ศาสนาพุทธ ของ เคลอจี

ดูบทความหลักที่ พระสงฆ์

ในพุทธศาสนาเคลอจีจะหมายถึงพระสงฆ์ ซึ่งประกอบด้วยภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ คณะสงฆ์นี้พระพุทธเจ้าทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ตามที่คัมภีร์บันทึกไว้ ระบุว่าภิกษุและภิกษุณีในสมัยพุทธกาลจะต้องอยู่โสด ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย เน้นการเจริญสมาธิภาวนา ถือพรตจาริกไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 9 เดือน และอยู่จำพรรษาอีก 3 เดือนในช่วงเข้าพรรษา แต่ในปัจจุบันบทบาทของคณะสงฆ์เปลี่ยนแปลงไปในบางประเทศ เช่น ในญี่ปุ่นและบางนิกายในเกาหลี อนุญาตให้นักบวชในพุทธศาสนาแต่งงานได้ นักบวชดังกล่าวจึงไม่ถือวัตรอย่างนักพรต (แต่ชีส่วนมากยังคงถือพรหมจรรย์) ส่วนนิกายเถรวาท เช่น พุทธศาสนาในประเทศไทย พม่า กัมพูชา และศรีลังกา ยังคงให้พระสงฆ์ใช้ชีวิตอย่างนักพรต (เรียกว่า ชีวิตอารามวาสี) โดยเฉพาะห้ามมิให้พระภิกษุแตะต้องกายสตรี หรือแม้แต่ทำงานอย่างทางโลก

ในหลาย ๆ ประเทศ ภิกษุณีสงฆ์ยังมีอยู่ แต่สายของเถรวาทนั้นสายภิกษุณีสงฆ์ซึ่งมีเฉพาะที่ลังกาได้ขาดช่วงสืบทอดไปตั้งแต่สมัยถูกโปรตุเกสยึดครอง[6] ทางฝ่ายทิเบตก็ไม่เคยมีสายภิกษุณีไปเผยแพร่ ยกเว้นสามเณรี สถานะและอนาคตของภิกษุณีสงฆ์ในดินแดนเหล่านี้จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ในประเทศที่ไม่มีภิกษุณีสงฆ์สตรีจึงเลือกบวชด้วยวิธีอื่น เช่น เป็นแม่ชี แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ์และเอกสิทธิ์อย่างนักพรตหญิง

ความหลากหลายของนิกายในพุทธศาสนาทำให้การอธิบายเคลอจีทำได้ยาก ในสหรัฐ นักบวชญี่ปุ่นนิกายสุขาวดีจะมีลักษณะบทบาทคล้ายศาสนาจารย์ในนิกายโปรเตสแตนต์ ขณะเดียวกันพระป่าในประเทศไทยเน้นชีวิตด้านการเจริญจิตภาวนาและจำพรรษาในชุมชนเล็ก ๆ ห่างไกลเมือง ต่างจากพระบ้านที่เน้นงานสอน ศึกษาพระธรรม และปกครองคณะสงฆ์ (ซึ่งอยู่ภายใต้อุปถัมภ์ของรัฐ เช่น มหาเถรสมาคม) ในนิกายเซนในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น การทำงานหัตถกิจถือเป็นระเบียบสำคัญของสำนัก ขณะที่นิกายเถรวาทไม่นิยมให้พระสงฆ์ทำงานอย่างผู้ใช้แรงงานหรือเกษตรกร

ปัจจุบันที่อเมริกาเหนือ มีทั้งพระสงฆ์ที่ถือและไม่ถือพรหมจรรย์จากนิกายต่าง ๆ จากทั่วโลก บางคณะเป็นพระป่าในนิกายเถรวาท บางคณะก็เป็นนักบวชมีคู่สมรสจากนิกายเซนจากญี่ปุ่นและอาจทำงานทางโลกด้วยนอกจากงานในพุทธศาสนา