ประวัติ ของ เจก_เฮเกอร์

เขาเข้าสู่วงการมวยปล้ำสมัครเล่นตอน 5 ขวบ โดยเข้าชมรมมวยปล้ำสมัครเล่นคว้าแชมป์สมัครเล่นระดับรัฐสองสมัย ก่อนจะได้รับทุนนักกีฬาระดับ 1 ของอเมริกันฟุตบอลและมวยปล้ำในระดับมหาวิทยาลัยช่วงนั้นก็เล่นกีฬาสลับกันไปโดยอเมริกันฟุตบอลเล่นตำแหน่งตัวรับ[8] วันหนึ่ง จิม รอสส์ นักพากย์และเป็นแมวมองหาดาวรุ่งประดับวงการได้มีการทาบทามให้เข้าสมาคม WWE เขาตัดสินใจตกลงโดยได้เซ็นสัญญาและส่งไปชุบตัวที่ Deep South Wrestling 1 ปีเต็ม[9] ซึ่งได้โชว์ฝีมือและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ครบ 1 ปีก็เข้าสังกัด Ohio Valley Wrestling จับคู่แท็กทีมกับ Cassidy James[10]

เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 เขาย้ายเข้ามาสู่ Florida Championship Wrestling (FCW) และเริ่มสร้างชื่อด้วยการคว้าแชมป์ FCW Heavyweight และ FCW Southern ตำแหน่งละ 1 สมัย[11][12] ก่อนจะได้รับโอกาสปล้ำชิมลางในรอว์ก่อนถ่ายทอดสดแพ้วิลเลียม รีกัล[13] 9 กันยายน ค.ศ. 2008 เขาได้เปิดตัวสู่ ECW ภายใต้ฉายา ดิ ออล อเมริกัน อเมริกัน (The All American American) โดยปราบนักสู้โนเนม[14] ก่อนเปิดศึกกับตำนาน ECW ดั้งเดิมนามทอมมี ดรีเมอร์ทั้งสามแมตช์ โดยเขาชนะทั้งแบบธรรมดาและแบบสมัครเล่น[15][16] ก่อนเจอกันครั้งที่ 3 แบบเอ็กซ์ตรีมรูลส์ซึ่งสามารถคว้าชัยมาได้[17] และก็คว้าแชมป์ ECWจากแมต ฮาร์ดีอย่างงดงาม ที่น่าสนใจคือทุกครั้งเวลาขึ้นเวทีหรือลงเวทีมักจะยิ้มแม้แต่ตอนสู้[18][19]

ปี ค.ศ. 2010 ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26เขาได้คว้ากระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์ทำให้มีสิทธิ์ชิงแชมป์โลกเวลาใดก็ได้เพียง 1 ครั้ง[20] จากนั้นได้ลองใช้สิทธิ์กับแชมป์ WWE จอห์น ซีนา แต่เปลี่ยนใจเพราะว่าซีนารู้ทันและไม่บาดเจ็บมากพอที่จะให้ตัวเองชนะได้ง่าย ๆ[21] วันที่ 2 เมษายน สแวกเกอร์ได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าชนะคริส เจริโคคว้าเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสมัยแรก หลังจากเจริโคถูกเอดจ์เสปียร์ใส่ ทำให้อยู่ในสภาพไม่พร้อมปล้ำ[22][23] วันที่ 16 เมษายน สแวกเกอร์ป้องกันแชมป์โลกครั้งแรกกับเจริโคและเอดจ์ และเป็นฝ่ายป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2010) สามารถป้องกันแชมป์กับแรนดี ออร์ตันเอาไว้ได้[24] ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2010) ต้องป้องกันแชมป์กับบิ๊กโชว์แต่ถูกปรับแพ้ฟาล์วทำให้ไม่เสียแชมป์[25] ในเฟทัลโฟร์เวย์ (2010) เสียแชมป์ให้เรย์ มิสเตริโอ หลังจากนั้นผลงานของสแวกเกอร์ก็ไม่ดีในระยะหลังและไม่มีโอกาสได้แชมป์โลกอีกเลย[26]

สแวกเกอร์ได้มาเป็นเทรนเนอร์ให้กับไมเคิล โคลในการเจอกับเจอร์รี ลอว์เลอร์ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 โดยมีสโตน โคลด์ สตีฟ ออสตินเป็นกรรมการพิเศษ[27] ผลปรากฏว่าโคลเป็นฝ่ายแพ้ หลังแมตช์ผู้จัดการทั่วไปของรอว์ได้ส่งอีเมลมาบอกว่าฝั่งลอว์เลอร์นั้นโกง จึงตัดสินให้โคลเป็นผู้ชนะ[28] ปี ค.ศ. 2012 ได้คว้าแชมป์ยูเอสสมัยแรกจากแซค ไรเดอร์[29][30] ก่อนเสียแชมป์ให้ซานติโน มาเรลลา[31] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28 ได้เข้าร่วมทีมของจอห์น โลรีนายติสเอาชนะทีมของทีโอดอร์ ลองได้แบบแท็กทีม 12 คน ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2013 สแวกเกอร์ได้เปลี่ยนฉายาใหม่ เดอะเรียลอเมริกัน (The Real American) โดยมีเซบ โคลเตอร์เป็นผู้จัดการ และเปลี่ยนชื่อท้าไม้ตายจากแองเกิลล็อกเป็นแพทริออทล็อก และเป็นผู้ชนะในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013) ได้สิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับอัลเบร์โต เดล รีโอในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 แต่ก็ไม่สำเร็จ[32]

สแวกเกอร์ได้ร่วมทีมกับซีซาโรในนามเดอะเรียลอเมริกันส์โดยมีโคลเตอร์เป็นผู้จัดการทีมส่วนตัว[33] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013) เรียลอเมริกันส์ได้ร่วมชิงกระเป๋าสัญญาชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทโดยแดเมียน แซนดาวชนะ[34] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) แพ้แท็กทีมเทอมอยล์หาทีมไปชิงแชมป์แท็กทีม WWE[35] สแวกเกอร์ได้ชนะ 4 เส้าคว้าสิทธิ์ชิงแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลกับบิ๊กอีในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014) แต่ไม่ได้แชมป์[36] ใน Kickoff เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30 หลังจากพลาดคว้าแชมป์แท็กทีม สแวกเกอร์ไม่พอใจซีซาโรและจะจับใส่ Patriot Lock แต่โคลเตอร์เข้ามาห้ามไว้และให้ทั้งคู่จับมือกัน แต่ซีซาโรก็จับสแวกเกอร์ใส่ท่า Giant Swing[37] คืนเดียวกันซีซาโรได้ชนะแบทเทิลรอยัลคว้าถ้วยอ็องเดรเดอะไจแอนต์ คืนต่อมาในรอว์ สแวกเกอร์มาอัดซีซาโรและทำลายรางวัล ทำให้ซีซาโรโมโหจนได้มีแมตช์กันโดยซีซาโรชนะ[38]

สแมคดาวน์ 4 กรกฎาคม ลานาและรูเซฟออกมาพูดดูถูกอเมริกาและบอกว่าไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของรัสเซียได้ สแวกเกอร์กับโคลเตอร์ออกมาขัดและโคลเตอร์ก็ถามว่าใครเป็นผู้คิดคนอินเทอร์เน็ต? ไม่ใช่รัสเซียหรอก ใครส่งคนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้เป็นคนแรก? ก็ไม่ใช่รัสเซียอีกแหละ สิ่งเดียวที่รัสเซียสร้างคือไอ้หน้าโง่อย่างพวกแกนี่แหละ ลานาบอกให้โคลเตอร์หุบปาก แต่โคลเตอร์ก็บอกว่าลานาต่างหากที่ควรหุบปาก ขอให้คนอเมริกันทุกคนช่วยกันเอามือวางที่หัวใจและกล่าว We the People!! คนดูในสนามช่วยตะโกนซ้ำ ๆ จนลานากับรูเซฟต้องถอยกลับไป ในแบทเทิลกราวด์ (2014) แพ้รูเซฟโดยการเคาท์เอาท์นับ 10 ก่อนจะได้รีแมตช์ในซัมเมอร์สแลม (2014) แต่ก็แพ้ไปแบบน็อกเอาต์[39] 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 สแวกเกอร์ได้ดราฟท์ไปรอว์[40] อยู่ได้ไม่นานสัญญาของเขาในรอว์ก็หมดลง เขาจึงย้ายมาสแมคดาวน์แต่ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน[41] ก่อนออกจาก WWE วันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2017[42][43][44] และเซ็นสัญญากับ AEW ในปี 2019[45]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจก_เฮเกอร์ http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2008/11/18/745... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2008/11/25/753... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/03/29/134... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/04/25/137... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/05/23/140... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2011/02/28/174... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2012/01/16/192... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/WrestleMania27... http://www.bellator.com/fighters/9f4064/jake-hager http://bleacherreport.com/articles/1092197-wwe-mon...