ประวัติ ของ อาราชิ

1999-2001 : เดบิวท์ จนถึงการออกจากค่าย Pony Canyon

ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1999 ทางค่าย Johnny & Associates ได้ประกาศกลางเดบิวท์ของวงอย่างเป็นทางการ โดยการประครั้งนี้จัดขึ้นในเรือครูซที่แล่นผ่านชายฝั่งของ เมืองโฮโนลูลู ประเทศฮาวาย [5] โดย จอนนี่ คิตางาว่า ได้คัดเลือกเด็กหนุ่มจูเนี่ยร์ 5 คนมาเป็นสมาชิกของอะระชิ โดยชื่อของวงอ่านว่า 「嵐」 ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า "พายุ" และอิเมจของวงคือพายุที่จะโหมกระหน่ำไปทั่วโลก [6][7] แล้ววันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการที่ใช้เชื่อเดียวกับวงอย่าง "Arashi" ก็วางจำหน่ายซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ประกอบการแข่งขันวอลเลย์บอลโลกครั้งที่ 8 ซึงญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพ[5] ซิงเกิลนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยทำยาดขายได้ 557,430 ชุดในอาทิตย์แรกของการวางจำหน่าย และทำยอดขายได้เกือบถึงหนึ่งล้านชุดในทั้งหมดของการจำหน่าย [1][8]

ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2000 ซิงเกิลที่สองของวง "Sunrise Nippon/Horizon" ได้วางจำหน่ายและทำยอดขายในอาทิตย์แรกได้ 304,340 ชุด [9] วันต่อมาวงได้เริ่มทัวร์คอนเสิรตครั้งแรกที่ Osaka-jō Hall [10] ต่อมาในเดือนกรกฎาคม วงได้ออกซิงเกิล "Typhoon Generation" โดยเปิดตัวอยู่ที่อันดับสามของตารางด้วยยอดขาย 256,510 ชุดในอาทิตย์แรก และอยู่ในตารางอีก 9 สัปดาห์ก่อนที่จะหลุดตารางไป [11][12] หลังจากจัดคอนเสิรตอีกครั้งในเดือนสิงหา วงได้ออกซิงเกิลสุดท้ายของปี 2000 ชื่อว่า "Kansha Kangeki Ame Arashi" โดยทำยอดขายอาทิตย์แรกได้ 258,720 ชุด [13][14]

เดือนมกราคม ค.ศ. 2001 วงได้ออกอัลบั้มแรก Arashi No.1 Ichigou: Arashi wa Arashi o Yobu! โดยอัลบั้มนี้เปิดตัวเป็นอันดับที่หนึ่งในอาทิตย์แรกของการจำหน่าย และทำยอดขายไปได้ 267,220 ชุด [15] อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของวงจนกระทั่งอัลบั้มฉลอง 1 ปีของวง All the Best! 1999-2001 วางจำหน่าย และอัลบั้มนี้ทำยอดขายทั้งหมดไป 323,030 ชุด [16] จากวันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน ปี 2001 วงทัวร์คินเสิรตทั่วประเทศครั้งแรกในชื่อ Arashi Spring Concert 2001 [17] โดยจัดที่ เซนได, โอซาก้า, นาโงย่า, ฮอกไกโด, ฟุคุโอกะ, ฮิโรชิม่า, คานาซาว่า, โทยาม่า และ โตเกียว โดยจัดการแสดงทั้งหมด 26 รอบ [17] ก่อนที่วงจะออกไปอยู่ค่ายใหม่ของตัวเอง วงได้ออกซิงเกิลสุดท้ายภายไต้การจำหน่ายของ Pony Canyon ชื่อว่า "Jidai" ออกมา โดยเพลงนี้เป็นเพลงประกอบละคร Kindaichi Shonen no Jikenbo 3 ซึ่งนำแสดงโดยมัตสึโมโตะ เพลงนี้ยังชนะรางวัล Best Theme Song จากงาน 30th Television Drama Academy Awards ซึ่งเป็นรางวัลแรกที่วงได้รับอีกด้วย [18]


2002–2005 : J Storm และยอดขายที่ตกต่ำลง

อะระชิ เริ่มต้นปี ค.ศ. 2002 โดยได้ตั้งค่ายใหม่ J Storm ซึ่งตั้งมาจากชื่อภาษาอังกฤษของวงเอง [19] และได้ออกซิงเกิลแรกภาคใต้สังกัดใหม่ที่ชื่อ "A Day in Our Life" ออกมา ซิงเกิลนี้สามารถทำยอดขายในอาทิตย์แรกไปได้ 226,480 ชุด [20] ซึ่งเกิ้ลต่อมาอย่าง "Nice na Kokoroiki" และ "Pikanchi" ได้ใช้ประกอบการตูนอนิเมะและหนังของวงตามลำดับ ทั้งสองซิงเกิลสามารถเปิดตัวที่ยอดขายอันดับ 1 ของ Oricon Chart ด้วยยอดขาย 168,120 ชุด และ 110,230 ชุด ตามลำดับ [21][22]

ปี ค.ศ. 2003 ผลงานซิงเกิลของวงได้ลดลงมาขายสองซิงเกิลต่อปี และใช้รูปแบบนี้ไปอีก 4 ปี ทั้งสองซิงเกิลของปี 2003 "Tomadoi Nagara" และ "Hadashi no Mirai/Kotoba Yori Taisetsu na Mono" เปิดตัวที่อันดับ 2 ของตาราง [23][24] โดยเพลง "Kotoba Yori Taisetsu na Mono" ยังเป็นเพลงแรกที่สมาชิกของวงได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อร้อง [25] โดยหลังจากนั้นซากุไร แรปเปอร์ของวงก็รับหน้าเขียนเนื้อเพลงท่อนแร็ปในทุก ๆ เพลงต่อมา ปี 2004 เป็นการฉลองครบ 5 ปี ของการก่อตั้งวง วงได้ออกซิงเกิลที่ 12 ในชื่อว่า "Pikanchi Double" ในเดือนกุมภาพันธ์ และทำยอดขายอาทิตย์แรกไปได้ 89,106 ชุด [26] เพื่อฉลองการครบรอบ 5 ปี วงได้ออกอัลบั้มรวมฮิตในชื่อ 5x5 The Best Selection of 2002–2004

ในวันปีใหม่ปี ค.ศ. 2005 อะระชิได้วางจำหน่าย DVD คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกหลังจาก How's It Going? ในปี 2003 ในชื่อว่า 2004 Arashi! Iza, Now Tour!! ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม ถึง 24 สิงหาคม วงได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อนชื่อว่า One ซึ่งมากจาก อัลบั้มในชื่อเดียวกัน [27] โดยไฮไลท์สำคัญของทัวร์ที่การที่วงร้องเพลง "Sakura Sake" ซิงเกิลแรกที่จำหน่ายของปีนี้บน "เวทีเคลื่อนที่" ซึ่งเป็นเวทีที่เคลื่อนย้ายผ่านผู้ชมคอนเสิร์ตได้ [28] ซึ่งคิดค้นโดนมัตสึโมโตะ หลังจากนั้นเวทีนี้จึงใช้ในคอนเสิร์ตสำคัญของวงทุก ๆ ครั้ง เพื่อให้ผู้ชมที่อยู่ไกลสามารถสัมผัสกับสมาชิกของวงได้อย่างทั่วถึง [28][29][30] ในเดือนพฤศจิกายน อะระชิได้ออกซิงเกิลใหม่ซึ่งใช้ประกอบ ละครที่สร้างจากหนังสือการตูนชื่อดัง Hana Yori Dango โดยมีมัตสึโมโตะแสดงนำ โดยซิงเกิลชื่อว่า "Wish" โดยสามารถทำยอดขายอาทิตย์แรกไปได้ 178,000 ชุด และ มากกว่า 300,000 ชุดเมื่อหมดการวางจำหน่าย ทำให้ซิงเกิลนี้เป็นซิงเกิลแรกในรอบเกือบสามปีที่สามารถขายได้มากกว่า 300,000 ชุด หลังจาก "A Day in Our Life" ในปี 2002 [31][32]


2006 : ตีตลาดเอเชีย

ปี ค.ศ. 2006 ซิงเกิลและอัลบั้มของวงได้เริ่มจัดจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น โดยอัลบั้ม Arashic ไม่ได้จัดจำหน่ายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังจำหน่ายไปถึง ฮ่องกง, เกาหลีใต้, ไตหวัน และ ไทย อีกด้วย อัลบั้มนี้ยังประสบความสำเร็จในเกาหลีอย่างมาก โดย 10,000 ชุดแรก สามารถขายหมดในวันแรกของการจัดจำหน่าย ยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของชารต์ต่างประเทศในสัปดาห์ที่สามของเดือนกรกฎาคมอีกด้วย [33]

ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต Arachic Arashic Arasick Cool and Soul ในช่วงฤดูร้อน วงได้ประกาศทัวร์เอเชียชื่อว่า Jet Storm Tour ในวันที่ 31 กรกฎาคม [34][35] โดยวงได้บินไป 3 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน, ไทย และ เกาหลีใต้ โดยทั้งสามประเทศคือประเทศที่วงจะไปจัดแสดง Asia tour ซึ่งวงได้ไปโปรโมตอัลบั้ม Arashic ทั้งหมดภายในวันเดียว [35] ในวันที่ 16-17 กันยายน อะระชิได้จัดแสดงที่ ไทเปอารีน่า ของ ไทเป [34]

ในงาน Asia Song Festival ครั้งที่สาม วงได้เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นไปร่วมงาน โดยได้แสดงเพลง "Arashi", "Wish" และ "Kitto Daijōbu" ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกของปีนี้ ในวันที่ 22 กันยายน [34][36] เกือบสองเดือนหลังจากนั้น พวกเค้าได้กลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกของค่ายที่ได้จัดแสดงคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการในประเทศเกาหลีใต้ [34][37][38] อ้างอิงจาก The Korea Times คอนเสิร์ตในประเทศเกาหลีจัดขึ้นเพราะแฟน ๆ ชาวเกาหลีได้ไปรวมตัวกันต้อนรับวงที่ Incheon International Airport มากถึง 1,500 คน ในตอนที่ไปโปรโมต Jet Storm Tour [36] อะระชิยังพิสูจน์ถึงความนิยมของพวกเค้า เมื่อแฟน ๆ กว่า 15,000 คนได้เข้าไปสั่งซื้อบัตรคอนเสิร์ตออนไลน์จนหมดภาคใน 1 ชม. [39]

วงได้กลับมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อวางจำหน่ายซิงเกิลสุดท้ายของปีในชื่อว่า "Aozora Pedal" โดยเพลงนี้เขียนขึ้นโดย ซุกะ ชิอาโกะ นักดนตรีชื่อดัง [40] ในชารต์ออริก้อน วงสามารถทำยอดขายอาทิตย์แรกได้เป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 154,832 ชุด [41] แม้ว่าอะระชิมีแผนจะมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยในวันที่ 7 ตุลาคม แต่ก็ต้องยกเลิกเนื่องจาก วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศ[1][37]


2007: กลับมาตีตลาดในญี่ปุ่น

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 วงได้ออกซึ่งเกิ้ลแรกของปี "Love So Sweet" ซึ่งใช้เป็นเพลงประกอบละครเรตติ้งสูงเรื่อง Hana Yori Dango 2 และทะยานขึ้นสู้นอันดับ 1 ในทั้งรายวันและรายสัปดาห์ของตาราง [42] นอกจากนี้ยังเป็นซิงเกิลแรกในรอบ 5 ปีที่สามารถขายไปได้กว่า 200,000 ชุด ในสัปดาห์แรก [42][43] วันที่ 2 พฤษภาคม ซิงเกิลที่ 19 "We Can Make It!" สามารถขึ้นอันดับ 1 ของตารางได้เช่นกันด้วยยอดขาย 150,546 ชุด [44] และยังสามารถทำยอดขายเพิ่มไปได้อีก 54,229 ชุด จนถึงสิ้นปี ทำให้ขายไปได้ทั้งหมด 204,775 ชุด [45]

เดือนเมษายน ปี 2007 คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่ของวงได้จัดขึ้นในชื่อ Arashi Around Asia in Dome ซึ่งต่อเนื่องมาจากคอนเสิร์ตที่กลับมาเล่นที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม โดยคอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองให้แก่ความสำเร็จจาก Asia tour [46] Arashi Around Asia in Dome ได้จัดขึ้นที่ Kyocera Dome ในโอซาก้า และเป็นครั้งแรกที่จัดที่ Tokyo Dome [46] วันที่ 14 กรกฎาคม อะระชิได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อนที่ชื่อว่า Time - Kotoba no Chikara ซึ่งมาจากอัลบั้ม Time อัลบั้มที่ 7 ของวง โดยอัลบั้มนี้สามารถทำยอดขายไปได้ 190,000 ชุดในอาทิตย์แรกของการจัดจำหน่าย [47] ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มยอดขายอันดับ 1 ให้แก่วง แต่อัลบั้มนี้ยังได้รางวัล Platinum จาก RIAJ อีกด้วย [48]

ในเดือนกรกฎาคม อะระชิได้ร้องเพลงประกอบละครช่อง TBS เรื่อง Yamada Tarō Monogatari ซึ่งแสดงโดย นิโนะมิยะ และ ซากุไร ชื่อเพลง "Happiness" และวางขายวันที่ 5 กันยายน ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สามของปี [49] ซิงเกิลนี้เปิดตัวเป็นที่ 1 และสิ้นปีขายไปได้ทั้งหมด 271,869 ชุด [45][50] ปีนี้ยังได้พิสูจน์ความสำเร็จของวง เมื่อซิงเกิลทั้งหมดสามารถติด Top 30 ของ ออริก้อนชารต์ ประจำปี โดย "Love So Sweet" ได้อันดับที่ 4 และกลางเป็นซิงเกิลแรกของวงที่สามารถเข้าไปติด Top 10 ได้สำเร็จ [45] "Love So Sweet" ยังได้เป็น 1 ใน 10 ซิงเกิลยอดเยี่ยมจากงาน Japan Gold Disc Awards ครั้งที่ 22 ในปี 2008 อีกด้วย ทำให้เป็นครั้งแรกที่อะระชิได้รับรางวัลจากงาน Japan Gold Disc Award [51]


2008 : กลับมาได้รับความนิยมในญี่ปุ่น

    "Truth"
    "Truth" หนึ่งในเพลงที่ขายดีที่สุดในปั 2008 และกลายเป็นซิงเกิลแรกของอะระชิที่ครองอันดับที่ 1 ของออริก้อนประจำปี[52]
    "One Love"
    ซิงเกิลที่ขายดีที่สุดอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่นในปี 2008
  • หากไม่ได้ยินเสียง โปรดดูเพิ่มที่ วิกิพีเดีย:วิธีใช้สื่อ

จากความสำเร็จในปี 2007 ทำให้วงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ อะระชิได้ออกซิงเกิลแรกของปีนี้ชื่อ "Step and Go" ซึ่งสามารถเปิดตัวได้เป็นอันดับ 1 และทำยอดขายไปได้ 324,223 ชุด ภายในอาทิตย์แรก กลายเป็นซิงเกิลแรกนับตั้งแต่ "Sunrise Nippon/Horizon" ในปี 2000 ที่สามารถทำยอดขายได้เกิน 300,000 ชุด ในสัปดาห์แรก [9][53] ในเดือนเดียวกัน ได้มาการประกาศว่าวงจะจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่โดมใหญ่ 5 โดมคือ โตเกียว, นาโงย่า, โอซาก้า, ฟุคุโอกะ และ ซับโปโร [54] โดยทัวร์มีชื่อว่า Arashi Marks 2008 Dream-A-Live จัดทั้งหมด 10 รอบ ระหว่าง 16 พฤษภาคม ที่โอซาก้า ถึง 6 กรกฎาคม ที่ซับโปโร [54][55] โดยมีแค่ศิลปินรุ่นพี่อย่าง SMAP และ KinKi Kids ที่เคยทำทัวร์ 5 โดมมาก่อน [54] ทัวร์นี้ยังใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้มที่ 8 ของวง Dream "A" Live ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ได้รับความนิยมแม้แต่แฟนเพลงเพศชาย ซึ่งปกติแฟนคลับของศิลปินจอห์นนี่มันจะเป็นวันรุ่นผู้หญิงและเด็กเล็ก [56] ระหว่างทัวร์ อะระชิได้จำหน่ายซิงเกิลที่ 22 "One Love" ซึ่งใช้ประกอบภาพยนตร์ภาคสุดท้าย จากไตรภาคของ Hana Yori Dango ซีรีส์ ซิงเกิลนี้ทำยอดขายได้มากกว่า 300,000 ชุด และเปิดตัวที่อันดับ 1 ภายในอาทิตย์แรกเช่นเดียวกับ "Step and Go" [57]

ในวันที่ 5 กันยายน อะระชิกลายเป็นศิลปินคนที่สามหลังจาก SMAP และ Dreams Come True ที่ได้จัดคอนเสิร์ตที่ National Olympic Stadium ที่โตเกียว โดยเป็นครั้งแรกที่วงได้จัดแสดงกลางแจ้ง และเป็นการเริ่มทัวร์เอเชียครั้งที่สอง โดยเป็นการกลับไปสองที่เดิมในครั้งที่แล้วคือ ไทเป และ โซล [58] และการไปครั้งแรกที่ เซี่ยงไฮ้ [59][60] โดยคอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นครั้งแรกที่ศิลปินค่ายจอห์นนี่ได้ไปเล่นที่ ประเทศจีน [59][60] เกือบเดือนหลังจากที่ "One Love" วางจำหน่าย ซิงเกิลที่ 23 "Truth/Kaze no Mukō e" ได้ออกออกมา เปิดตัวด้วยอันดับสูงสุดในชารต์ออริก้อนด้วยยอดขาย 467,288 ชุด [61] ก่อนที่จะจัดแสดงที่เซี่ยงไฮ้ วงได้ออกซิงเกิลที่ 4 ของปี "Beautiful Days" ออกมา [62] แม้ว่าจะมีเวลาแค่เดือนกว่า ๆ ก่อนที่จะสรุปชารทประจำปี "Beautiful Days" สามารถใต่อันดับขึ้นมาติด Top 10 ของปีได้สำเร็จ [52][63] DVD คอนเสิร์ตของพวกเค้า Summer Tour 2007 Final Time - Kotoba no Chikara ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อ 16 เมษายน ติดอันดับที่ 2 ในสาขาดีวีดีเพลง และ อันดับ 6 ในสาขาดีวีดีทั่วไป[64]

2009 : ฉลองครบรอบ 10 ปี

วงได้วางจำหน่ายซิงเกิลหน้า A คู่ สองชุด คือ "Believe/Kumorinochi, Kaisei" และ "Ashita no Kioku/Crazy Moon: Kimi wa Muteki" ในวันที่ 4 มีนาคม และ 27 พฤษภาคม ตามลำดับในปี 2009 โดยซิงเกิลทั้งสองสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 500,000 ชุด ในอาทิตย์แรกของการวางจำหน่าย ทำให้อะระชิเป็นศิลปินแรกในรอบ 7 ปี 7 เดือน ที่สามารถทำยอดขายภายในอาทิตย์แรกได้เกิน 500,000 ทั้ง 2 ชุดติดต่อกัน โดยคนสุดท้ายที่ทำสถิตินี้ไว้ได้คือ คุวาตะ เคนสุเกะ[65]

เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน อะระชิได้ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ชื่อว่า Arashi Anniversary Tour 5x10 โดยจะจัดแสดงสามรอบติดที่ National Olympic Stadium[66] ทำให้พวกเค้าเป็นศิลปินกลุ่มแรกที่ได้จัดแสดง 3 วันติดต่อกันที่สเตเดี่ยมแห่งนี้[66] ซึ่งเกิ้ลที่สามของวง "Everything" ได้วางจำหน่ายในวันที่ 1 กรกฎาคม และทำยอดขายไปได้ประมาณ 342,000 ชุดในสัปดาห์แรก[67] วันที่ 19 สิงหาคม อะระชิได้วางจำหน่ายอัลบั้มรวมฮิต All the Best! 1999-2009 ซึ่งรวมเอาเพลงซิงเกิลทั้งหมดตั้งแต่เดบิว, เพลงพิเศษที่สมาชิกของวงร่วมกันแต่ง และแผ่น limited edition ที่บรรจุเพลง 10 เพลงที่สมาชิกของวงเลือกมา[68] อัลบั้มนี้ทำยอดขายไปได้ 753,000 ชุด ในอาทิตย์แรกของการวางจำหน่าย[69] หลังจากผ่านไปได้ 13 วัน อัลบั้มก็สามารถทำยอกขายได้เกิน 1 ล้านชุด และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอะระชิอีกด้วย[70][71][72] และเป็นอัลบั้มแรกในปี 2009 ที่ทำยอดขายได้เกิน 1 ล้านชุด[70][73]

วันที่ 11 พฤศจิกายน อะระชิได้ออกซิงเกิลสุดท้ายของปีที่ชื่อ "My Girl" ซิงเกิลนี้เปิดตัววันแรกด้วยยอดขาย 178,000 ชุด และประมาณ 432,000 ชุด ในอาทิตย์แรก[74][75] วันที่ 17 พฤศจิกายน ได้มีการประกาศว่าซิงเกิลของวงได้ผูกขาดยอดขายอันดับ 1-4 ในสัปดาห์แรกที่วางจำหน่ายของปี 2009[75][76][77]

วันที่ 20 พฤศจิกายน บริษัจ House Foods ร่วมมือกับอะระชิจัดงานพิเศษที่ที่ชื่อว่า Arashi in Tokyo DisneySea Premium Event[78][79] โดยได้จองทั้งสวนสนุกไว้ 1 คืน วงได้แสดงเมดเลห์พิเศษเพลงฉลองวันคริสต์มาส และเพลงของวงเองเช่น "Arashi" และ "One Love" ทีให้อะระชิเป็นศิลปินกลุ่มแรกที่ได้ร้องเพลงของตัวเองในโตเกียวดิสนีย์ซี[78][80]

อะระชิ ได้เข้าแสดงในงาน 60th NHK Kōhaku Uta Gassen ใน วันสิ้นปี ไม่เพียงแต่เป็นครั้งแรกของวงที่ได้ขึ้นแสดง แต่เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี ที่ศิลปินค่ายจอห์นนี่วงอื่นนอกจาก SMAP และ Tokio สองวงที่ได้ขึ้นแสดงทุกปี ได้ขึ้นแสดงเป็นวงที่สาม[81][82][83]


2010-2013

วันที่ 5 มกราคม ได้มีการประกาศว่าเพลง (ญี่ปุ่น: "Yurase, Ima o" โรมาจิ揺らせ、今を ทับศัพท์lit. Shake It Now) จะใช้ประกอบในช่วงข่าวงาน โอลิมปิกฤดูหนาว 2010 ทางช่อง NTV[84] วันที่ 6 มกราคม ซากุราอิ ประกาศว่าอะระชิจะมีซิงเกิลใหม่ที่ชื่อว่า "Troublemaker" ที่ใช้ประกอบในละครแนวตลกของเค้าเอง[85] ในวันต่อมา รายการ Mezamashi TV ได้เปิดตัวอย่างเพลงประกอบละครตอนพิเศษเรื่อง (ญี่ปุ่น: Saigo no Yakusoku โรมาจิ最後の約束 ทับศัพท์The Last Promise) เป็นครั้งแรก โดยเป็นละครที่สมาชิกทั้ง 5 ร่วมแสดงด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี[86] เพลงประกอบละคร (ญี่ปุ่น: "Sora Takaku" โรมาจิ空高く, "Sky High") ได้ประกาศระหว่างการแถลงข่าวละครตอนพิเศษในวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2009[87] ในสามเพลงใหม่นี้ มีเพียงเพลง "Troublemaker" และ "Yurase, Ima o" เท่านั้นที่บรรจุอยู่ในซิงเกิลแรกของปี และวางขายในวันที่ 3 มีนาคม โดยเพลง "Troublemaker" บรรจุไว้เป็นเพลงหลักในหน้าเอ[88]

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ อะระชิได้รับรางวัล "ศิลปินแห่งปี" และรางวัลอื่น ๆ อีก 9 รางวัล จากงาน Japan Gold Disc Awards ครั้งที่ 24 ทำให้กลายเป็นศิลปินกลุ่มแรก ที่ได้รางวัลทั้งหมด 10 รางวัลในครั้งเดียว[89]

วันที่ 5 เมษายน ได้มีการประกาศถึงซิงเกิลใหม่ของวงในชื่อ "Monster" และวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษภาคม โดยเพลงนี้ได้ใช้ประกอบละครของ โอโนะ แนวคอมมาดี้-แฟนตาซีเรื่อง ไคบุซึคุง ซึ่งเป็นละครที่ดัดแปลงมาจากการตูนมังงะชื่อดังโดย อ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ[90] วันที่ 24 พฤษภาคม "Monster" เปิดตัวที่อันดับ 1 ของชารท์โอริก้อนด้วยยอดขาย 543,000 ชุด ในสัปดาห์แรก ทำให้อะระชิสามารถครองชารท์ Top 3 ในชารทออริก้อนได้ถึง 30 ซิงเกิลติดต่อกัน[91][92]

ในปี 2012 Wild At Heart เพลงประกอบละครของจุน มัตสึโมโตะ Lucky Seven โดยเนื้อหาเกี่ยวกับนักสืบ 7 คน แต่ละคนมีสไตล์เฉพาะตัวในการแก้ไขปัญหา พวกเขาต่างก็ทำงานในหน่วยงานเดียวกัน แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบคดีของพวกเขาเอง ซิงเกิ้ลนี้ได้อันดับที่ 1 ในออริคอนชาร์ต ขายได้มากกว่า 550,000 ชุด นับเป็นครั้งที่ 33 ที่ได้อันดับที่ 1 ในออริคอนชาร์ต[93]


2014 : ฉลองครบรอบ 15 ปี

ในปี 2014 อะระชิได้ฉลองครบรอบ 15 ปี โดยได้จัดคอนเสิร์ตกลางแจ้ง 2 วันติดที่ฮาวาย ชื่อว่า "Arashi Blast in Hawaii" โดย “Arashi Blast in Hawaii” จะเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่มีเพียงบัตรยืนให้กับผู้ชมเท่านั้น จัดขึ้นวันที่ 19 และ 20 กันยายนนี้ในเมืองโฮโนลูลู บนเกาะโออาอุ รัฐฮาวาย[94][95]

นับเป็นเวลานานถึง 6 ปีเต็มที่ อาราชิ ห่างหายจากการเปิดคอนเสิร์ตในต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ อาราชิ เคยเดินทางไปแสดง “arashi marks Arashi Around Asia 2008″ ทั้งใน กรุงไทเป ของไต้หวัน, โซล ของเกาหลีใต้ และ กรุงเซี่ยงไฮ้ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2008 มาแล้ว

ด้านบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ อาราชิ จะไม่มีการเปิดจำหน่ายแบบทั่วไปในญี่ปุ่น แต่แฟนคลับของ อาราชิ จะได้รับข้อเสนอเป็นทัวร์แพ็คเกจที่รวมตั๋วชมคอนเสิร์ตไว้ด้วยแล้วแทน[96]

ทั้ง 5 คนปรากฏกายแบบอลังการงานสร้างด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ทำเอาแฟนๆ ราว 15,000 คนต่อวันถึงกับอึ้ง หัวหน้าวง โอโนะ ซาโตชิ กล่าวว่าถึงแม้ตัวเขาเคยมีความรู้สึกเสียใจในบางเรื่องเมื่อ 15 ปีก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเสียใจนั้นอีกแล้ว โช ซะกุไร กล่าวเสริมว่า “ด้วยความภูมิใจและความรัก ทำให้ผมได้กลับมาเหยียบพื้นดินฮาวายอีกครั้งพร้อม อาราชิ” ตามด้วย “ขอบคุณเพื่อนร่วมวงทุกคน 5 คนนี้น่าทึ่งมาก” ประโยคเด็ดจาก จุน มัตสึโมโตะ ที่เผยให้เห็นความรู้สึกลึกๆ ภายในใจของเขา ในขณะที่เมมเบอร์คนอื่นเริ่มหลั่งน้ำตา

และเพื่อให้ยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานฉลองครบรอบ 15 ปี อาราชิ เวทีคอนเสิร์ต “Arashi Blast in Hawaii” จึงถูกทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะสถานที่จัดงานแห่งนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็น 2 เท่าของโตเกียวโดม โดยเวทีคอนเสิร์ตดังกล่าว รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ถูกขนมาจากญี่ปุ่นทางทะเลด้วย 16 ตู้คอนเทนเนอร์ ในขณะที่อุปกรณ์บางส่วนหนักถึง 20 ตันถูกขนส่งมายังฮาวายทางอากาศ ตัวเวทีมีความกว้าง 50 เมตรและมีเวทีรันเวย์แคทวอล์คที่ยาวถึง 57 เมตร พลุไฟ 400 ลูกถูกติดตั้งอยู่รายรอบ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเวทีเคลื่อนที่ได้ที่ถูกเสริมเข้ามาเพื่อส่งให้ อาราชิ เข้าหาคนดูได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดทำให้ “Arashi Blast in Hawaii” มีความงามด้านโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการตามสไตล์จอห์นนี่ส์ไม่แพ้คอนเสิร์ตที่จัดในญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย[97]

และยังได้ทำสารคดีพิเศษ ชื่อว่า "Arashi LIVE & DOCUMENT ~confessions of the 15th year~" ถ่ายทำที่ฮาวายหลังจากจบคอนเสิร์ต โดยในสารคดีได้มีการพูดถึงเหตุการณ์ใน 15 ปีที่ผ่านมา และวางแผนอนาคต และได้ออกอากาศในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ทางช่อง NHK [98]


2015

ในปีนี้ อะระชิได้ออกซิงเกิ้ลใหม่ เพื่อประกอบละครของมะซะกิ ไอบะ สมาชิกวง Welcome to my home หรือ Youkoso ,Wagaya e (ญี่ปุ่น: ようこそ、わが家へ โรมาจิyoukoso, wagaya e) ทางช่องฟูจิทีวี โดยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่โดนสตอล์กเกอร์ ในชื่อ “Aozora no Shita, Kimi no Tonari” แปลชื่อเป็นไทยได้ว่า "ใต้ท้องฟ้าสีคราม, ข้างๆของเธอ" ออกขายในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558[99] นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีเลยก็ว่าได้ สำหรับการออกเอ้าท์ดอร์ไปถ่ายทำมิวสิควีโอกันนอกสถานที่ โดยการถ่ายทำนั้นมีขึ้นทั้งที่สถานีรถไฟ บ้าน ปาร์ตี้บาร์บีคิวท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ทั้งนี้ก็เพื่อสื่อถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน[100]

ซิงเกิ้ลนี้สามารถคว้าอันดับหนึ่งออริกอนชาร์ตประจำสัปดาห์มาครองด้วยยอดจำหน่าย 501,000 แผ่นในสัปดาห์แรก ด้วยตัวเลขยอดขายในสัปดาห์ล่าสุด ทำให้เมื่อนับรวมผลงานซิงเกิลและอัลบั้มทั้งหมดของ อาราชิ ที่จำหน่ายออกไปแล้วมีจำนวนมากถึง 30,413,000 ก็อปปี้เลยทีเดียว แบ่งเป็น 21.74 ล้านก็อปปี้จาก 46 ซิงเกิล และ 8.673 ล้านก็อปปี้จาก 16 อัลบั้ม[101]

ออริกอน สำนักจัดอันดับชื่อดังของญี่ปุ่น เปิดเผยรายชื่อศิลปินที่ส่งผลงานดีวีดีเพลงทำยอดจำหน่ายได้สูงสุดประจำครึ่งปีแรกแห่ง 2015 การจัดอันดับในครั้งนี้ ออริกอน ได้รวบรวมข้อมูลยอดขายงานเพลงที่ออกวางจำหน่ายตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2014 ถึง 15 มิถุนายน 2015 มาจากร้าน ซีดี/ดีวีดี กว่า 33,110 แห่ง ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยลำดับในชาร์ตที่ถูกประกาศออกมาปรากฏว่า อันดับที่ 1 คือ อะระชิ จาก อัลบั้ม “ARASHI BLAST in Hawaii” (ออกจำหน่ายในเดือนเมษายน ปี 2015) โดยขายได้ 341,617 ชุด


แหล่งที่มา

WikiPedia: อาราชิ http://www.allmusic.com/artist/arashi-p683779 http://www.animenewsnetwork.com/news/2010-05-24/ha... http://aramajapan.com/news/arashi-celebrates-15th-... http://news.empas.com/show.tsp/cp_kt/20060801n0609... http://www.japan-zone.com/news/2008/06/16/index.sh... http://www.japan-zone.com/news/2009/11/24/index.sh... http://www.japantoday.com/category/entertainment/v... http://www.japantoday.com/category/entertainment/v... http://www.jpopasia.com/news/arashi-to-perform-in-... http://www.jpopasia.com/news/nhk-tv-to-celebrate-a...