ศึกเทพเจ้าโปเซดอน ของ เจมินี่_คาน่อน

ซีดราก้อน คาน่อนชุดสเกล ซีดราก้อน

13 ปีก่อนอาธีนาจะอวตารลงมาจุติในร่างของ คิดะ ซาโอริ เคียวโกชิออนได้ทำการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งเคียวโกคนต่อไประหว่าง ซาจิทาริอัส ไอโอลอส กับ เจมินี่ ซากะ และได้เลือก ไอโอลอส เป็นเคียวโก ซากะนั้นถึงจะไม่ได้คัดค้านอะไรแต่ในใจลึกๆ มีความผิดหวังและริษยาอยู่ คาน่อนจึงเสนอให้ซากะ ผู้เป็นพี่ร่วมมือกับตนฆ่าเคียวโกกับอาธีน่า แต่ซากะไม่เห็นด้วย จึงจับคาน่อนไปขังไว้ในคุกศิลาที่แหลมสุนิอ้อน คาน่อนนั้นเกือบตายอยู่ในคุกนั้นหลายครั้ง แต่ได้รับคอสโมของอาธีน่าช่วยไว้เสมอ วันหนึ่งคาน่อนพบห้องลับที่เก็บตรีศูลของเจ้าสมุทรโปเซดอนที่ถูกผนึกไว้ด้วยยันต์ของอาธีน่า เมื่อดึงตรีศูลออกมายันต์ของอาเทน่าที่เสื่อมพลังลงจึงหลุดออก คาน่อนถูกดูดลงไปที่วิหารใต้สมุทรของเทพโปเซดอน และได้ปลดปล่อยวิญญาณเทพโปเซดอนที่ถูกผนึกในคนโทออกมา คาน่อนบอกกับเทพโปเซดอนว่าอาธีน่าลงมาจุติเป็นมนุษย์แล้ว เทพโปเซดอนรู้สึกสงสัยจึงซักถามจนรู้ว่าอาเทน่ามาจุติเพื่อเตรียมรับมือทำสงครามกับเทพฮาเดส โปเซดอนจึงให้คาน่อนเตรียมการจัดทัพไปก่อน กำชับห้ามปลุกตนจนกว่าร่างของคนในตระกูลโซโล คือ จูเลี่ยน โซโล จะอายุครบ 16 ปี โปเซดอนจึงจะใช้ร่างของจูเลี่ยนเพื่อทำสงคราม คาน่อนจึงใช้ชุดมารีนเนอร์ นักรบของโปเซดอน คือ ซีดราก้อน ทำหน้าที่ดูแลเสาสมุทรแอตแลนติกเหนือ คิดแผนหลอกใช้ให้โปเซดอนทำสงครามกับอาธีน่าทำสงครามกันเอง เพื่อตั้งตนเป็นใหญ่

ในระหว่างการต่อสู้กับ ฟีนิกซ์ อิคคิ ที่มหาวิหารโปเซดอน คาน่อนใช้ท่าไม้ตาย กาแล็คเซี่ยน เอ๊กซ์โปรชั่น ซึ่งเป็นท่าประจำตัวของโกลด์เซนต์เจมินี่ โจมตีใส่อิคคิ และได้เปิดเผยตัวเองว่าคือ เจมินี่ คาน่อน และส่งอิคคิไปยังมิติอื่นโดยท่าโกลเด้นไทรแองเกิ้ล จึงถูก ไซเรน โซเรนต์ สงสัย แต่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเสียก่อนทั้งคู่จึงกลับไปดูแลเสาของตนต่อ

แต่อิคคิได้กลับมาจากต่างมิติได้โดยความช่วยเหลือของอาธีน่า ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันอีกครั้ง คาน่อนเสียท่าถูกหมัดมายาฟีนิกซ์ ทำให้เปิดเผยอดีตและความจริงที่เกิดขึ้น และได้รู้ว่าตนถูกคอสโมของอาธีน่าช่วยชีวิตไว้ตอนโดนขังจากอิคคิ จึงยอมบอกที่ซ่อนของคนโทผนึกโปเซดอนซึ่งอยู่ในเสาเมนเบรดวินเนอร์นั่นเอง

โซเรนต์ที่นำทางกิกิมาส่งอาวุธของโกลด์คลอตไลบร้าให้อิคคิทำลายเสาต้นสุดท้าย ทำให้เสาเมนเบรดวินเนอร์เสียสมดุลจนถูกทำลายลง อาธีน่าจึงเป็นอิสระออกมาพร้อมกับคนโท ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ คาน่อนได้เอาร่างกายปกป้องอาเทน่าจากตรีศูลของเทพโปเซดอน เพราะรู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป อาธีน่าจึงยอมอภัยให้ และใช้คนโทผนึกวิญญาณของเทพโปเซดอนได้สำเร็จ

สงครามศักดิ์สิทธิ์-เทพเจ้าฮาเดส

พอตนหายดี จึงมาขมาอาธีน่า จึงได้เป็นเซนต์เจมินี่ แต่ตนก็ซ่อนตัวที่ปราสาทเคียวโก ได้ใช้ภาพลวงตาสร้างร่างเสมือนมีเจมินี่เซนต์ปกป้องปราสาทคนคู่ จากการบุกรุกของเหล่าสเป็คเตอร์ เมื่อพี่,คามิว,ชูร่ามาถึงปราสาท ตนจึงสร้างเขาวงกต แต่พี่จับไต๋ได้ จึงโจมตีระยะใส่ตนถึงปราสาทเคียวโก จนภาพลวงตาคลาย

พอ สกอร์เปี้ยน มิโร รู้ว่าตนอยู่ที่นี่ จึงไม่ยอมรับกับไล่ไป แต่ตนยืนยันที่จะอยู่เพื่อปกป้องอาธีน่า ดังนั้นตนจึงรับท่าเข็มพิษสีเลือด 14 เข็มของมโร กับไม่โจมตี มิโรจี้จุดเพื่อสกัดเลือดเพื่อรักษากับยอมรับตน

คาน่อนใช้ท่ากาแล็กเซี่ยนเอ็กซ์โพรชั่น

หลังครบ 12 ชม.ที่ชิออนนำพวกซากะมา ตนรีบใส่โกลด์คลอธ เป็นเจมินี่เซนต์อย่างเต็มตัว ตนตามกับโดโกไปทีหลัง ก็ปลุกเอ็กเซต์สำเร็จ ปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ยมโลก แอบตามเซย์ย่ากับชุน โดยได้ใช้หมัดมายาโจมตีใส่บัลร็อค รูเน่โดยไม่รู้ตัว เพื่อล่อให้พาไปหาฮาเดส แต่ในระหว่างนั้น ไวเวิร์น ราดาแมนทีสก็ปรากฏตัวขึ้น จนแผนแตก ตนจึงฆ่ารูเน่ลงอย่างง่ายดาย พอเซย์ย่ากับชุนมาขอร่วมด้วย แต่ตนไม่ยอมกับเตือนสติให้ทั้งคู่ไปต่อ เพื่อตนสู้กับราดาแมนทีส โดยตนจงใจรับท่าเกรทเตสคอชั่นของราดาแมนทีสอย่างจัง แต่ก็ไม่เป็นไรกับสวนกลับโดยใช้หมัดมายา ในขณะนั้นเอง สเป็กเตอร์ 6 คน มาแจ้งข่าวให้ราดาแมนทีสเดินทางไปหาแพนโดร่า ราดาแมนทีชเตือนให้สเป็คเตอร์อย่าไปยุ่งกับตน แต่พวกสเป็คเตอร์ไม่สน ถูกตนฆ่าทิ้งอย่างง่ายดาย[1]

ต่อมาพบชิริวกับเฮียวงะ ทั้ง 3 ร่วมเดินทางไปปราบพวกสเป็คเตอร์ในนรกแต่ละขุม อย่างราบรื่น จึงให้ทั้งคู่ไปต่อ เพื่อตนสู้กับราดาแมนทีสเป็ครั้งที่ 2 ตนที่ได้เปรียบ แต่มีนอสและไออาคอสโผล่มา ตนสู้ไม่ไหว อิคคิโผล่มาช่วยปราบไออาคอสได้ทัน แต่พออิคคิถูกฮาเดสที่สิงชุนวาร์ปส่งมาตำหนักฮาเดส ทั้ง 3 จึงแยกกันไป[2]

ตนคอยไล่กำจัดสเป็คเตอร์ที่เหลือ ราดาแมนทีสโผล่มาท้าสู้เป็นครั้งที่ 3 ตนจึงถอดเจมินี่คล็อธออก เนื่องจากต้องการให้เจมินี่คล็อธเดินทางไปรวมกับโกลด์คล็อธอีก 11 คล็อธในการทำลายกำแพงวิปโยค ตนถูกราดาแมนทีสสมเพชทำร้ายจนสาหัส จนบาดผลที่โดนท่าเข็มพิษสีเลือดเปิด ตนจึงตัดสินใจล๊อคตัวของราดาแมนทีสพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วใช้ท่ากาแล็กเซี่ยนเอ็กซ์โพรชั่นระเบิดทั้งคู่จนตายพร้อมกัน [3]