อาชีพ ของ อุรัสยา_เสปอร์บันด์

2551–2554 : เริ่มต้นอาชีพนักแสดง และประสบความสำเร็จ

ในปี พ.ศ. 2551 รูปภาพของเธอจากนิตยสาร พลอยแกมเพชร ฉบับที่ 391 ไปเข้าตาทางช่อง 3[14][10] จนเธอได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในกลุ่มพาวเวอร์ทรีรุ่นที่สอง[15] เป็นระยะเวลา 3 ปี[16] โดยแสดงละครเรื่องแรก คือ บ้านก้านมะยม บทประพันธ์ของ ประภัสสร เสวิกุล กำกับโดยสุประวัติ ปัทมสูต แสดงร่วมกับณัฐรัฐ โมริส เลอกรองและพัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 4 ปี แต่ไม่ได้ออกอากาศ[17] ในปีเดียวกัน อุรัสยาแสดงร่วมกับวริษฐ์ ทิพโกมุทในละครซิตคอมช่วงเช้าแนวตลกของทีวีธันเดอร์ในปี พ.ศ. 2551 เรื่อง เพื่อนซี้ล่องหน กำกับโดย ศรัทธา ศรัทธาทิพย์[18] ขณะที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้อยู่ เธอพูดภาษาไทยได้เพียง 30% ด้วยความที่เข้าศึกษาในโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อนสนิทส่วนใหญ่จึงเป็นฝรั่งมากกว่าคนไทย[2] เวลาคุยกับคุณพ่อก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษและภาษานอร์เวย์เท่านั้น เพราะคุณพ่อพูดภาษาไทยไม่ได้[19] การแสดงในละครเรื่องนี้ อุรัสยายังพูดถึงตัวเองว่า "เล่นแข็งมาก พูดภาษาไทยก็ไม่ชัด"[9] ด้วยเหตุนี้ทำให้อุรัสยาเริ่มเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังเพื่อทุ่มเทให้กับงานแสดง เธอยังพูดว่า "เธอต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ๆ" ทั้งในเรื่องของภาษาและฝีมือการแสดง[2]

ในปี พ.ศ. 2553 อุรัสยาได้แสดงบทนำครั้งแรกในละครเรื่อง กุหลาบไร้หนาม ของอดุลย์ บุญบุตร[20] ประกบกับเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์และพัชฏะ นามปาน รับบทเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี แต่ถูกพี่สาวกลั่นแกล้งและพยายามแย่งทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งคนรัก[21] อุรัสยายอมรับว่า เธอรู้สึกกดดันและยังคงวิตกกังวลในการพูดและการแสดงอยู่[22] ในวันแรกที่เข้าฉาก เธอพูดตะกุกตะกักและพูดบทผิด ผลคือไม่ผ่านและต้องถ่ายซ้ำอีกรอบ[23] และนั่นเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่ชอบใจเลย เธอยังกล่าวว่าเธอ "รู้สึกกลัวทุกคน"[23] อย่างไรก็ตาม เธอเลือกที่จะกระตือรือร้นมากขึ้น โดยการอ่านบทมากกว่า 10 รอบ และอัดเสียงพูดตัวเองแล้วฟังซ้ำไปมาเพื่อฟังว่าคำไหนที่พูดชัดหรือไม่ชัด และต้องได้อารมณ์ของตัวละคร จากคำแนะนำของสาวิตรี สามิภักดิ์[22] ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลคมชัดลึก อวอร์ดสาขาละครยอดเยี่ยม และอุรัสยาถูกมองว่าเป็นนางเอก "มาแรง"[24] ชัชวาล พวงเดช จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ วิจารณ์ว่า "เป็นการแสดงที่แจ้งเกิด"ของเธอ[25] ในปีเดียวกันนั้น เธอแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะในบทคนดูแลกิจการฟาร์มโคนมที่ไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก แต่ความบาดหมางก็เกิดเป็นความรักต้องห้ามระหว่างสองตระกูลที่ไม่ถูกกัน[2] ในละครฟอร์มยักษ์ 4 หัวใจแห่งขุนเขา เรื่อง ดวงใจอัคนี ที่ถือว่าเป็นละครที่ประสบความสำเร็จและเป็นบทที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวให้กับเธอ[26] สำหรับการแสดงจากละครเรื่องนี้ อุรัสยาได้รับรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ในสาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม[27][28]

ในปี พ.ศ. 2554 อุรัสยาแสดงในละครแอกชัน-โรแมนติกเรื่อง ตะวันเดือด ของผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช กำกับโดย อรรถพร ธีมากร[16] ในละครอุรัสยารับบทเป็นลูกสาวเจ้าของไร่ที่ต้องแบกรับภาระของพ่อเอาไว้ ในการปกป้องสายแร่พลอยจากกลุ่มโจร[29] ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยม[30][31] ส่วนเหตุผลที่ฉัตรชัยเลือกอุรัสยามาแสดงละครเรื่องนี้เพราะฝีมือและความเหมาะสมในบท หลังจากคัดเลือกนักแสดงมาแล้วหลายคน[32] ละครเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ถึง 7 สาขา และได้เข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำถึง 4 สาขา และอีก 5 สาขาจากคมชัดลึก อวอร์ด อุรัสยาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่พ่ายให้กับอารยา เอ ฮาร์เก็ตจากละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง[33]

หลังจากเรื่อง ตะวันเดือด ก็ได้แสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะในละครโรแมนติกดราม่าเรื่อง เกมร้ายเกมรัก ออกอากาศเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554[34] โดยเธอรับบทเป็นหญิงสาวที่สูญเสียความทรงจำ ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จถึงแม้จะมีอุทกภัยในประเทศไทย[35] และถือเป็นละครที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดจากการสำรวจของเอแบคโพล[36] สำหรับการแสดงในละครเรื่องนี้ เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำในสาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น[37] และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเมขลาในสาขาผู้แสดงนำหญิงดีเด่น และสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[38][39] หลังจบละครเธอได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าจำนวนมาก จนได้รับฉายาว่าเป็น "เจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์"[40] จากรายได้ 65 ล้านบาท เว็บไซต์สนุกดอตคอม จัดอันดับให้อุรัสยาเป็น "ดาราสุดฮอตเจ้าพ่อเจ้าแม่พรีเซนเตอร์" อันดับที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2554[41] และนิตยสารโพสซิชั่นนิง จัดให้เธอเป็น "แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ที่มาแรงที่สุดในช่วงไตรมาส 2" ของปี พ.ศ. 2555[42]

2555–2560 : ดาวเรือง และเสียงวิจารณ์

ในปี พ.ศ. 2555 อุรัสยาได้แสดงคู่กับณเดชน์ คูกิมิยะในละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง สร้างมาจากนวนิยายของกาญจนา นาคนันทน์[43] ละครเรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ทั้งบวกและลบปนกัน[44] ส่วนคำวิจารณ์การแสดง ปิยนุช รัตนานุกูล จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวิจารณ์ว่า "ได้เผยถึงความหลากอารมณ์ มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus)[45] การแสดงจากละครเรื่องนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลเมขลาสาขาผู้แสดงนำหญิงดีเด่น[46] และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลท็อปอวอร์ดในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[47] ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เธอได้ให้เสียงพากย์เป็น ฮีโร่สีชมพู ในการ์ตูนแอนิเมชันแนวครอบครัวเรื่อง ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้[48] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เธอแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง "มายแบดแฮบิต" ของชินวุฒ อินทรคูสิน[49]

หลังจากเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง ก็ได้แสดงร่วมกับอธิชาติ ชุมนานนท์และศรราม เทพพิทักษ์ ในละครเรื่อง มายาตวัน หนึ่งในละครซีรีส์ชุด 3 ทหารเสือสาว เธอรับบทเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่พยายามขอสัมภาษณ์อดีตดาราชื่อดังที่เกลียดนักข่าว[50] ละครเรื่องนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบ[51] ศรราม เทพพิทักษ์ ก็ชื่นชมเธอในละครเรื่อง มายาตวัน และพูดถึงอุรัสยาว่า "มีความเป็นมืออาชีพและเล่นได้เป็นธรรมชาติ"[50][52]

ในปีเดียวกัน อุรัสยาแสดงในละครตลกเรื่อง ดาวเรือง คู่กับทฤษฎี สหวงษ์[53] ในละครเธอรับบทเป็นดาวเรือง สาวห้าวประจำหมู่บ้านที่ชอบกลั่นแกล้งคนอื่น สำหรับบทนี้ อุรัสยาถูกวิจารณ์จากผู้ชมว่าเธอไม่เหมาะสมกับบทดังกล่าวเพราะภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กฝรั่งและผู้ชมบางคนยังติดตากับละครเวอร์ชันก่อนในปี พ.ศ. 2539 ที่นำแสดงโดยจอนนี่ แอนโฟเน่และสิริยากร พุกกะเวส[54] แต่กฤษณ์ ศุกระมงคล ผู้กำกับแย้งว่า "น้องเหมาะที่สุดทั้งจากความแรงและความเป็นตัวเอง" ส่วนภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กฝรั่ง เขากล่าวว่า "มันดูท้าทาย เป็นจุดที่จะสนุก" และรู้สึกพอใจกับการแสดงของเธอ[55] อุรัสยายังให้สัมภาษณ์ว่า เธอต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม ในช่วงแรก ๆ เธอมีอาการเครียดเพราะหาคาแรกเตอร์ตัวเองไม่เจอ ด้วยความที่เป็นบทไกลตัวและภาษาของคนต่างจังหวัด[56] หลังจากละครออกอากาศก็ได้กระแสตอบรับที่ดี โดยมีเรตติงเฉลี่ยร้อยละ 8.66 ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของช่องสามในปีนั้น[57] ส่วนคำวิจารณ์ สำนักข่าวอิศราเขียนว่า "เป็นละครสะท้อนสังคมไทยในปัจจุบัน หลายคำพูดล้วนถูกรังสรรค์และหยิบยกขึ้นถ่ายทอดเพื่อหวังให้คนไทยได้ฉุกคิด"[58] จากการประสบความสำเร็จของการ์ตูนแอนิเมชัน ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้ ทำให้เธอได้กลับมาพากย์เสียงต่อในภาคเริ่มต้นใหม่ ซุปเปอร์ฮีโร่ สวยช่วยได้ ซีซั่น 2 ร่วมกับคิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริและราศรี บาเล็นซิเอก้า ออกอากาศเดือนตุลาคม[59] ปีถัดมาเธอแสดงร่วมกับณเดชน์ คูกิมิยะ, มาริโอ้ เมาเร่อ และณฐพร เตมีรักษ์ในละครฟอร์มยักษ์ ไรซิงซัน เรื่อง รอยฝันตะวันเดือด ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เป็นเรื่องราวความรักของริวและมายูมิ[60] ละครไม่ประสบความสำเร็จ[61] ซีรีส์ชุดนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ทั้งดีและไม่ดี[62] และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น "ละครตลกสำหรับคนที่รู้จักญี่ปุ่น"[63] แต่ถึงกระนั้นซีรีส์ชุดนี้ยังได้รับรางวัลละครยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 จากสถานทูตและการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น[64]

ในปี พ.ศ. 2558 อุรัสยาแสดงในละครของธิติมา สังขพิทักษ์ ร่วมกับ จิรายุ ตั้งศรีสุข เรื่อง หนึ่งในทรวง[65] เป็นละครย้อนยุคกลับไปในปี พ.ศ. 2473[66] โดยอุรัสยารับบทเป็นหญิงสาวที่ปากแข็งในเรื่องความรัก[67] ในปี พ.ศ. 2560 อุรัสยาได้แสดงคู่กับปริญ สุภารัตน์ในละครเรื่อง คลื่นชีวิต กำกับโดยอำไพพร จิตต์ไม่งง ได้รับบทบาทเป็นจีราวัจน์ นักแสดงดาวรุ่งที่มีปมชีวิต[68] ละครประสบความสำเร็จ ทำเรตติงได้เฉลี่ย 5.97 ซึ่งมากที่สุดของช่องสามในปี พ.ศ. 2560[69] อุรัสยาได้รับคำวิจารณ์ตอบรับที่ดี เอเอสทีวีผู้จัดการ วิจารณ์ว่า "ไม่หลงเหลือคราบไคลของนางเอกที่น่ารัก สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ รัศมีการแสดงของเธอที่นับวันก็ยิ่งเปล่งประกาย"[70] เว็บสนุกดอตคอมพูดถึงการรับบทเป็นจีราวัจน์ว่า "แสดงได้ทรงพลัง สีหน้าท่าทางทำให้คนเชื่อว่าเป็นตัวละครนี้จริง ๆ"[71] อุรัสยาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งแรกในสาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ สาขานักแสดงหญิงแห่งปี จากการแสดงละครเรื่องนี้

เดือนมีนาคม ปีเดียวกัน เธอได้ร่วมงานกับแร็ปเปอร์ ปริญญา อินทชัย สมาชิกวงไทยเทเนี่ยม ร้องเพลง "เมกอิตแฮปเพน" (Make it happen) สำหรับประกอบโฆษณา เมย์เบลลีน เพลงเป็นแนวฮิปฮอปผสมอิเล็กทรอเฮาส์ซึ่งโปรดิวเซอร์โดยยัวร์บอยทีเจ[72] เพลงได้รับการตอบรับที่ดี โดยขึ้นสูงสุดอันดับที่ 1 บนไอทูนส์ของประเทศไทย[73] และได้รับรางวัลยูทูบเดย์สาขาสุดยอดโฆษณาที่คนไทยชมมากที่สุด[74] ในปีเดียวกัน อุรัสยาแสดงในละครรัก-ตลกเรื่อง เล่ห์ลับสลับร่าง ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของนรอินทร์ในปี พ.ศ. 2545 กำกับโดยกฤษณ์ ศุกระมงคล

2561–ปัจจุบัน : น้องพี่ที่รัก และหลังจากนั้น

อุรัสยาแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก ออกฉายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 เป็นภาพยนตร์ครอบครัวที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ไม่ถูกกัน[75] ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทางรายได้ ทำรายได้ไป 146.86 ล้านบาท กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยในอันดับที่ 14[76] ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและเธอได้รับคำวิจารณ์ในทางบวก หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เขียนไว้ว่า "บทอารมณ์ที่ส่งออกมาไม่ติดขัดอะไรเลย"[77] และเว็บไซต์เมลโลชมการแสดงของเธอว่า "ทำได้ดี ไม่ผิดหวัง"[78] การแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์, รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม[79] ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน อุรัสยารับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ กำกับโดยพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เป็นภาคต่อของละครเรื่อง นาคี ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อ พ.ศ. 2559 โดยรับบทเป็นหญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเชื่อและศรัทธาต่อเจ้าแม่นาคี ภาพยนตร์ทำรายได้ 73 ล้านบาทในสัปดาห์เปิดตัว[80] และทำรายได้รวมที่ 417 ล้านบาททั่วประเทศ[81]

ปี 2562 อุรัสยาแสดงในละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง รับบทตัวละคร 4 ตัวละคร ทั้งบทข้ามชาติ และฝาแฝด[82] เดอะสแตนดาร์ด วิจารณ์การแสดงว่า "แม้จะรับบทหนักทั้งหมด 4 บท แต่เธอก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และแยกความเป็นตัวละครนั้น ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน จนคนดูเชื่อว่าเธอแสดงเป็นคนละคนจริง ๆ"[83]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อุรัสยา_เสปอร์บันด์ http://bangkok-today.com/web/%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/691856 http://ost.becteroradio.com/news/5989/%E0%B9%81%E0... http://www.daradaily.com/news/30816/read/ http://www.daradaily.com/news/31126/read/ http://www.daradaily.com/news/36207/read/ http://www.daradaily.com/news/36487/read/ http://www.daradaily.com/news/43979/read/ http://www.daradaily.com/news/45610/read/ http://www.daradaily.com/news/45791/read/