็คือเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดนี่เอง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายุคที่รุ่งเรืองที่สุดของเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดอยู่ในช่วง 40 ปีแรกของสโมสร ระหว่างปี 1895-1935 เมื่อพวกเขาในแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาล 1897-98 รองแชมป์ในปี 1896-97 และ 1899-1900 ชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 1899, 1902 ,1915 และ 1925 รองชนะเลิศปี 1901 และปี 1936 จากปี 1925 เป็นต้นมา พวกเขาก็ไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์อีกเลย หลังจากนั้นพวกเขาก็มักจะขึ้นชั้น ตกชั้น สลับกันไป พวกเขาเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศบอลถ้วยในประเทศทั้งสองถ้วยและยังได้เตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพอีกในฤดูกาล 2002-03 แต่ก็พลาดทั้งหมด

ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดอยู่ในช่วงปี 1975 ถึง 1981 จากที่จบอันดับ 6 ดิวิชัน 1 ในฤดูกาล 1974-75 ปีต่อมาพวกเขากลับตกชั้นสู่ดิวิชัน 2 และอีก 3 ปีก็ตกชั้นอีกสู่ดิวิชัน 3 เท่านั้นยังไม่พอในปี 1981 พวกเขาก็ตกชั้นสู่ดิวิชัน 4 (ซึ่งเทียบเท่า ลีก ทูในปัจจุบัน) แต่อยู่ได้แค่ปีเดียวพวกเขาก็กลับสู่ดิวิชัน 3 และ แค่ 2 ปีก็เลื่อนชั้นกลับสู่ดิวิชัน 2 อีกครั้ง

พวกเขาตกชั้นสู่ดิวิชัน 3 อีกครั้งในปี 1988 แต่หลังจากได้ผู้จัดการทีมคนใหม่คือ เดฟ บาสเซตต์ เขาก็ทำให้เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด กลับสู่ยุคที่ถือว่าประสบความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อใช้เวลาแค่ 2 ปีนำเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดคืนสู่ ลีกสูงสุดอีกครั้งในปี 1990 หลังจาก 14 ปีที่ตกชั้นไป คราวนี้พวกเขาอยู่ได้ถึง 4 ฤดูกาล (เป็นหนึ่งในทีมที่อยู่ในยุคก่อตั้งพรีเมียร์ ลีก) และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพในฤดูกาล 1992-93 ก่อนตกชั้นไปในปี 1994

พวกเขาไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดถึงอีก 12 ปี โดยในช่วงเวลาเหล่านั้นพวกเขาเกือบที่จะได้เลื่อนชั้นมาอยู่หลายครั้งเช่น เข้าถึงรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในปี 1997 ซึ่งคุมโดย โฮเวิร์ด เคนดัลล์ ผู้รับตำแหน่งต่อจากเดฟ บาสเซตต์ อีกครั้งในปี 1998 โดยผู้จัดการทีมชั่วคราว สตีฟ ทอมป์สัน ปีถัดมาพวกเขาได้นีล วอร์น็อกเข้ามาคุม แต่กลับสู่สภาวะที่ยากลำบากอีกครั้งเมื่อจบอันดับเกือบท้ายตารางและสถานการณ์ทางการเงินที่เข้าขั้นวิกฤตจึงไม่สามารถที่จะหาผู้เล่นมาเสริมทีมได้ตามที่ต้องการ เมื่อถึงฤดูกาล 2002-03 ก็เป็นอีกฤดูกาลที่น่าจดจำของสโมสรเมื่อเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยภายในประเทศทั้งสองรายการ และได้เพลย์ออฟ เลื่อนชั้น แต่ก็น่าเสียดาย ที่พลาดทั้งหมด โดยรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตันไป 3-0 อย่างไรก็ตาม นีล วอร์น็อกก็สามารถนำทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จในปี 2006 เมื่อพาทีมจบตำแหน่งรองชนะเลิศในลีกแชมเปี้ยนชิพ แต่อยู่ได้ปีเดียวก็ต้องตกชั้นไป ท่ามกลางการโต้เถียงที่รุนแรงกับ คาร์ลอส เตเบซ (ถ้าจำกันได้ ปีนั้นแมทช์สุดท้าย คาร์ลอส เตเบซ เป็นคนยิงให้เวสต์แฮมบุกไปเอาชนะแมน ยูไนเต็ดถึงถิ่น ซึ่งก่อนแข่งเวสต์แฮมมีแต้มเท่ากับเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดแต่ลูกได้เสีย เชฟฟีลด์ยูไนเต็ดดีกว่า ทำให้เวสต์แฮม รอดตกชั้น ส่วนเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ตกชั้น) หลังจากนั้นเขาก็ลาออก

พวกเขาประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกครั้งในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยค่าเหนื่อยที่ไม่เหมาะสมกับระดับฝีเท้าของนักเตะประกอบกับช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จสั้นเกินไป ในปี 2009 เควิน แบล็กเวลล์ พาทีมเข้าถึงรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ทีมเข้าสู่ยุคมืดมนอีกครั้ง ฤดูกาล 2010-11 ถือเป็นหายนะอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปถึง 3 คน สุดท้ายก็ต้องตกชั้น ซึ่งคุมโดยมิกกี้ อดัมส์ นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องตกชั้นสู่ลีกวันเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี และเพียง 5 ปีเท่านั้นหลังจากที่อยู่ในพรีเมียร์ลีก

ใกล้เคียง

สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล