กติกา ของ เกมแจกเก๋ง

ในการแข่งขันแต่ละครั้งจะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 5 คน โดยเป็นแชมป์เก่าจากรอบการแข่งขันที่แล้ว 1 คน และผู้เข้าแข่งขันใหม่อีก 4 คน ทุกคนจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เรียกว่า "เก้าอี้หงายเก๋ง" ซึ่งเป็นเก้าอี้กลไกที่พร้อมจะหงายผู้เข้าแข่งขันออกจากการแข่งขันทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นตกรอบ โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำการแข่งขันเกมในแต่ละรอบดังต่อไปนี้

รอบที่ 1 : สัตว์มหาสนุก

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนจะต้องผลัดกันพูดประโยคที่มีสัตว์และเสียงร้องเป็นส่วนประกอบเรียงไปทีละคน คนละ 1 คำให้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น แพะ / หนึ่ง / ตัว / มัน / ร้อง / แบะ / แพะ / สอง / ตัว / มัน / ร้อง / แบะ / แบะ / ... เป็นต้นโดยทุกครั้งที่เริ่มต้นประโยคใหม่จะต้องเพิ่มจำนวนสัตว์และจำนวนเสียงร้องให้มากขึ้นทีละ 1 ตัวไปเรื่อย ๆ (ชื่อสัตว์และจำนวนเสียงร้องที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป จะถือเป็นคำเดียวกัน)ผู้เข้าแข่งขันคนใดพูดผิดหรือพูดช้าเกินเวลาที่กำหนด จะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที

เดิมทีนั้น เกมนี้มีชื่อเกมว่า "สวัสดีปีแพะ" เนื่องจากเป็นการต้อนรับปี พ.ศ. 2558 ซึ่งตรงกับปีนักษัตร "มะแม" หรือปี "แพะ" นั่นเอง ทางรายการจึงได้ใช้สัตว์ชนิดนี้เป็นโจทย์หลักของการแข่งขัน แต่หลังจากรายการออกอากาศไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ รายการจึงได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นสัตว์ชนิดอื่นๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อใหม่ นั่นคือ "สัตว์มหาสนุก" นั่นเอง

อนึ่ง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2558 เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาจากเดิมคือคนที่พูดผิดก่อนเป็นคนแรกจะ "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที มาเป็นคนที่พูดผิดเป็นคนแรกจะยังไม่ "หงายเก๋ง" ในทันที แต่จะหมดสิทธิ์เล่นต่อในรอบนั้น และเกมจะยังดำเนินต่อไปโดยเริ่มจากรอบประโยคของจำนวนสัตว์ที่มีการพูดผิดเกิดขึ้น เพื่อหาคนที่พูดผิดเป็นคนที่สองมาแข่งขันกับคนที่พูดผิดคนแรกเพื่อตัดสินกันอีกครั้งแบบตัวต่อตัวโดยใช้ชื่อรอบว่า "สัตว์มหาทุกข์" โดยใช้กติกาเดียวกัน (อาจจะเปลี่ยนชื่อสัตว์และเสียงร้องก็ได้) และคนที่พูดผิดอีกเป็นครั้งที่สองจะ "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที

รอบที่ 2 - ปริศนาหน้าเกลี้ยง

เกม "ปริศนาหน้าเกลี้ยง" เป็นเกมใหม่ที่ถูกบรรจุเข้ามาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา เกมนี้จะมีภาพใบหน้าของบุคคลปริศนาที่จะเริ่มต้นจากใบหน้าเกลี้ยง ๆ และจะค่อย ๆ ปรากฏส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าออกมาทีละส่วน ในระหว่างนั้นผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คนจะต้องแย่งกันกดสัญญาณไฟเพื่อชิงสิทธิ์ในการตอบโดยสามารถกดได้ทันทีที่มั่นใจว่าตอบได้ เมื่อมีผู้เข้าแข่งขันคนใดคนหนึ่งกดสัญญาณไฟตอบ ภาพจะหยุดปรากฏส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า หากตอบได้ถูกต้องจะผ่านเข้ารอบทันที แต่ถ้าหากตอบผิดผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็จะหมดสิทธิ์เล่นต่อในภาพนั้น ๆ ทันทีเช่นกัน และผู้เข้าแข่งขันที่เหลือจะมีสิทธิ์แย่งกันกดสัญญาณไฟตอบกันต่อไป ในกรณีคนที่กดไฟตอบผิดกันหมด คนสุดท้ายที่ยังไม่ได้กดไฟจะได้สิทธิ์ตอบโดยจะเห็นชิ้นส่วนของใบหน้าเพิ่มอีก 2 ชิ้นส่วน แต่ถ้าตอบผิด จะเล่นต่อไปจนกว่าจะมีคนตอบถูก หลังจากที่ภาพปรากฏทุกส่วนของใบหน้าจนครบแล้ว ยังไม่มีใครตอบได้ จะเล่นต่อจนกว่าจะมีผู้เข้าแข่งขันตอบถูกเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเหลือคนสุดท้ายที่ยังตอบไม่ได้เลยที่จะ "หงายเก๋ง" ตกรอบ

เดิมทีนั้น เกมในรอบที่ 2 จะเป็น "คำถามหมวดหมู่" โดยพิธีกรจะถาม 1 คำถาม แล้วให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คนผลัดกันตอบคำตอบที่อยู่ในหมวดหมู่ที่กำหนด โดยคำตอบเหล่านั้นจะมาจากการสุ่มสำรวจโพลคนไทย 100 คน จำนวน 50 คำตอบซึ่งเป็นคำตอบที่คนส่วนใหญ่นึกถึง หรืออาจจะมาจากแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีเวลา 10 วินาทีในการตอบคำตอบที่อยู่ในหมวดหมู่นั้น โดยสามารถตอบได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้องและไม่ซ้ำกับที่คนอื่นตอบไปแล้ว ผู้เข้าแข่งขันคนใดที่ตอบไม่ได้ภายใน 10 วินาที จะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที

รอบที่ 3 - 4 : เติมให้เต็ม

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 คนที่เหลือจะต้องผลัดกันตอบคำถามคนละ 1 ข้อ ซึ่งคำตอบของคำถามทุกข้อจะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน โดยหลังจากที่พิธีกรอ่านคำถามจบ ผู้เข้าแข่งขันจะมีเวลา 10 วินาทีในการตอบ ซึ่งสามารถตอบได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง ผู้เข้าแข่งขันคนใดที่ตอบไม่ได้ภายใน 10 วินาที จะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที

ปัจจุบัน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาในรอบที่ 3 เป็น ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 คน จะผลัดกันตอบคำถามคนละ 1 ข้อเพื่อสะสมคะแนนภายในจำนวนคำถามที่จำกัดเพียง 30 ข้อ แต่ละข้อมีเวลา 10 วินาทีในการตอบเช่นเดิม สามารถตอบได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง หากตอบถูกจะได้คะแนนในข้อนั้นไป หากผู้เข้าแข่งขันยังตอบไม่ได้ สามารถใช้สิทธิ์ "ข้ามคำถาม" ข้อนั้นได้ โดยจะต้องบอกว่า "ข้าม" ก่อนที่เวลา 10 วินาทีจะหมดลง แล้วผู้เข้าแข่งขันลำดับถัดไปจะได้ตอบคำถามข้อนั้นแทนและถ้าตอบถูกก็จะได้คะแนนในข้อนั้นไปเช่นกัน และถ้าหากผู้เข้าแข่งขันบอก "ข้าม" คำถามข้อนั้นจนครบทุกคน พิธีกรจะทำการเฉลยคำตอบพร้อมกับเปลี่ยนคำถามใหม่ หลังจากครบ 30 ข้อแล้ว ผู้ที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะ "หงายเก๋ง" ตกรอบ แต่ทั้งนี้ยังคงมีเงื่อนไขเดิมคือหากผู้เข้าแข่งขันคนใดที่ยังตอบไม่ได้แล้วเวลา 10 วินาทีหมดลงเมื่อใด เกมจะจบลงและผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบทันทีโดยไม่สนว่าจะตอบถูกมาก-น้อยแค่ไหนหรือพิธีกรถามไปแล้วกี่ข้อก็ตาม(ในกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันที่ทำคะแนนไดัน้อยที่สุดมีเท่ากันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะต้องทำการแข่งขันต่อด้วยชุดคำถามพิเศษเพื่อตัดสินโดยที่ผู้เข้าแข่งขันจะไม่มีสิทธิ์ "ข้ามคำถาม" ได้เหมือนในรอบปกติ ผู้เข้าแข่งขันคนใดที่ตอบไม่ได้ภายในเวลา 10 วินาทีจะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบ)

แต่ในวันที่ 23 มิถุนายน​ 2558 ได้มีการปรับเปลี่ยนกติกา​อีกครั้ง โดยยังคงเป็นรูปแบบเดิมไว้คือผลัดกันตอบคำถามคนละ 1 ข้อ เพื่อสะสมคะแนนภายในจำนวนคำถามที่จำกัด แต่ยกเลิกการ "หงายเก๋ง" ตกรอบทันทีในกรณีที่เวลา 10 วินาทีในการตอบหมดลง โดยเปลี่ยนเป็นไม่ได้คะแนนในข้อนั้นไปและผู้เล่นลำดับถัดไปได้ตอบคำถามข้อนั้นแทน หากทุกคนตอบคำถามข้อนั้นไม่ได้ พิธีกรจะทำการเฉลยคำตอบและเปลี่ยนคำถามใหม่ เมื่อเล่นครบทุกคำถามแล้ว ผู้ที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะ "หงายเก๋ง" ตกรอบ แต่ถ้ามีผู้แข่งขันได้คะแนน​เท่ากัน 2-3 คน จะตัดสินในรอบ Sudden Death คือเล่นแบบเดิ​ม ซึ่งถ้าผู้แข่งขันคนใดที่ตอบไม่ได้ภายใน 10 วินาที​ จะต้อง "หงายเก๋ง" ตกรอบทันที

ผู้เข้าแข่งขัน 2 คนที่เหลือ จะทำการแข่งขันใน "เกมปริศนาคำท้าย" โดยใช้กติกาเช่นเดียวกับในรอบที่ 3 ทุกประการ แต่คำถามจะมีจำนวนจำกัดเพียง 20 ข้อเท่านั้น และคะแนนจากรอบที่แล้วจะถูกล้างเป็น 0

หลังจากจบการแข่งขันในรอบที่ 3 และ 4 แล้ว ผู้เข้าแข่งขันเพียงที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายจะกลายเป็นแชมป์ โดยทุกครั้งที่ได้แชมป์ (ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ใหม่หรือเป็นแชมป์เก่าที่สามารถรักษาแชมป์ได้ก็ตาม) จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาทจากทางรายการไปก่อนทันที พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบแจ็คพอตเพื่อลุ้นรับรถเก๋งป้ายแดงหรือเงินดาวน์รถเก๋งต่อไป และแชมป์ยังจะได้รับสิทธิ์ในการกลับมาแข่งขันอีกครั้งในรอบการแข่งขันใหม่เพื่อรักษาแชมป์ได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รถเก๋งป้ายแดงกลับไป หรือแพ้ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นแล้ว "หงายเก๋ง" ตกรอบไป

อนึ่ง เกมในรอบนี้เคยมีการนำเกมอื่น ๆ ที่มีรูปแบบการเล่นที่ใกล้เคียงกันมาใช้ในการแข่งขันเพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นซึ่งมีดังนี้

  • เกม "สุภาษิตสะกิดใจ" คือการตอบคำถามเกี่ยวกับสุภาษิตหรือสำนวนไทย
  • เกม "ปริศนาคำท้าย" (บางครั้งเป็นเกมปริศนาคำต้น) คือการตอบคำถามโดยที่คำตอบจะเป็นคำที่มีคำท้ายเป็นสระ และตัวสะกด เสียงเดียวกัน (บางครั้งอาจจะมีแค่สระอย่างเดียว) (ซึ่งได้ไปอยู่ในเกมรอบที่ 4 แล้ว)
  • เกม "เท่าไหร่เท่ากัน" คือการตอบคำถามโดยที่คำตอบจะเป็นตัวเลขทั้งหมด (เกมนี้ผู้เข้าแข่งขันจะตอบได้เพียงคำตอบเดียวเท่านั้น ไม่สามารถตอบคำตอบได้เรื่อย ๆ เหมือนกับเกมอื่น ๆ)
  • เกม "รู้ยกโหล" คือมีภาพทั้งหมด 12 รูป ไม่ว่าจะเป็นหมวด ดารา,นักกีฬา ฯลฯ โดยจะต้องตอบภาพนั้นให้ถูกต้อง ภายใน 10 วินาที ถ้าฝ่ายใดตอบผิดอีกฝ่ายจะต้องตอบให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้เป็นแชมป์ (อนึ่ง ถ้าหากทั้ง 2 ฝ่ายตอบได้ทุกภาพ ทางรายการจะเปลี่ยนหมวดใหม่โดยต้องตอบให้ได้ ถ้าตอบผิดระหว่าง 10 วินาที ถือว่าผิดทันที)

รอบแจ็คพอต : เจ็ดแล้วจำ

ผู้เข้าแข่งขันจะต้องจำคำที่ทางรายการกำหนดให้พร้อมกับตำแหน่งของคำนั้น ๆ ให้ถูกต้องทั้ง 7 คำ เกมนี้จะมีทั้งหมด 4 รอบ โดยรอบที่ 1 จะมี 4 คำ / รอบที่ 2 มี 5 คำ / รอบที่ 3 มี 6 คำ และรอบที่ 4 มี 7 คำ ซึ่งทุกคำจะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันและในทุกรอบตำแหน่งของคำเดิมจะถูกสลับใหม่ทั้งหมด ในแต่ละรอบผู้เข้าแข่งขันจะมีเวลา 10 วินาทีในการจดจำ หลังจากนั้นพิธีกรจะมีเวลา 45 วินาทีในการพูดคุยกับผู้เข้าแข่งขันเพื่อเป็นการรบกวนความจำและทดสอบสมาธิ ซึ่งเรื่องที่คุยอาจจะเกี่ยวข้องกับคำที่จำหรือเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปก็ได้ โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องตอบทุกคำถามของพิธีกรตามความเป็นจริง หลังจากหมด 45 วินาทีแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะต้องกลับมาตอบคำที่จำไปพร้อมกับตำแหน่งของคำนั้น ๆ ให้ถูกต้องทั้งหมด ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกตอบคำในตำแหน่งใดก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตอบเรียงจากคำแรกจนถึงคำสุดท้าย หากตอบได้ถูกต้องทั้งหมดจะได้เล่นต่อในรอบถัดไป แต่ถ้าหากตอบผิดแม้เพียงคำเดียวหรือตำแหน่งเดียว เกมจะจบลงพร้อมกับ "หงายเก๋ง" ออกจากการแข่งขันทันที นอกจากนี้ในช่วงระหว่างที่พิธีกรพูดคุย 45 วินาที หากทางรายการสังเกตได้ว่าผู้เข้าแข่งขันมีพฤติกรรมเอาแต่จำคำโดยไม่มีท่าทีที่จะสนใจการพูดคุยกับพิธีกร ทางรายการมีสิทธิ์พิจารณาปรับยืดระยะเวลาการคุยกับพิธีกรให้นานกว่าเดิมหรือแม้กระทั่งปรับ "แพ้ฟาวล์" พร้อมกับ "หงายเก๋ง" ออกจากการแข่งขันโดยที่ผู้เข้าแข่งขันไม่มีสิทธิ์ตอบคำที่จำได้ทันทีและถ้าหากผู้เข้าแข่งขันท่านใดสามารถจำคำที่กำหนดและตำแหน่งของคำนั้น ๆ ได้ถูกต้องครบทั้ง 4 รอบ ผู้เข้าแข่งขันท่านนั้นจะได้รับรางวัลแจ็คพอตเป็นรถเก๋งป้ายแดงคันใดก็ได้ที่มีให้เลือกในรายการ 1 คันจากทั้งหมด 4 คัน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกดังนี้

  1. รถยนต์ TOYOTA YARIS
  2. รถยนต์ MITSUBISHI MIRAGE
  3. รถยนต์ NISSAN MARCH
  4. รถยนต์ SUZUKI SWIFT

นอกจากนี้ทางรายการยังเคยนำรถเก๋งป้ายแดงรุ่นอื่น ๆ มาให้เลือกอีกหลายรุ่นซึ่งมีดังนี้

  1. รถยนต์ HONDA BRIO
  2. รถยนต์ HONDA BRIO AMAZE
  3. รถยนต์ NISSAN ALMERA

ในวันที่ 23 มิถุนายน​ 2558 ทางรายการได้มีการเพิ่มทางเลือกของรางวัลในรอบแจ็คพอต และผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกเล่นในแบบใด ระหว่าง

  • แบบเงินดาวน์รถเก๋ง 100,000 บาท จะได้โจทย์คำจำทั้ง 7 เป็นแบบ 1-2 พยางค์ทุกคำ (อาจจะมีมากกว่า 2 พยางค์ในบางคำ) จะเป็นหมวดของสิ่งที่ทุกคนรู้จักกันดี เช่น เสียงสัตว์,หนังสือพิมพ์​ เป็นต้น
  • แบบรถเก๋งป้ายแดง จะได้โจทย์คำจำทั้ง 7 เป็นแบบ 2 พยางค์ขึ้นไปทุกคำ จะเป็นหมวด ตัวเลข,ชื่อย่อ,คำซ้อน เป็น​ต้น​

ในกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันเลือกรางวัลแจ็คพอตเป็นเงินดาวน์รถเก๋ง 100,000 บาท หากทำแจ็คพอตแตกก็จะยังสามารถกลับมาแข่งขันเพื่อรักษาแชมป์ต่อไปได้เรื่อย ๆ (โดยเงินรางวัลจากการทำแจ๊คพอต 100,000 บาทแตกในแต่ละครั้ง จะนำมารวมกับเงินรางวัลที่ได้จากการเป็นแชมป์ของผู้แข่งขันในแต่ละสมัย สมัยละ 10,000 บาทอีกด้วย) แต่ถ้าเลือกรางวัลแจ็คพอตเป็นรถเก๋งป้ายแดง หากทำแจ็คพอตแตกจะไม่สามารถกลับมาแข่งขันเพื่อรักษาแชมป์ได้อีกต่อไป

ทำเนียบผู้แข่งขันที่ทำแจ็คพอตแตก

  1. เก๋กู๊ด - ฐานียา กัมพลาวลี (แชมป์ 2 สมัย) เลือกรถ NISSAN MARCH
  2. แป้ง - ณัฐณิชา เตชะสกุลรัตน์ (แชมป์ 1 สมัย) รับเงินดาวน์​รถเก๋ง 100,000 บาท รวมเป็น 110,000 บาท (หงายเก๋งตกรอบเรียบร้อย)
  3. ดีเจนุ้ย - ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร

(แชมป์ 2 สมัย) รับเงินดาวน์​รถเก๋ง 100,000 บาท x2 รวมเป็น 220,000 บาท(ปัจจุบันขอยุติการเป็นแชมป์ชั่วคราว)

ดาราหน้าหงาย

ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2558 เป็นต้นมา ทางรายการได้เพิ่มดารารับเชิญมาร่วมเล่นเกมโดยใช้ชื่อว่า "ดาราหน้าหงาย" โดยจะมีไปทุกรอบการแข่งขัน และดารารับเชิญจะได้รับสิทธิพิเศษในเกมคือมี 2 ชีวิต หมายถึงถ้าหากแพ้ในชีวิตแรกจะหมดสิทธิ์เล่นเกมถัดไปในรอบการแข่งขันนั้น และ"หงายเก๋ง"ไป [อนึ่ง การหงายเก๋งของผู้แข่งขันรับเชิญ (เฉพาะแพ้ในชีวิตแรกเท่านั้น) จะเป็นไปตามอารมณ์และความกลัวของผู้แข่งขันรับเชิญ ว่าจะพร้อมที่จะหงายตอนไหน] และหลังจากนั้นจะไม่มีสิทธิ์แพ้ได้อีกครั้ง แต่ถ้าแพ้ในชีวิตที่ 2 ก็จะหมดสิทธิ์การแข่งขัน และ"หงายเก๋ง"ทันที แต่ถ้าหากเป็นแชมป์ก็จะได้สิทธิ์เหมือนกับผู้แข่งขันที่เป็นแชมป์ คือได้รับเงินรางวัล สมัยละ 10,000 บาท พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบแจ็คพอต และสามารถกลับมารักษาแชมป์ได้เรื่อย ๆ (แต่ถ้าหากเป็นแชมป์ซึ่งมี 2 ชีวิต แล้วมาแพ้ในเกมใดเกมหนึ่งถือว่าเสียแชมป์ทันทีแต่ยังเหลือชีวิตอีก 1 ชีวิต) จนกว่าจะได้รถเก๋งป้ายแดงกลับไป หรือเสีย 2 ชีวิต และหงายเก๋งตกรอบไป

ใกล้เคียง