ตำนาน ของ อะพอลโลกับแดฟนี

อะพอลโล หนึ่งในเทพเจ้าที่มีพลังมากที่สุดและมหานักรบ ทรงล้อเลียนการใช้คันและลูกธนูของเทพเจ้าแห่งความรัก เอียรอส ทรงตรัสว่า “เจ้าเกี่ยวอะไรกับอาวุธสงครามเช่นนี้ ทิ้งให้อยู่ในหัตถ์ที่คู่ควรเสีย จงดูการพิชิตที่ข้าชนะได้ด้วยธนูเหนืออสรพิษมหึมาที่เหยียดกายพิษของมันเหนือที่ราบหลายเอเคอร์! พอใจกับคบไฟของเจ้าเสีย เด็กน้อย แล้วก่อไฟของเจ้า ดังที่เจ้าเรียกพวกมัน ซึ่งเจ้าจะ แต่ไม่ทึกทักเอาการสอดกับอาวุธของข้า"[1]

เอียรอสซึ่งถูกดูหมิ่นทรงหยิบลูกธนูมาสองลูก อันหนึ่งเป็นทอง อันหนึ่งเป็นตะกั่ว พระองค์ทรงยิงนางไม้ แดฟนี ด้วยลูกธนูจากตะกั่วเพื่อก่อความเกลียดชัง และยิงลูกธนูทองทะลุพระหทัยอะพอลโลเพื่อก่อความรัก ทำให้อะพอลโลตกหลุมรักแดฟนี และในขณะเดียวกันนางกลับชังพระองค์ อันที่จริงนางปฏิเสธความรักจากผู้อื่นมากมาย นางพอใจกีฬาในป่าและการสำรวจป่ามากกว่า พระบิดาของนาง พะนีอัส ทรงสั่งให้เธอแต่งงานเพื่อให้พระองค์มีหลาน แต่นางอ้อนวอนพระบิดาให้นางครองตนเป็นโสด

อะพอลโลยังคงติดตามนาง และอ้อนวอนให้เธออยู่ แต่นางไม้ยังคงหนีพระองค์ต่อ ทั้งคู่แข่งกันสูสีจนเอียรอสเข้ามาก้าวก่ายและช่วยอะพอลโลให้ได้ตัวแดฟนี เมื่อเห็นว่าอะพอลโลจวนจะจับนางได้ นางก็ขานเรียกบิดาของนาง “ช่วยข้าด้วย พะนีอุส เปิดผืนดินเพื่อห่อหุ้มข้า หรือเปลี่ยนรูปข้า ซึ่งได้นำข้ามาสู่อันตรายนี้! ปล่อยข้าให้เป็นอิสระจากชายผู้นี้นับแต่บัดนี้ไป!"

พะนีอัสทำตามคำอ้อนวอนของนาง พร้อมทั้งร่ายคาถาด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ ผิวของนางเปลี่ยนเป็นเปลือกไม้ ผมของนางกลายเป็นใบ แขนของนางเปลี่ยนเป็นกิ่ง นางหยุดวิ่งหลังจากที่เท้าของนางกลายเป็นหยั่งลงดิน อะพอลโลสวมกอดกิ่งไม้ ทว่า แม้แต่กิ่งไม้ก็หดหนีจากพระองค์ ในเมื่ออะพอลโลไม่อาจได้นางมาเป็นภรรยา พระองค์ทรงสาบานว่าจะดูแลนางในฐานะต้นไม้ของพระองค์ จะขับไล่สัตว์ร้ายและอสุรกายบนโลกนี้ที่ตั้งใจทำร้ายนาง และสัญญาว่าใบของนางจะประดับเป็นมงกุฎอยู่บนศีรษะของผู้นำทั้งหลาย และใบของนางจะถูกวาดลงบนอาวุธ และนางจักไม่ถูกอ้างเป็นของใครอื่นตราบที่กิ่งของนางยังงอกงาม อะพอลโลทรงใช้อำนาจความเยาวย์วัยนิรันดร์และอมตภาพทำให้นางเขียวชะอุ่มตลอดปี นับแต่บัดนั้น ใบของต้นเบย์ลอเรลก็ไม่เคยผุสลาย