หอฉันในวัฒนธรรมของสำนักสงฆ์ ของ หอฉัน

โรงอาหารฤดูร้อนที่วังแกรนด์มาสเตอร์ที่มาลบอร์คในโปแลนด์

การกินอาหารร่วมกันเป็นกิจการหนึ่งที่นักบวชมากระทำร่วมกันในสถานที่เดียวกัน อาหารและวิธีกินก็ต่างกันไปแล้วแต่ลัทธิของสำนักสงฆ์ และขึ้นอยู่กับยุคสมัย เช่นธรรมเนียมการฉันของนักบวชในลัทธิเบ็นนาดิคตินที่บรรยายข้างล่าง

กฎของนักบุญเบ็นนาดิคตินจะอนุญาตให้ฉันอาหารสองมื้อ อาหารเย็นจะมีให้ฉันตลอดปี แต่อาหารค่ำจะมีให้ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง นอกจากวันพุธและวันศุกร์ อาหารก็จะเป็นของง่ายๆ ที่ประกอบด้วยอาหารสองจานกับผลไม้ หรือบางทีก็จะมีอาหารจานที่สามด้วยถ้าหาได้ วิธีปรุงก็เป็นของที่ทำง่าย ห้ามการฉันเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมยกเว้นยามเจ็บไข้ กฎของนักบุญเบ็นนาดิคตินคือการฉันพอประมาณ และจะฉันกันอย่างเงียบๆ โดยใช้การสื่อสารหรือส่งสัญญาณกันด้วยมือ ขณะที่ฉันก็จะมีนักบวชองค์หนึ่งทำการอ่านหนังสือศาสนาหรือบทเขียนเกี่ยวกับนักบุญให้นักบวชอื่นในหอฉันได้ฟัง

เมื่อมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 ความเคร่งครัดก็เริ่มหย่อนลง ที่มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขยายปฏิทินักบุญที่อนุญาตให้มีการฉันอาหารที่หรูหราขึ้น และประกอบพิธีที่ยาวนานขึ้น ที่รวมทั้งการจุดเทียน และการสวมคริสต์ศาสนภูษาที่เรียกว่า "เสื้อคลุมประจำสมณศักดิ์" (cope) ประเภทของอาหารที่ฉันก็เพิ่มขึ้นและมีกฎเกณฑ์มากขึ้น และอาหารที่ฉันกันภายในหอฉันก็จะแตกต่างจากอาหารที่ฉันในบริเวณอื่น กฎปฏิบัติดังกล่าวจะใช้ก็ต่อเมื่อมีจำนวนนักบวชที่มาฉันที่หอมีจำนวนเท่ากับหรือมากกว่าที่ระบุไว้