ประวัติ ของ อาสนวิหารแม่พระปฏิสนธินิรมล_(นางาซากิ)

รูปปั้นนักบุญอักแนสจากอูรากามิซึ่งเสียหายจากระเบิดนิวเคลียร์ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ

อาสนวิหารหลังเดิมสร้างขึ้นด้วยอิฐและด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอโรมาเนสก์ เริ่มก่อสร้างในปี 1895 หลังการห้ามนับถือศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นถูกยกเลิก หอสูงคู่ด้านหน้าของอาสนวิหารมีความสูง 64 เมตร และสร้างมาตั้งแต่ปี 1875 อาสนวิหารก่อสร้างเสร็จในปี 1925 และเป็นสิ่งก่อสร้างของศาสนาคริสต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จนกระทั่งอาสนวิหารถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดในปี 1945[4]

ระเบิดนิวเคลียร์แฟตแมนถูกทิ้งระเบิดลงนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 และศูนย์กลางการระเบิดอยู่ที่อูรากามิ ห่างไปจากอาสนวิหารเพียงราว 500 เมตร ส่งผลให้อาสนวิหารถูกทำลายเสียหายทั้งหมด เนื่องจากวันฉลองการยกขึ้นสวรรค์ของพระแม่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 15 ซึ่งใกล้เข้ามานั้น ทำให้ในอาคารเต็มไปด้วยศาสนิกชนกำลังเข้าร่วมพิธีมิสซา การถล่มทันทีของอาคารและผลจากคลื่นความร้อนส่งผลให้ผู้เข้าร่วมพิธีและผู้ที่อยู่ในอาสนวิหารขณะนั้นเสียชีวิตทั้งหมดทันที[5]

ภายหลังการถกเถียงระหว่างคณะศิษยานุศิษย์ของอาสนวิหารกับรัฐบาลท้องถิ่นในการสร้างโบสถ์ขึ้นมาใหม่สิ้นสุดลง ในปี 1958 ชุมชนคาทอลิกได้ประกาศสร้างอาสนวิหารใหม่ขึ้นที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมตรงจุดที่อาสนวิหารเดิมเคยตั้งอยู่โดยใช้แปลนจากอาสนวิหารหลังเดิม รัฐบาลท้องถิ่นยอมรับการตัดสินใจและอนุมัติการก่อสร้างในปี 1959[6]

ในบรรดารูปปั้นและศาสนวัตถุที่หลงเหลือจากการทำลาย คือเศียรแม่พระแห่งนางาซากิ (Our Mary of Nagasaki) ที่มีชื่อเสียง อันเป็นรูปปั้นแม่พระที่ถูกทำลายจากแรงระเบิดจนเหลือพบเพียงแค่ส่วนศีรษะ ปัจจุบันนำประดิษฐานในอาสนวิหารหลังปัจจุบัน

ใกล้เคียง

อาสนวิหาร อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส อาสนวิหารกลอสเตอร์ อาสนวิหารอัสสัมชัญ อาสนวิหารลิงคอล์น อาสนวิหารนักบุญเปาโล อาสนวิหารแร็งส์ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อาสนวิหารโคโลญ อาสนวิหารอาเมียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: อาสนวิหารแม่พระปฏิสนธินิรมล_(นางาซากิ) http://www.at-nagasaki.jp/foreign/english/spot/004... http://www1.odn.ne.jp/tomas/hibakuseidou.htm http://www1.odn.ne.jp/uracathe/ //doi.org/10.7916%2FD8TH8V1G http://www.gcatholic.org/churches/asia/2479.htm //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... https://www.economist.com/blogs/erasmus/2016/09/cu... https://books.google.com/books?id=C4FPCwAAQBAJ https://books.google.com/books?id=KtcKouXO5fMC https://books.google.com/books?id=i6ckAQAAIAAJ&q