ประวัติ ของ ห้องนอน

เครื่องเรือน

เครื่องเรือนและสิ่งของอื่น ๆ ในห้องนอนมีความแตกต่างกันมาก โดยขึ้นอยู่กับความชอบและประเพณีตามสถานที่ อาทิ ห้องนอนใหญ่ (ห้องนอนมาสเตอร์) อาจมีเตียงนอนซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกัน (ดับเบิล คิง หรือ ควีน) มีตู้เสื้อผ้าอย่างน้อยหนึ่งตู้ ตู้ที่มีลิ้นชักใส่เสื้อผ้า (เดรสเซอร์) อย่างน้อยหนึ่งตู้ โต๊ะข้างเตียงอย่างน้อยหนึ่งตัว และ พรมบนพื้น ตู้เสื้อผ้าแบบสร้างติดกับผนัง (แบบบิลต์อิน) มักไม่นิยมในยุโรปเท่ากับในอเมริกาเหนือ ฉะนั้น ตู้เสื้อผ้าที่เคลื่อนที่ได้มักเป็นที่นิยมกว่าในยุโรป

ห้องนอนมักบ่งบอกถึงนิสัยของเจ้าของห้อง พร้อมทั้งถึงชนชั้นในสังคมด้วย ซึ่งทำให้การจัดห้องนอนในแต่ละห้องไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งของบางอย่างที่ห้องนอนส่วนมากมีเหมือนกัน ฟูกส่วนใหญ่มักยกระดับขึ้น โดยไม่วางบนพื้น ในศตวรรษที่ 14 มีฟูกในหลากหลายรูปแบบ คนจากชนชั้นต่ำมักใช้ฟูกยัดฟาง ในศตวรรษที่ 16 ฟูกยัดขนนกเริ่มเป็นที่นิยมชมชอบสำหรับผู้ที่มั่งมี ถ้าบุคคลธรรมดามีเงินซื้อฟูกสำหรับห้องนอนภายในระยะเวลา 7 ปี หลังจากที่แต่งงานแล้วจะถือว่าเป็นผู้ที่มีสถานะที่ดี[3] ในศตวรรษที่ 18 ฝ้ายกับขนแกะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ฟูกที่ทำจากขดสปริงมิได้เริ่มขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2414[4] ฟูกที่นิยมและมีคนซื้อมากที่สุดคือฟูกอินเนอร์สปริง[5] ฟูกมีทั้งแบบที่นิ่มจนถึงแบบแข็ง ห้องนอนอาจมีเตียงสองชั้นถ้ามีคนมากกว่าหนึ่งคนนอนร่วมห้องกัน

โต๊ะข้างเตียงเป็นที่นิยมเช่นกัน ซึ่งมักนำไว้ใช้วางสิ่งของต่าง ๆ เช่น นาฬิกาปลุกหรือโคมไฟ โทรทัศน์ไว้ในห้องนอนก็เป็นที่นิยมเช่นกัน 43% ของเด็กอายุตั้งแต่ 3 ถึง 4 มักมีโทรทัศน์ในห้อง[6] นอกจากโทรทัศน์แล้ว มีคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกม ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น และโต๊ะทำงานอีกด้วย ในศตวรรษที่ 20 ตอนปลายจนถึงศตวรรษที่ 21 ตอนต้น ห้องนอนเป็นสถานที่ที่ใช้สนทนามากขึ้น และผู้คนก็เริ่มใช้เวลาในห้องนอนมากขึ้น