ยุคกลาง ของ อาสนวิหารเดอรัม

อาสนวิหารปัจจุบันออกแบบโดยเจ้าชายมุขนายกวิลเลียมแห่งเซนต์คาริเลฟ (Prince-bishop, William of St. Carilef) และเริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1093 หลังจากที่วิลเลียมสิ้นพระชนม์ รานูลฟ แฟลมบาร์ด (Ranulf Flambard) ก็ดำเนินงานต่อ ลักษณะหลังคาเหนือทางเดินกลางเป็นโค้งแหลมเล็กน้อยแบบมีสัน (ribbed vault) รับด้วยเสาอิงสลับกับเสากลมใหญ่ กำแพงค้ำยันซ่อนอยู่ภายในส่วนโค้งเหนือทาง เดินข้าง ลักษณะหลังคาของอาสนวิหารเดอรัมเป็นลักษณะที่มาก่อนหน้าสถาปัตยกรรมกอทิกทางเหนือของฝรั่งเศสหลายสิบปีต่อมาซึ่งคงไปจากช่างสลักหินชาวนอร์มัน ถึงแม้โดยทั่วไปแล้วเดอรัมจะถือว่าเป็นอาสนวิหารแบบโรมาเนสก์ก็ตาม การใช้เพดานโค้งแหลมและสันบนเพดานและกำแพงค้ำยันทำให้สามารถวางผังโครงสร้างที่ซับซ้อนขึ้นได้ ทำให้การตกแต่งทำได้สวยขึ้น และทำให้สิ่งก่อสร้างสูงขึ้น กว้างขึ้น และทำหน้าต่างได้กว้างขึ้น

เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12 มุขนายกฮิว เดอ พุยเซ็ท (Hugh de Puiset) ต่อเติมชาเปลกาลิลี (Galilee Chapel) ทางด้านตะวันตก หรือที่เรียกว่าชาเปลแม่พระ ชาเปลกาลิลีเป็นที่เก็บบุญราศีบีด และมุขนายกทอมัส แลงลีย์ซึ่งที่ฝังศพขวางประตูด้านตะวันตกของอาสนวิหาร ที่ฝังศพของนักบุญคัธเบิร์ตอยู่ทางด้านตะวันออก และครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ฝังศพที่หรูทำด้วยหินอ่อนสีครีมและทอง

โดยเจ้าชายมุขนายกวิลเลียมแห่งเซนต์คาริเลฟ รานูลฟ แฟลมบาร์ด และ บาทหลวงฮิว เดอ พุยเซ็ท ต่างก็ถูกฝังไว้ที่อาสนวิหารนี้ที่ในห้องประชุมนักบวชซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับระเบียงฉันนบถที่สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1140

ชาเปลเก้าแท่นบูชา (Chapel of the Nine Altars) มาสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางด้านตะวันออกของอาสนวิหาร เริ่มโดยริชาร์ด เดอ พัวร์ (Richard le Poore) หอกลางถูกทำลายโดยฟ้าผ่า หอปัจจุบันสร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15

ใกล้เคียง

อาสนวิหาร อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส อาสนวิหารกลอสเตอร์ อาสนวิหารอัสสัมชัญ อาสนวิหารลิงคอล์น อาสนวิหารนักบุญเปาโล อาสนวิหารแร็งส์ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อาสนวิหารโคโลญ อาสนวิหารอาเมียง