ประวัติ ของ หลัน_เจี๋ยอิง

หลันเจี๋ยอิง เกิดเมื่อ วันที่ 27 เม.ย. พ.ศ. 2506 (1963) ที่ฮ่องกงในครอบครัวเชื้อสายชาวจีนแคะ ที่ยากจน ซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว โดยมีพี่ชาย 1 คนและพี่สาวอีก 1 คน ต่อมาพ่อของเธอได้เสียชีวิตลงไป ทำให้เธอกับแม่และพวกพี่ ๆ อยู่ด้วยความยากลำบาก ไม่นานแม่ของเธอก็มีสามีใหม่ซึ่งเป็นพ่อหม้ายลูกติด 3 คนที่มีฐานะดี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งแม่, พวกพี่ ๆ และตัวเธอดีขึ้น แต่ทว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอค่อนข้างโหดร้ายเพราะเวลาพ่อเลี้ยงของเธอเมาก็จะอาละวาดชอบทุบตีทั้งแม่และลูก ๆ รวมถึงตัวเธอด้วย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเธอมาตั้งแต่เด็ก จากนิสัยที่มักใช้ความรุนแรงของพ่อเลี้ยงของเธอ ทำให้เธอคิดเสมอว่าเมื่อเรียนจบมีงานทำและมีเงินเก็บพอเธอจะย้ายออกจากขุมนรกนี้ให้ได้

ในราวต้นปีพ.ศ. 2526 สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้เปิดอบรมหลักสูตรการแสดงระยะสั้น 6 เดือน ขึ้นมาเป็นครั้งแรกจากหลักสูตรเดิมที่ผู้ผ่านการคัดเลือกต้องใช้เวลาเรียนนานถึง 1 ปี ถือเป็นมิติใหม่ที่ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เรียนจบไว ๆ และเป็นนักแสดงกับทางช่องได้เร็วขึ้น โดยทางช่องทีวีบีได้ประกาศรับสมัครบุคลากรที่ต้องการจะเป็นนักแสดงกับทางค่าย ซึ่ง หลันเจี๋ยอิง หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายที่ "วิทยาลัยคริสเตียน เก๋อจื้อ" (格致書院 香港基教書院) แล้วเธอได้ตัดสินใจไปกับเพื่อนสาวที่ชื่อ หยางหลิง (楊羚) เพื่อลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการแสดงระยะสั้นกับทางโรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในรุ่นที่ 12 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ หลิวเจียหลิง, อู๋ จวินหยู, เจิ้ง หัวเชียน, ซัง เทียนเอ๋อ, หลิวชิงหวิน, อู๋ฉีหัว และ เถาต้าหวี่ เธอเรียนการแสดงอยู่ประมาณ 6 เดือน จนจบหลักสูตรระยะสั้นและได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ทันที.

ชีวิตในวงการ

ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิงของเธอคือ การ เป็นพิธีกรรายการเด็กของ TVB รายการหนึ่ง ชื่อว่า "กระสวยอวกาศ 430" (430 Space Shuttle) ซึ่งในรายการ เธอได้ทำหน้าที่ดำเนินรายการร่วมกับโจวซิงฉือ และ เจิ้ง หัวเชียน ซึ่งรายการนี้ เหลียงเฉาเหว่ย ก็เคยเป็นพิธีกรในรายการมาก่อนเช่นกัน

ต่อมาในปีพ.ศ. 2527 สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้ย้ายเธอจากพิธีกร ไปอยู่ฝ่ายละคร ในช่วงแรกทางบริษัทให้เธอรับบทตัวประกอบ, บทนางรอง และบทนางเอก สลับกันไป โดยเริ่มจากละครรักวัยรุ่นเรื่อง "บ้านน้อยคอยรัก" (再版人 :The Clones) ที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และ หลิวเจียหลิง แสดงนำ, เรื่อง "รักในสายรุ้ง" (畫出彩虹 :Rainbow Round My Shoulder)นำแสดงโดย หลินจุ้นเสียน และ จาง ม่านอวี้, เรื่อง "เกินกว่าคำว่ารัก" (超越愛情線 :It Takes All Kinds) ร่วมนำแสดงโดย หวงเย่อหัว หวงเจ้าสือ เฉินซิวจู่ และ เยิ่นต๊ะหัว, เรื่อง "2คู่เพี้ยน" (扭計雙星:The Return of Mischievous Lots) แสดงร่วมกับ โอวรุ่ยเฉียง(区瑞强) จอห์นนี่ ยิป(叶振棠) และ เหลียงเจียหัว, เรื่อง "ชีวิตคนเมือง" (城市小品1984) แสดงร่วมกับ เหลียงเฉาเหว่ย จางม่านอวี้ หลี่เหลียงเหว่ย และฉินเพ่ย

แต่ต่อมาในปีเดียวกันเธอก็ได้เป็นนางเอกทันที ในเรื่อง "รักห้าเส้า" (家有嬌妻 :It's a Long Way to Home) รับบทนำร่วมกับ เหลียงเฉาเหว่ย และเรื่อง "จอมเพชฌฆาตหมัดสิงโต" (寶芝林 :The Return Of Wong Fei Hung) เวอร์ชัน หลิวเต๋อหัว ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนางเอก และผลงานอีกเรื่องในปีเดียวกัน คือละครเรื่อง "สวนทางรัก" (超越愛情線 :It Takes All Kinds 1984) ที่เธอประกบคู่กับ หวงเย่อหัว ได้รับความนิยม บทบาทของเธอในเรื่องนี้ได้รับคำชม และทำให้เธอถูกจับตามองในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรง

ในช่วงปลายปีพ.ศ. 2527 หลันเจี๋ยอิง ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนและผลักดันเป็นอย่างมาก จากสถานีโทรทัศน์ TVB ได้ถูกทางบริษัทขอให้เธอทำสัญญาการเป็นนักแสดงระยะยาว 5 ปี แต่เธอกลับรู้สึกว่าระยะสัญญามันนานเกินไปเลยต่อสัญญาไปแค่ 2 ปี ทำให้เธอเกิดมีปัญหากับทางช่องขึ้นมา เลยโดนทางบริษัทแบนไม่ให้เธอมีผลงานนาน 6 เดือน ทำให้เธอโดนปลดจากบทนางเอกที่เดิมทางช่องทีวีบีได้มีการวางตัวเธอให้รับบทนำร่วมกับโจวเหวินฟะในละครสากลย้อนยุคเรื่อง "เจ้าพ่อฮ่องกง" โดยได้ดาราสาวดาวรุ่งอีกคนมาเล่นแทนคือ กง ฉือเอิน

ในปีพ.ศ. 2528 หลังจากโดนแบนงานไปนานครึ่งปี ทางบริษัทก็ให้เธอร่วมแสดงในละครชุด "มารพิณพิฆาต" (六指琴魔 :The Possessed) โดยมีดาราดังร่วมแสดงอย่าง สือซิว, อู๋ฉีหัว และ เติ้ง ชุ่ยเหวิน เป็นละครชุดที่ดังและทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น เพราะเรตติ้งและผลตอบรับของผู้ชมค่อนข้างดี จึงทำให้ถัดมาในปีพ.ศ. 2529 เธอมีผลงานตามมามากมาย โดยเฉพาะละคร เรื่อง "ลิขิตฮ่องเต้" (真命天子 :Heir To The Throne Is) ที่มี หลิวเต๋อหัว ร่วมแสดงนำ ได้รับความนิยมและสร้างชื่อให้เธอโด่งดังขึ้นมา แต่ทว่า..ผลงานที่ตามมาอีกหลายเรื่องในปีเดียวกัน ทั้งเรื่อง "รักระยะสุดท้าย" (愛情全盒:Next Year,Next Kins)แสดงร่วมกับ อู่ฉีหัว, เรื่อง "มายฮีโร่" (英雄故事 :Turn Around and Die) ร่วมแสดงกับ ว่านจือเหลียง, ละครรักปนตลกเรื่อง "ผมเป็นโสดนะครับ" (鑽石黃老五 :A Taste of Bachelorhood) ร่วมแสดงกับ อู๋ฉีหัว กลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และในช่วงปลายปีพ.ศ. 2529 หลันเจี๋ยอิง ก็เกิดปัญหากับทางช่อง เพราะนิสัยส่วนตัวของเธอที่แปลก ไม่แคร์สื่อ จนหลายสื่อไม่ค่อยชอบเธอ และการมาทำงานสายบ่อยๆ ของเธอ ในการถ่ายละครเรื่องหนึ่ง ถึงกับทำให้ผู้บริหารของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ประกาศว่า ไม่สามารถทำงานกับเธอได้อีกต่อไป จนกระทั่ง ต้นปีพ.ศ. 2530 หลังจากหมดสัญญากับทางช่อง หลันเจี๋ยอิง ก็ออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ไป

หลังออกจากทีวีบี หลันเจี๋ยอิง ก็หันไปรับงานภาพยนตร์ แต่ถึงแม้การเล่นหนังจะได้ค่าตัวมากกว่า แต่การเล่นละครทีวีกลับมีโอกาสหาเงินได้ง่ายกว่า เธอก็เลยอยากกลับไปเล่นละครอีกครั้ง

ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งว่า เธอรู้สึกชอบการเล่นละครมากกว่าภาพยนตร์ เพรา การเล่นละครได้ฟิลลิ่งมากกว่าและต่อเนื่อง ส่วนหนังใหญ่มันไม่ได้อารมณ์ที่ต่อเนื่อง

และเธอหวังว่า การกลับไปเล่นละครให้กับทีวีบี ครั้งนี้ เธอจะไม่ใช่ดาราที่แค่ดูสวยอย่างเดียวเหมือนตอนที่ถูกทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โปรโมต ในอดีต เธออยากจะเน้นด้านการเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทมากกว่า เธอต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอไม่ใช่ดาราแจกันที่ประดับจอให้สดสวยเท่านั้น แต่ต้องการพิสูจน์การเป็นดาราเจ้าบทบาทที่ตีบทแตกให้เป็นที่ยอมรับของผู้ชมมากกว่า การเป็นแค่ดาราหน้าตาสวย

ในปีพ.ศ. 2531 เธอกลับเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกครั้ง

ปีพ.ศ. 2532 เข้าสู่ยุคทองของเธออย่างแท้จริง เมื่อ หลันเจี๋ยอิง กลับมาสู่วงการละครทีวีบี อีกครั้ง และโด่งดังกว่าในอดีต เป็นช่วงที่เธอได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงอย่างต่อเนื่อง เมื่อทางช่อง ได้ทำตามคำขอของเธอ คือไม่มอบเฉพาะบทบาทนางเอกผู้อ่อนหวาน ให้เธอเหมือนในอดีต แต่ได้มอบบทบาทที่ท้าทายฝีมือการแสดงให้กับเธอมากมาย อย่างที่เธอต้องการ มีทั้งบทนางเอก, นางร้าย, คนบ้า, รันทด เธอก็ตีบทแตกทุกบทที่เธอได้รับ โดยเริ่มจากผลงานเรื่อง "ฤทธิ์นางจิ้งจอก" (万家传说:The Vixen's Tale)เล่นประกบคู่กับ กัวจิ้นอัน โดยมี เติ้งชุ่ยเหวิน รับบท นางจิ้งจอก ผู้หลอกล่อยั่วยวน และ หลันเจียอิง รับบทผีสาวแสน สวย ซึ่งเป็นผลงานที่แจ้งเกิดให้เธออีกรอบ

ต่อมาบทบาทดราม่าหนัก ๆ ที่ท้าทายการแสดงของเธออย่างมาก เป็นการพลิกคาร์เรคเตอร์จากนางเอกมารับบทแม่ที่แสนรันทด ในละครสุดฮิตตลอดกาลเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" (義不容情:Looking Back in Anger)เธอได้สวมบทบาทเป็นภรรยาของหวงเย่อหัว ที่ถูกใส่ร้าย จนต้องโทษแขวนคอ ถึงแม้บทบาทของเธอในเรื่องนี้จะออกไม่กี่ตอนก็ตาม แต่การแสดงอันยอดเยี่ยมของเธอ ทำให้ในตอนนั้นเธอได้รับคำชมมากมาย

ทั้งเรื่อง "จอมยุทธผงาดฟ้า" (蓋世豪俠 :The Final Combat)ที่มี โจวซิงฉือ หลอฮุ่ยเจียน รวมแสดงนำ และ เรื่อง "มังกรโหด" (還我本色 :War of the Dragon) ที่มี เยิ่นต๊ะหัว, เวินเจ้าหลุน, กงฉือเอิน แสดงนำ ก็ได้รับความนิยม เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่องอื่น ๆ ในปีเดียว อาทิเช่น "สงครามหัวใจ" (摘星的女人 :Battle of the Heart 1989) ร่วมนำแสดงโดย หวงเย่อหัว, สือซิ่ว และ ไม่ชุ่ยเสี่ยน, รับเชิญในเรื่อง "ทะลุเวลาหารัก" (花月佳期 :I Do I Do 1989) นำแสดงโดย กัวจิ้นอัน, เติ้ง ชุ่ยเหวิน และ หลี่ เจียซิน, บทบาทนางร้าย ในเรื่อง "มาม่าซัง ผีเสื้อทมิฬ" (霓虹姊妹花 :The Mamasan) ประชันบทบาทกับ หลีหมิง, เหลียงเพ่ยหลิง และ อู่ไต้หยง

ผลงานเหล่านี้ทำให้เธอไม่ใช่แค่ ดาราสาวสวย อยู่บนหน้าจอทีวี อีกต่อไป เธอได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงจนเป็นที่ยอมรับจากผู้ชม ในฐานะ นักแสดงมากฝีมือ ได้สำเร็จ แต่แล้วจู่ๆ ในปีพ.ศ. 2533 เธอก็เงียบหายไป ไม่มีผลงาน ว่ากันว่า ด้วยความที่เธอเป็น คนแข็งกระด้างและเจ้าอารมณ์ บางครั้งค่อนข้างติสท์แตก โลกส่วนตัวสูง จึงมักมีปัญหากับสื่อ และทางบริษัท อยู่เสมอ

แต่แล้วในปีพ.ศ. 2534 เธอก็มีผลงานตลกเบาสมองถึง 2 เรื่องด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้น เป็นการกลับมารับบทนางเอกเต็มตัว ในเรื่อง "ดวงมากับเฮง" (橫財三千萬 :The poor rich man) มีดาราร่วมแสดงนำคือ เซี้ยะหยี่ และ โอวหยางเจิ้นหัว

ในปีพ.ศ. 2535 ผลงานละครที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดในชีวิตเธอ คือละครฟอร์มใหญ่ประจำปี เรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" (大時代 :The Greed of Man)ที่สร้างขึ้นมาในโอกาสพิเศษครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบี 25 ปี โดยมีนักแสดงชื่อดังมากมายมาร่วมงาน อาทิเช่น เจิ้งเส้าชิว, หลิวชิงเหวิน, โจว ฮุ่ยหมิ่น และ หลิวสงเหยิน ซึ่งในเรื่องนี้เธอได้รับบทเป็น "อาเหมย" หญิงแกร่งที่ต่อสู้เลี้ยงดูเด็กสี่คนที่ไม่ใช่ลูกของตนเอง ซ้ำยังเคราะห์ร้ายถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจจนมีอาการทางประสาท ซึ่ง หลันเจี๋ยอิง ก็สามารถแสดงบทชีวิตที่เข้มข้น นี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก พอสิ้นปีเธอก็คว้ารางวัล TV Awards มาครอง โดยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบนักแสดงยอดนิยมสูงสุดแห่งปี

ปีถัดมาพ.ศ. 2536 ผลงานตลกเบาสมองเรื่อง "5คู่ชูชื่น" (偷心大少 :the art of being together) ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยละครเรื่องนี่ใช้ทีมนักแสดงบางส่วนเป็นชุดเดียวกันกับเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" อย่าง หลินเป่าหยี, หลี่ลี่เจิน และ กัวอ้ายหมิง ร่วมแสดงนำผลงานละครเรื่องอื่นๆ ในปีนี้ มีเรื่อง "หวังอู่ จอมยุทธ์ดาบใหญ่" (大刀王五)

ในปีพ.ศ. 2537 ละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เธอจะออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี คือเรื่อง "ขบวนการขวางทางเถื่อน"(新重案傳真:Crime and Passion) แสดงกับ หลินเจียหัว และ เถาต้าหวี่

หลังจากนั้นเธอยังมีผลงานภาพยนตร์ เด่น ๆ คือ "นางพญาผมขาว ภาค1 หัวใจไม่ให้ใครบงการ" (The Bride With White Hair) ในปีพ.ศ. 2536 และเรื่อง ไซอิ๋วเดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" ภาค1-2 ในปีพ.ศ. 2538 หลังภาพยนตร์เรื่องนี้ ในปีพ.ศ. 2539 เธอก็ค่อยๆ จางหายไปจากวงการบันเทิง โดยไม่มีใครทราบว่าเธอ ออกจากวงการเพราะสาเหตุอะไร บางก็มีข่าวว่าในช่วงนี้ เธอต้องพบกับเรื่องสะเทือนใจอย่างต่อเนื่องเพราะพ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตไล่เลี่ยกันในระยะเวลาแค่ปีเดียว ตามด้วยเธอต้องประสบปัญหาความรักที่ล้มเหลว ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2541 (1998) เธอประสบอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและต้องพักรักษาตัว ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่รุมประดังถาโถมเข้ามาติด ๆ กัน จนทำให้ในปีถัดมาพ.ศ. 2542 (1999) เธอต้องเข้ารับการรักษาเยียวยาทางสภาพจิตใจอยู่นานในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต

หลังจากนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับตัวเธอ เป็นช่วง ๆ ว่าเธอหันหลังจากวงการไปเปิดธุรกิจเกี่ยวกับความงาม และ ต่อมาก็มีข่าวว่าธุรกิจของเธอล้มเหลว จนเธอหมดตัวและโดนศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย และกลายเป็นคนวิกลจริต จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลโรคประสาทแห่งหนึ่ง ต่อมาก็มีนักข่าวปาปารัสซี่ ตามถ่ายภาพเธอที่มักจะเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ อยู่เสมอ และต่อมาก็มีข่าวว่าเธอเคยโดนผู้มีอิทธิพล ในวงการบันเทิง 2 คน ข่มขืนเธอ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 ปีที่เธอออกจากวงการบันเทิง และเพราะสาเหตุนี้ ทำให้เธอกลายเป็น "โรคซึมเศร้า" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

และล่าสุดเมื่อประมาณต้นปีพ.ศ. 2561 ก็มีข่าวว่า มีการเปิดเผยรายชื่อ ผู้ชาย 2 คนที่เคยข่มขืนเธอในอดีต หนึ่งในนั้นคือ นักแสดงตลก "เจิ้งจื่อเหว่ย" แต่ต่อมาเขาก็ได้ออกมาปฏิเสธว่า ทุกอย่างที่เป็นข่าวไม่ใช่ความจริง ทำให้ข่าวค่อยๆ เงียบหายไป โดยที่ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงใด ๆ จนล่าสุดอดีตดาราสาว หลันเจี๋ยอิง กลับต้องมาเสียชีวิตลงไปเสียก่อน

แหล่งที่มา

WikiPedia: หลัน_เจี๋ยอิง http://tw.aboluowang.com/2013/0201/281884.html http://www.aboluowang.com/2013/0718/319886.html http://www.epochtimes.com/gb/18/11/4/n10830066.htm http://ent.ifeng.com/a/20180111/43020514_0.shtml http://www.imdb.com/name/nm0482643/ http://m.maoyan.com/information/32639?_v_=yes http://hk.apple.nextmedia.com/enews/realtime/20150... http://www.takungpao.com/news/232109/2018/1104/199... http://udn.com/news/story/7260/890536 http://m.cn.rfi.fr/%E6%B8%AF%E6%BE%B3%E5%8F%B0/201...