ความเป็นมาของเครื่องกระทบ ของ เครื่องกระทบ

  • ยุคหินเก่าตอนต้น มีการค้นพบเครื่องดนตรีหลายชนิดทั้งที่ทำให้เกิดเสียงโดยการเคาะ เป่า และขัดถู ส่วนเครื่องกระทบที่ค้นพบในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการนำหนังสัตว์มาขึงกับตอไม้ที่เจาะกลวงตรงกลางและใช้กระดูกสัตว์ตี เรียกว่า กลองขึงหนัง
  • ยุคหินใหม่ตอนปลาย ค้นพบ Rattle เป็นการนำเศษก้อนหินหรือเปลือกหอยมาร้อยรวมกันแล้วเขย่าให้เกิดเสียง, ไซโลโฟน การนำเศษไม้หรือเศษกระดูกที่มีขนาดใกล้เคียงกัน นำมาเรียงจากใหญ่ไปหาเล็ก แล้วตีด้วยไม้หรือกระดูก, กลองขึงหนัง และไม้ตีชนิดต่างๆ
  • ยุคกลาง ดนตรีถูกจำกัดอยู่เพียงการร้องเพลงเพื่อศาสนาเท่านั้น ทำให้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่จะพบในลักษณะที่เป็นของเล่น หรือเครื่องส่งสัญญาณต่างๆ เช่น กระดิ่ง หรือระฆัง
  • ยุคกลางตอนปลาย เพลงนอกศาสนาเริ่มมีถือกำเนิดขึ้น แต่เครื่องกระทบยังคงไม่ได้รับความนิยม ที่พอจะรู้จักและพบในช่วงนี้คือ กลองTabor (เป็นกลองขนาดเล็กที่ใช้ตีประกอบการเป่าขลุ่ย ที่ได้รับอิทธิพลจากตุรกี), แทมบูรีน (Tambourine) และกลองทิมปานี (Timpani) หรือเรียกว่า แคทเทิลดรัมส์ (Kettledrums) ซึ่งจะใช้ในราชสำนักและพิธีกรรมทางศาสนา ต่อมาปีค.ศ. 1670 มีการนำเครื่องกระทบเข้ามาใช้ในวงออร์เคสตรา โดยกลองทิมปานีได้รับการยอมรับมากที่สุด เครื่องกระทบจึงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
  • ยุคโรแมนติก เครื่องกระทบมีบทบาทมากขึ้น และได้รับการพัฒนาขึ้นด้วย โดยมีการเปลี่ยนแปลงให้มีหลายขนาด และหลายๆ เสียง เช่น แทมบูรีน, ไซโลโฟน, ระฆังราว (Tubular Bell), คัสทาเนท (Castanets) หรือกรับสเปน
  • ยุคสมัยใหม่ (Modern) ใยยุคนี้มีการปรับปรุงและก่อสร้างกลไกต่างๆ ให้กับเครื่องกระทบเพื่อตอบสนองการใช้งานของคีตกวี เช่น การเปลี่ยนเสียงของกลองทิมปานี
  • ศตวรรษที่ 20 กลองหนังถูกพัฒนาเป็นกลองชุด (Drums Set) และไซโลโฟน ได้รับการพัฒนาให้มีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิมเรียกว่า ไวบราโฟน (Vibraphone) และมาริมบา (Marimba)

ใกล้เคียง

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เครื่องบินขับไล่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เครื่องคิดเลข เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์