ประวัติ ของ อำเภอโนนสัง

พื้นที่ที่เป็นอำเภอโนนสังปัจจุบัน ได้ปรากฏหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มานับพันปีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือก่อนที่มนุษย์จะมีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ เริ่มจากการดำรงชีวิตแบบเร่ร่อน ตั้งชุมชนอยู่ที่ราบสูง ในถ้ำและริมฝั่งแม่น้ำ แสวงหาอาหารด้วยการจับปลา ล่าสัตว์ และพืชผักตามธรรมชาติ และมีการเลี่ยนแปลงทางสังคมมาเรื่อยๆ จนมาถึงการดำรงชีวิตในสังคมกสิกรรม อยู่รวมกันเป็นชุมชน มีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำเครื่องประดับ และหล่อโหะแบบต่างๆ หลักฐานที่ปรากฏในยุคแรกๆ ได้แก่ แหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อยและกุดค้อเมย[1] ตำบลบ้านถิ่นและตำบลกุดดู่ ซึ่งพบโครงกระดูกมนุษย์และสัตว์ เศษภาชนะดินเผา เศษเครื่องประดับสำริด รวมทั้งเครื่องมือเหล็กต่างๆ ที่มีอายุร่วมสมัยกีบแหล่งโบรารคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

ชุมชนยุคก่อนประติศาสตร์ที่ค้นพบ ได้แก่ แหล่งโบราณคดีโนนพร้าว บ้านกุดค้อเมย ตำบลกุดดู่ และแหล่งโบราณคดีโนนดอนกลาง บ้านกุดกวางสร้อย ตำบลบ้านถิ่น ซึ่งมีการขุดค้นและสำรวจถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกนาวย วิลเลี่ยม โชฟเฟลอร์ได้ขอนนุญาติกรมศิลปากรขุดค้นเมื่อ พ.ศ. 2517 [2] ครั้งที่ 2 หน่วยศิลปากรที่ 7จังหวัดขอนแก่น ขุดค้นเมื่อ พ.ศ. 2536 และครั้งที่ 3 สำนักโบรารคดีและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู สำรวจเมื่อ พ.ศ. 2540 พบว่าองค์ประกอบของโบรารสถานเป็นเนินดินขนาด 155x200 เมตร สูงประมาณ 2-3 เมตรจากที่ราบดดยรอบ พบหลักฐานต่อเนื่องก่อนประวัติศาสตร์ทวารวดีและล้านช้าง ผลการสำรวจกำหนดอายุด้วยวิธีการทางวิทยาศาสร์ได้ค่าอายุ 2500 ปีมาแล้ว และหลักฐานทางโบรารดีล้านช้างอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 23-24

ยุครัตนโกสินทร์

  • วันที่ 1 มกราคม 2491 แยกเป็นกิ่งอำเภอโนนสัง อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี
  • วันที่ 9 กันยายน 2499 ตั้งเป็นอำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานี
  • วันที่ 1 ธันวาคม 2536 มีการจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู อำเภอโนนสังอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดหนองบัวลำภู