คำวิจารณ์ ของ เกมล่าชีวิต

เกมล่าชีวิต ได้รับการยกย่องเชิงคำวิจารณ์ ในบทวิจารณ์ของจอห์น กรีน ที่เขียนให้เดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้เขียนเอาไว้ว่า นวนิยายเล่มนี้ "มีการเขียนเนื้อเรื่องไว้อย่างฉลาดหลักแหลมและเดินเรื่องได้ยอดเยี่ยม" และ "จุดแข็งที่สำคัญของนวนิยายเรื่องนี้ก็คือการสร้างโลกที่มีรายละเอียดอย่างชวนให้คล้อยตามของคอลลินส์ รวมไปถึงความรู้สึกกดดันที่น่าจดจำและตัวละครแบบวีรสตรีที่น่าหลงใหล" อย่างไรก็ตาม กรีนสังเกตว่า แม้หนังสือเล่มนี้จะเต็มไปด้วยการใช้อุปมานิทัศน์ แต่บางทีกลับก็ไม่ได้ตระหนักถึงศักยภาพเชิงอุปมานิทัศน์ที่เนื้อเรื่องต้องเสนอออกมาและการเขียนก็ "อธิบายการกระทำมากแต่อธิบายสิ่งอื่นเพียงเล็กน้อย"[30] ส่วนสตีเฟน คิงก็ได้เขียนวิจารณ์ลงในนิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี โดยกล่าวว่าเขาไม่สามารถที่จะหยุดอ่านหนังสือเล่มนี้ได้และเปรียบว่านวนิยายเล่มนี้นั้นเปรียบเสมือน "การเล่นวิดีโอเกมประเภท 'ยิงทันทีถ้าขยับ' ฉะนั้นแม้คุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่คุณก็ยังคงเล่นมันต่อไปอยู่อย่างนั้น" อย่างไรก็ตาม เขาก็ระบุว่าหนังสือยังแสดงความขี้เกียจของคนเขียนที่นักอ่านวัยเด็กมักจะยอมรับได้มากกว่านักอ่านผู้ใหญ่ ฉะนั้นประเด็นเรื่องรักสามเส้าจึงกลายมาเป็นพื้นฐานของนวนิยายประเภทนี้ คิงให้คะแนนนวนิยายเรื่องนี้ไว้ที่ เกรดบี [31] อลิซาเบธ เบิร์ดจากวารสารสกูลไลบรารีเจอร์นัล ก็ได้ชื่นชมนวนิยายเล่มนี้ โดยกล่าวว่า เกมล่าชีวิต นั้น "น่าตื่นเต้น สะเทือนใจ ชวนให้คิด และน่าพิศวงอย่างเป็นลำดับขั้นตอน" และยกให้เป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดของปี ค.ศ. 2008[32] นิตยสารบุ๊กลิสท์ ก็ได้ให้คำวิจารณ์ในเชิงบวกเช่นกัน โดยได้กล่าวชื่นชมถึงความโหดร้ายและความโรแมนติกของตัวละครในเรื่อง[33] นิตยสารเคอร์กัส รีวิวส์ ได้มอบคำวิจารณ์เชิงบวกแก่ตัวนวนิยาย โดยกล่าวชมในเรื่องฉากต่อสู้และการสร้างโลกของนวนิยายขึ้นมา แต่ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า "การเรียบเรียงที่เลวร้ายในฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกจะทำลายสมาธินักอ่านที่มีความระมัดระวังในการอ่านได้ ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ"[34] ริก ไรออร์แดน ผู้เขียนนวนิยายชุด เพอร์ซีย์ แจ็กสัน ระบุว่าเกมล่าชีวิต คือ "สิ่งที่ใกล้เคียงกับนวนิยายผจญภัยมากที่สุด" เท่าที่เขาเคยอ่านมา[35] ส่วนสเตเฟนี เมเยอร์ (ผู้เขียนนวนิยายชุด ทไวไลท์) ก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้บนเว็บไซต์ของเธอว่า "ฉันติดหนังสือเล่มนี้มาก ... เกมล่าชีวิต ช่างน่ามหัศจรรย์"[36]

เกมล่าชีวิต ได้รับรางวัลและการเชิดชูเกียรติมากมาย โดยได้รับการระบุชื่อเป็นหนึ่งใน "หนังสือที่ดีที่สุด" ในปี ค.ศ. 2008 จากนิตยสารพับลิชเชอร์วีกลี[37] และเป็น "หนังสือเด็กที่น่าจับตามองของปี 2008" ของนิตยสารเดอะนิวยอร์กไทมส์ [38] หนังสือชนะรางวัล Golden Duck Award ประจำปี ค.ศ. 2008 สาขาวรรณกรรมวัยรุ่น[39] และยังได้รับรางวัล "2008 Cybil Winner" สำหรับวรรณกรรมแฟนตาซีและบันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ เคียงคู่กันกับหนังสือเรื่อง ผจญภัยในสุสาน[40] เกมล่าชีวิต เป็นหนึ่งใน "หนังสือดีปี 2008" ของวารสารสกูลไลบรารีเจอร์นัล[41] และเป็น "หนังสือแนะนำของบรรณาธิการนิตยสารบุ๊กลิสท์" ในปี ค.ศ. 2008[42] นอกจากนี้ หนังสือยังได้รับรางวัล California Young Reader Medal ประจำปี ค.ศ. 2011[43] นิตยสารแพเรนท์แอนด์ชายด์ ฉบับปี ค.ศ. 2012 ของสำนักพิมพ์สกอแลสติกก็ได้ระบุชื่อให้เกมล่าชีวิต ติดอับดับที่ 33 ของรายชื่อหนังสือที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก พร้อมด้วยรางวัล "ฉากจบที่ตื่นเต้นที่สุด"[44][45] นวนิยายเล่มนี้ยังเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของหนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดการในเครื่องคินเดิล[46] อย่างไรก็ตาม เกมล่าชีวิต ตกเป็นประเด็นโต้แย้งในบรรดาผู้ปกครอง[47] ซึ่งทำให้มันเป็นหนังสืออันดับที่ห้าที่ถูกขอให้นำออกจากห้องสมุดมากที่สุดในปี ค.ศ. 2010 จากการจัดอันดับของสมาคมห้องสมุดอเมริกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า หนังสือนั้นมี "ความรุนแรง" และมีเนื้อหาที่ "ไม่เหมาะสมกับช่วงอายุและวัยของผู้อ่าน"[48]

ได้มีการสังเกตถึงความเหมือนหลายจุดระหว่างเกมล่าชีวิต กับนวนิยายเรื่อง วิชาฆ่าภาคบังคับ (Battle Royale) ของโคจุน ทะคะมิ[49] คอลลินส์กล่าวว่า "ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนักเขียนหรือหนังสือเล่มนั้นเลยจนกระทั่งหนังสือของฉันได้ตีพิมพ์ ในตอนนั้นมีคนมาบอกฉัน และฉันก็ได้ถามบรรณาธิการของฉันว่าฉันควรที่จะอ่านมันหรือเปล่า เขาตอบว่า 'ไม่ ผมไม่อยากให้โลกใบนั้นเข้ามาอยู่ในหัวของคุณ แค่ทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ก็พอ' "[49] ซูซาน โดมินัสจากนิตยสารเดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้รายงานว่า "ความคล้ายคลึงนี้เป็นที่เห็นได้ชัดพอสมควรว่า งานของคอลลินส์นั้นได้โดนโจมตีในชุมชนผู้เล่นบล็อก เนื่องจากได้ขโมยเอาแนวคิดของวิชาฆ่าภาคบังคับ มาใช้อย่างไม่ละอาย" แต่เธอก็ได้โต้แย้งว่า "มีจุดกำเนิดของเส้นเรื่องหลายจุดที่มีความเป็นไปได้พอสมควรว่านักเขียนทั้งสองคนอาจสนใจความคิดพื้นฐานแบบเดียวกัน แต่ทั้งสองความคิดนั้นเป็นอิสระต่อกัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างอย่างใด"[50] ส่วนสตีเฟน คิงก็ได้สังเกตว่าการที่แคตนิสไม่รู้ว่ามีกล้องจับภาพเธออกอากาศในเรื่องนั้นมีความคล้ายคลึงกับวิชาฆ่าภาคบังคับ เฉกเช่นเดียวกับนวนิยายเรื่อง เดอะลองวอร์ค และ เดอะรันนิงแมน ของเขา[31] อีริก ไอเซนเบิร์กได้เขียนว่า เกมล่าชีวิต ไม่ใช่งานที่ลอกเลียนแบบวิชาฆ่าภาคบังคับ แต่เป็นการนำแนวคิดเดียวกันมาใช้ในวิธีใช้ที่แตกต่างกันออกไป โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างหลายประการทั้งด้านเนื้อเรื่องและแก่นเรื่อง[51]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เกมล่าชีวิต http://www.audible.com/pd/Teens/The-Hunger-Games-A... http://www.audiofilemagazine.com/dbsearch/showrevi... http://www.barnesandnoble.com/w/hunger-games-suzan... http://www.becomegorgeous.com/entertainment/movies... http://www.booklistonline.com/ProductInfo.aspx?pid... http://www.booklistonline.com/The-Hunger-Games-Suz... http://bookpage.com/interview/a-riveting-return-to... http://www.christianitytoday.com/ct/2012/marchweb-... http://www.cinemablend.com/new/5-Reasons-Hunger-Ga... http://www.cybils.com/2009/02/2009-cybils-winners....