อูริอ็อล ฌุงเกรัส อี บิอัส (
กาตาลา: Oriol Junqueras i Vies; เกิดวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2512) เป็นอดีตนักการเมือง นักประวัติศาสตร์ และนักวิชาการจาก
แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน[1] เขาดำรงตำแหน่งรองประธาน
ฌานาราลิตัตดากาตาลุญญา (ทบวงการปกครองของแคว้น) ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2559 จนกระทั่งถูกรัฐบาลสเปนปลดออกจากตำแหน่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560 เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ
การลงประชามติและ
การประกาศเอกราชกาตาลุญญาฌุงเกรัสเกิดใน ค.ศ. 1969 ใน
บาร์เซโลนา และเติบโตขึ้นมาในเขตเทศบาล
ซัมบิแซ็นซ์ดัลซอร์ส หลังสำเร็จการศึกษาจาก
มหาวิทยาลัยอิสระแห่งบาร์เซโลนา เขาได้สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น
[2] ในฐานะผู้สนับสนุน
เอกราชกาตาลุญญา ฌุงเกรัสเข้าร่วมพรรค
ฝ่ายซ้ายสาธารณรัฐนิยมแห่งกาตาลุญญาใน พ.ศ. 2553 (สามปีก่อนหน้านี้เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลซัมบิแซ็นซ์ดัลซอร์สอยู่ก่อนแล้ว) และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีใน พ.ศ. 2554 ในช่วงเวลาเดียวกัน เขาได้รับเลือกตั้งเข้าสู่
รัฐสภายุโรปใน พ.ศ. 2552 และดำรงตำแหน่งนี้จนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ต่อมาในปลายปีเดียวกัน เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก
สภานิติบัญญัติกาตาลุญญาจาก
จังหวัดบาร์เซโลนา และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 หลังการบรรลุข้อตกลงระหว่างพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้ง
ฌุนส์ปัลซี (ซึ่งพรรคของเขาเข้าร่วมด้วย) กับ
พรรคเอกภาพประชาชน ฌุงเกรัสก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานฌานาราลิตัตดากาตาลุญญาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 มีการลงประชามติว่าด้วยเอกราชในกาตาลุญญาแม้
ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าเป็นการละเมิด
รัฐธรรมนูญสเปน ปรากฏว่าผู้ออกเสียงร้อยละ 92 เห็นชอบให้กาตาลุญญาเป็นรัฐเอกราช แต่มีผู้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเพียงร้อยละ 43 เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารแคว้นกาตาลุญญาแย้งว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิ์จะสูงกว่านี้หากตำรวจสเปนและกาตาลุญญาไม่เข้าไปขัดขวางการลงประชามติ
[3][4][5] ในอีกด้านหนึ่ง ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงหลายคนที่ไม่สนับสนุนเอกราชกาตาลุญญาก็ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์
[6] เนื่องจากบรรดาพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญได้ขอให้ประชาชนไม่เข้าร่วมในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นการลงประชามติที่ผิดกฎหมาย
[7][8]สมาชิกสภานิติบัญญัติกาตาลุญญาประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ส่งผลให้
รัฐบาลสเปนใช้มาตรการเข้าปกครองแคว้นกาตาลุญญาโดยตรง โดยปลดฝ่ายบริหารแคว้นออกจากตำแหน่ง ยุบสภานิติบัญญัติแคว้น และกำหนดจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ต่อมาในที่ 30 ตุลาคม ฌุงเกรัสและสมาชิกคนอื่น ๆ ของสภานิติบัญญัติแคว้นถูกควบคุมตัวในข้อหา
กบฏ ปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง และ
ใช้งบประมาณรัฐในทางมิชอบ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ฌุงเกรัสและอดีตผู้บริหารแคว้นอีกเจ็ดคนถูกศาลสั่งขังระหว่างพิจารณาคดี อดีตผู้บริหารแคว้นหกคนได้รับการประกันตัวในวันที่ 4 ธันวาคม แต่ฌุงเกรัสและ
ฌูอากิม โฟร์น อดีตมนตรีมหาดไทย ยังคงถูกขังต่อไป ใน
การเลือกตั้งระดับแคว้นที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ฌุงเกรัสได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภานิติบัญญัติแคว้นอีกครั้ง และบรรดาพรรคที่สนับสนุนเอกราชก็ยังครองเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา แต่ฌุงเกรัสก็ถูกผู้พิพากษาศาลสูงสุดสั่งระงับสถานะสมาชิกสภานิติบัญญัติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
[9] และยังคงอยู่ในเรือนจำต่อไป ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ปรากฏว่าเขาถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครองและใช้งบประมาณรัฐในทางมิชอบ ต้องโทษจำคุกและถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งสาธารณะเป็นเวลา 13 ปี
[10]