ประวัติ ของ สโมสรฟุตบอลเดอะนิวเซนส์

คลันซันต์ฟรายด์

สโมสรเริ่มก่อตั้งโดยใช้ชื่อสโมสรฟุตบอลคลันซันต์ฟรายด์เพื่อเป็นตัวแทนของหมู่บ้านคลันซันต์ฟรายด์-อัม-เมฮายน์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้ชายแดนติดต่อกับอังกฤษใน ค.ศ. 1959 และใช้สนามรีครีเอชันกราวด์ (Recreation Ground) เป็นสนามเหย้า คลันซันต์ฟรายด์เข้าแข่งขันในมอนต์โกเมอรีเชอร์อเมเจอร์ฟุตบอลลีก ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลระดับสี่ของเวลส์ในขณะนั้น คลันซันต์ฟรายด์ชนะเลิศจำนวน 7 ครั้ง เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1989–90 คลันซันต์ฟรายด์ได้รับเลือกให้เข้าสู่เซ็นทรัลเวลส์ลีก (หรือมิดเวลส์ลีกในปัจจุบัน) พวกเขาแข่งขันเพียงฤดูกาลเดียวก็ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศและเลื่อนชั้นสู่คัมรีอัลไลอันซ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยในฤดูกาล 1992–93 พวกเขาได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในฐานะทีมชนะเลิศของคัมรีอัลไลอันซ์ และชนะเลิศการแข่งขันเวลช์อินเทอร์มิเดียตคัพด้วย

โทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์

คลันซันต์ฟรายด์ชนะเลิศเวลช์คัพใน ค.ศ. 1996 และได้สิทธิ์เข้าแข่งขันยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลานั้น บริษัทโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์ซึ่งเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองออสเวสตรีได้เสนอข้อตกลงเป็นผู้สนับสนุนมูลค่า 250,000 ปอนด์แลกกับการพ่วงชื่อบริษัทเข้าไปในชื่อสโมสรเป็นสโมสรฟุตบอลโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์ คลันซันต์ฟรายด์ ในรอบคัดเลือกพวกเขาจับสลากพบกับรุคฮอร์ชุฟซึ่งเป็นทีมชนะเลิศฟุตบอลถ้วยจากโปแลนด์ พวกเขาเสมอ 1–1 ที่เวลส์ก่อนจะแพ้ 5–0 ที่โปแลนด์ ในปีถัดมาพวกเขาเปลี่ยนชื่อเหลือเพียงสโมสรฟุตบอลโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์เท่านั้น ซึ่งทำให้เป็นสโมสรแรกในสหราชอาณาจักรที่ตั้งชื่อโดยใช้ชื่อผู้สนับสนุนเท่านั้น และนับแต่นั้นมาพวกเขายังได้เข้าแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปอีกหลายครั้ง การแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปนัดเหย้าของพวกเขามักจะใช้สนามของสโมสรอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเช่นนิวทาวน์หรือเร็กแซมเนื่องจากรีครีเอชันกราวด์ซึ่งเป็นสนามเหย้าจริงของพวกเขาเองนั้นไม่ผ่านมาตรฐานของยูฟ่า ในการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ซิตีใน ค.ศ. 2003 พวกเขาใช้มิลเลนเนียมสเตเดียมที่คาร์ดิฟฟ์ซึ่งมีความจุ 72,000 ที่นั่งเป็นสนามเหย้า

ยุบรวมกับออสเวสตรีทาวน์

ในฤดูร้อน ค.ศ. 2003 ผู้ถือหุ้นของสโมสรฟุตบอลออสเวสตรีทาวน์เข้าประชุมร่วมกับทีเอ็นเอสเพื่อเจรจาการยุบรวมทีม แม้ว่าผู้ถือหุ้นบางส่วนจะไม่ทราบเรื่องนี้ก็ตาม ออสเวสตรีทาวน์ซึ่งมีฐานะทางการเงินด้อยกว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากทีเอ็นเอสนัก และแข่งขันในลีกของเวลส์เช่นกันแม้ว่าจะตั้งอยู่ในมณฑลชรอปเชอร์ในประเทศอังกฤษก็ตาม สมาคมฟุตบอลเวลส์ได้รับรองการรวมทีมในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2003 แม้ว่าเดิมทีเดียวนั้นยูฟ่าไม่เห็นด้วยกับการยุบรวมทีมที่อยู่ในคนละประเทศกัน แต่ยูฟ่าก็รับรองในเวลาต่อมา

ฤดูกาล 2003–04 ทีเอ็นเอสไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน พวกเขาได้เพียงรองชนะเลิศทั้งในลีกและเวลช์คัพ โดยตำแหน่งชนะเลิศทั้งสองรายการนั้นเป็นของริล อย่างไรก็ตาม ทีเอ็นเอสได้ตำแหน่งชนะเลิศทั้งสองรายการในฤดูกาลถัดมา

ในช่วงปิดฤดูกาลก่อนเริ่มฤดูกาล 2005–06 หลังจากที่ยูฟ่าไม่อนุมัติให้ลิเวอร์พูลซึ่งชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเข้าแข่งขันในฤดูกาลถัดไป ทีเอ็นเอสได้เสนอตัวแข่งขันกับลิเวอร์พูลแบบนัดเดียวเพื่อชิงสิทธิ์เข้าแข่งขันรอบคัดเลือกรอบแรก[3] หลังจากที่ยูฟ่าได้ตกลงให้ลิเวอร์พูลเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบแรกได้ ทีเอ็นเอสและลิเวอร์พูลก็จับสลากได้พบกันเอง โดยการแข่งขันนัดแรกที่แอนฟีลด์ ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะ 3–0 จากแฮตทริกของสตีเวน เจอร์ราร์ด นัดที่สองซึ่งแข่งขันที่เร็กแซมนั้น จีบรีล ซีเซทำประตูขึ้นนำก่อนที่เจอร์ราร์ดซึ่งเปลี่ยนตัวลงมาทำเพิ่มได้อีกสองประตู ทำให้ลิเวอร์พูลชนะด้วยผล 3–0 เช่นกัน แม้ว่าทีเอ็นเอสจะเป็นฝ่ายแพ้ในการแข่งขันก็ยังได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะเจอราร์ด โดเฮอร์ตี ผู้รักษาประตูชาวไอร์แลนด์เหนือซึ่งราฟาเอล เบนิเตซได้ยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในการแข่งขันทั้งสองนัด[4]

เดอะนิวเซนส์

ต้น ค.ศ. 2006 บริติชเทเลคอมได้เข้าควบรวมกิจการของโทเทิลเน็ตเวิร์กโซลูชันส์[5] ซึ่งทำให้ข้อตกลงการเป็นผู้สนับสนุนสิ้นสุดลงเมื่อจบฤดูกาล 2005–06 และจำเป็นต้องหาชื่อใหม่ในการแข่งขันฤดูกาลถัดไป ซึ่งพวกเขาตกลงกันได้ว่าจะใช้ชื่อ "เดอะนิวเซนส์" ซึ่งสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสรที่ควบรวมกันก่อนหน้านี้ โดยคลันซันต์ฟรายด์มีฉายาว่า "เดอะเซนส์" มาก่อน ในขณะที่ประวัติศาสตร์ของเมืองออสเวสตรีเองก็เกี่ยวข้องกับออสวอลด์แห่งนอร์ทัมเบรียซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องเป็นนักบุญออสวอลด์ นอกจากนี้ชื่อใหม่ยังสอดคล้องกับอักษรย่อ "ทีเอ็นเอส" ของชื่อทีมในขณะนั้นด้วย ตราใหม่ของสโมสรได้ออกแบบให้มีรูปสัตว์สองตัว ได้แก่มังกรซึ่งสื่อถึงคลันซันต์ฟรายด์ในเวลส์ และสิงโตซึ่งสื่อถึงออสเวสตรีในอังกฤษ[6]

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าเดอะนิวเซนส์ได้แจ้งขอใช้สนามเดวาสเตเดียมซึ่งเป็นสนามของสโมสรเชสเตอร์ซิตีเพื่อแข่งขันในฤดูกาล 2010–11 หลังจากไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างอัฒจันทร์ใหม่ขนาด 1,000 ที่นั่งที่พาร์กฮอลล์ ซึ่งในขณะนั้นสโมสรเชสเตอร์ซิตีเองก็ประสบปัญหาทางการเงินเช่นกัน เดวาสเตเดียมนั้นตั้งคร่อมเขตแดนระหว่างอังกฤษและเวลส์ โดยอัฒจันทร์และพื้นสนามตั้งอยู่ในเวลส์ ในขณะที่อาคารสำนักงานของสโมสรอยู่ในอังกฤษ และเชสเตอร์ซิตีเองก็สังกัดอยู่กับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ[7] อย่างไรก็ตาม การเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ เชสเตอร์ซิตีล้มละลายในเวลาต่อมา และเดอะนิวเซนส์ยังคงใช้สนามพาร์กฮอลล์ตามเดิมในฤดูกาลถัดมา

เดอะนิวเซนส์ชนะเลิศเวลช์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2009–10 และเข้าแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2010–11 ในรอบคัดเลือก โดยจับสลากได้พบกับโบฮีเมียนส์จากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งชนะเลิศลีกของไอร์แลนด์พรีเมียร์ดิวิชันในรอบคัดเลือกรอบที่สอง โดยถึงแม้ว่าการแข่งขันนัดแรกที่ดาลีเมาต์พาร์ก กรุงดับลิน โบฮีเมียนส์จะเอาชนะไปได้ 1–0 ในวันที่ 13 กรกฎาคม[8] แต่เดอะนิวเซนส์กลับมาเอาชนะได้ที่พาร์กฮอลล์ด้วยผล 4–0 และชนะด้วยผลประตูรวม 4–1 ซึ่งเป็นการชนะครั้งแรกในฟุตบอลถ้วยระดับทวีปนับตั้งแต่เข้าแข่งขันครั้งแรกใน ค.ศ. 1996[9] แพต เฟนลอน ผู้จัดการสโมสรโบฮีเมียนส์ได้ตำหนิผลงานของลูกทีมว่า "น่าอับอาย" และ "ทำให้สโมสร ลีก และประเทศเสียชื่อเสียง"[10] ซึ่งผลการแข่งขันครั้งนั้นถือเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปที่แย่ที่สุดของโบฮีเมียนส์ในรอบ 40 ปี[11] เดอะนิวเซนส์ผ่านเข้ารอบไปพบกับอันเดอร์เลคต์ซึ่งชนะเลิศจากเบลเจียนเฟิสต์ดิวิชัน เอ โดยแพ้ทั้งสองนัดด้วยผลรวม 6–1 และผ่านเข้าไปแข่งขันกับซีเอสเคเอ โซเฟียจากบัลแกเรียในรอบคัดเลือกยูโรปาลีกก่อนจะแพ้ด้วยผลรวม 5–2

ในฤดูกาลถัดมา เดอะนิวเซนส์ในฐานะรองชนะเลิศเวลช์พรีเมียร์ลีกได้ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกยูโรปาลีก โดยเอาชนะคลิฟตันวิลล์จากไอร์แลนด์เหนือด้วยผลรวม 2–1 ในรอบแรกก่อนจะแพ้มิทิลแลนด์จากเดนมาร์กด้วยผลรวม 8–3 ในรอบถัดมา

วันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2016 เดอะนิวเซนส์ชนะเคฟเวน ดรูอิดส์ 2–0 ซึ่งเป็นการชนะครั้งที่ 27 ติดต่อกัน และกลายเป็นสโมสรในลีกสูงสุดที่ชนะติดต่อกันมากที่สุดในโลก โดยทำลายสถิติเดิมของอายักซ์ที่ทำไว้ 26 นัดระหว่างทศวรรษ 1970[12] แต่สถิติของพวกเขาหยุดลงเพียง 27 นัดหลังจากที่เสมอกับนิวทาวน์ 3–3 ในการแข่งขันนัดถัดมา[13]

ใกล้เคียง

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล

แหล่งที่มา

WikiPedia: สโมสรฟุตบอลเดอะนิวเซนส์ http://www.footballcrests.com/clubs/the-new-saints... http://www.independent.ie/sport/soccer/fenlon-fume... http://www.rte.ie/sport/2005/0526/TNS.html http://www.rte.ie/sport/soccer/2010/0713/bohemians... http://www.rte.ie/sport/soccer/2010/0720/bohemians... http://www.rte.ie/sport/soccer/2010/0721/fenlonp.h... http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/wales/mid_/4392... http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/europe/46... http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/league_of... http://www.saints-alive.co.uk/park_hall.php