งานเขียนการ์ตูน ของ อารีเฟน_ฮะซานี

ตัวอย่างผลงานการ์ตูนชุด รามาวตาร

เขียนการ์ตูนครั้งแรกในขณะเรียนอยู่ชั้น ปวช. ที่ วิทยาลัยเพาะช่าง เมื่อปี พ.ศ. 2520 จากความตั้งใจที่อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนและอยากมีรายได้ใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน จึงลองเขียนการ์ตูนตลก 3ช่อง ไปเสนอที่สำนักพิมพ์อุดมศึกษา ซึ่งเขาก็รับต้นฉบับไว้ เริ่มต้นได้ค่าต้นฉบับแผ่นละ 15 บาท แต่เนื่องจากขณะนั้นทางสำนักพิมพ์ได้พิมพ์การ์ตูนแนวนิทานพื้นบ้าน จักร ๆ วงศ์ ๆ ชื่อหนังสือการ์ตูนทวีปัญญา และการ์ตูนนิทานไทย ซึ่งต้องการนักเขียนไปเสริมทีมงานของคุณอิศวร จึงได้มีโอกาสเข้าไปเขียนการ์ตูนเป็นรายได้พิเศษ หลังโรงเรียนเลิกแล้วในช่วงเย็น

ปี พ.ศ. 2521 การ์ตูนเล่มละบาท กำลังเป็นที่นิยมในตลาดการ์ตูน เขาจึงลองเขียนการ์ตูนเล่มละบาท แล้วนำไปเสนอขายให้สำนักพิมพ์ ศิริสาส์น ได้ค่าต้นฉบับ 500 บาทต่อหนึ่งเล่มมี 24 หน้า แล้วย้ายมาเขียนให้กับสำนักพิมพ์สามดาว ค่าต้นฉบับก็ค่อยๆขยับขึ้นมาเรื่อยจนมาอยู่ที่ 1,200 บาทต่อเล่ม เนื้อเรื่องที่เขียนก็เป็นแนวชีวิตบ้าง แนวนิทานพื้นบ้านจักร ๆ วงศ์ ๆ ซึ่งแต่งขึ้นเองทุกเรื่องโดยอารีเฟน ฮะซานี

จนกลางปีพ.ศ. 2523 มีความคิดว่าอยากเขียนการ์ตูนกับสำนักพิมพ์ ที่พิมพ์การ์ตูน หนูจ๋าและ เบบี้ ที่ตนเองติดตามอ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ และใฝ่ฝันไว้ว่าอยากจะเขียนร่วมกับสำนักพิมพ์เดียวกันกับอาจุ๋มจิ๋ม และอาวัฒน์ จึงได้ลองเอาการ์ตูนของตัวเองไปเสนอที่สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ซึ่งทางสำนักพิมพ์ก็ได้รับต้นฉบับไว้ และได้ลงผลงานในหนังสือการ์ตูน เยาวชน เป็นนิยายภาพเรื่องยาว เรื่องสวัสดีโรงเรียน และเลิกเขียนการ์ตูนเล่มละบาทนับตั้งแต่นั้นมา

พ.ศ. 2524 สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ออกการ์ตูนมาอีกเล่มคือการ์ตูนหลายรส โดยมีนักเขียนฝีมือเยี่ยมสองคนคือเตรียม ชาชุมพร และโอม รัชเวทย์ เป็นนักเขียนชูโรง โดยมีนักเขียนรุ่นใหม่หลายคนได้มีโอกาสร่วมเขียน นิยายภาพสลับสับเปลี่ยนกันไป ซึ่งเขาก็ได้เขียนนิยายภาพ ชุดมิติชีวิต เป็นเรื่องสั้นจบเป็นตอน ๆ ด้วยหลายฉบับ

พ.ศ. 2525 หลังจากที่ศึกษาจบวิทยาเขตเพาะช่าง ได้วุฒิด้านศึกษาศาสตร์บัณฑิตแล้ว ก็ถือโอกาสใช้วิชาความรู้ ไปเป็นครูอยู่ที่ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สอนศิลปะให้กับนักเรียนชั้นประถมปลายเป็นเวลา 3 ปี และยังคงใช้เวลาว่างเขียนการ์ตูนส่งสำนักพิมพ์เป็นระยะ ๆ อยู่เช่นเดิม

จนปีพ.ศ. 2529 เพื่อนชวนไปทำงานกับบริษัทโฆษณาเล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นเวลา 2 ปี และยังคงใช้เวลาว่างเขียนการ์ตูนส่งสำนักพิมพ์เช่นเดิม

ช่วงนี้เองที่ บก.วิธิต ให้เขียนนิยายภาพลงในการ์ตูนเบบี้ และให้เขียนลงในหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ และมหาสนุก เล่มใหญ่ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เปลี่ยนแนวการเขียน จากนิยายภาพมาเป็นการ์ตูนที่ลายเส้นเรียบง่าย และมีเนื้อหาตลกหรรษา กับการ์ตูนเรื่องสั้นชุด พ่อแม่..ลูก ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักอ่านการ์ตูนมหาสนุกพอสมควร

ในปี พ.ศ. 2530 เพื่อนได้ชักชวนให้ไปทำงานด้านดีไซน์และออกแบบลายผ้าให้กับบริษัท ในเครือ GQ GROUP อยู่ 3 ปี และยังคงใช้เวลาหลังเลิกงานเขียนการ์ตูนอยู่เหมือนเดิม

ในช่วงนี้เองได้เขียนการ์ตูนตลกชุด บ้าครบสูตร ลงในหนังสือ มหาสนุก และเขียนนิยายภาพเรื่องยาวเรื่อง สิงห์สยาม ลงใน หนังสือการ์ตูนหนูจ๋า

กลางปี พ.ศ. 2533 นี่เอง ได้ลาออกจากงานประจำ มานั่งเขียนการ์ตูนเป็นอาชีพอย่างจริงจังให้กับสำนักพิมพ์บรรลือสาส์นเป็นต้นมา ทำให้มีเวลาเขียนการ์ตูนชุดต่าง ๆ ลงในหนังสือ มหาสนุกฉบับกระเป๋า มีทั้งการ์ตูนชุด สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ ก๊องจอมเทพบ้าครบสูตร ก๊อง191 บริษัทอัดผี เป็นต้น

กระทั่งปี พ.ศ. 2537 ทางบก. วิธิต อุตสาหจิต เห็นว่า การ์ตูนชุด สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ มีแฟนประจำติดตามอ่านจำนวนหนึ่ง จึงได้ออกหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ คือ สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ เป็นรายเดือน

ต่อมาได้มีการรวมเล่มการ์ตูนชุดต่าง ๆ ขึ้นมาเช่น เปาปุ้นจี้ บริษัทอัดผี รวมพลคนละคร รามาวตาร (รามเกียรติ์) และศึกมหาภารตะ

ใกล้เคียง

อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อารีเฟน ฮะซานี อารีมา เอฟซี อาร์เอส อาร์เอ็มเอส ไททานิก อารีอานา กรานเด อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว อาร์เอ็มเอส โอลิมปิก อารีนาออฟเวเลอร์ อาร์เอส มิวสิค