เจ้าจอมมารดาเหม (
21 กันยายน พ.ศ. 2407 -
9 กรกฎาคม พ.ศ. 2474) เจ้าจอมมารดาใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมารดาของพระองค์เจ้าชายหนึ่งพระองค์ (ไม่ประสูติเป็นพระองค์) และ
พระองค์เจ้าหญิงเหมวดี ท่านเป็นผู้รักการดนตรี และได้สนิทสนมกับ
เจ้าดารารัศมี พระราชชายาเป็นพิเศษเจ้าจอมมารดาเหมเป็นธิดาคนโตของ
พระยาธรรมสารนิติวิชิตภักดี (พลับ อมาตยกุล) และท่านขรัวยายแสงเกิดในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่บ้านหน้า
วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) เมื่อวันพุธ แรม 6 ค่ำ เดือน 10 ปีชวด ตรงกับวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2407 มีน้องชาย 2 คน น้องสาว 1 คนเจ้าจอมมารดาเหมได้เรียนหนังสือที่บ้านจนอ่านออกเขียนได้ ประกอบกับที่บ้านเป็นที่อยู่ของตระกูลใหญ่ จึงมีพี่น้องชายหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน และมีญาติที่เชี่ยวชาญการเล่นดนตรีไทยหลายคน เช่น
พระยาธรรมสารนิติพิพิธภักดี (ตาด อมาตยกุล) มีศักดิ์เป็นอา เชี่ยวชาญ
ซอสามสาย บุตรของพระยาธรรมสารนิติพิพิธภักดี ชื่อประคอง อมาตยกุล มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ก็เชี่ยวชาญซอสามสาย และบุตรสาวของ
พระยากษาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) ชื่อสังวาลย์ อมาตยกุล มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ก็เชี่ยวชาญ
กระจับปี่ ท่านจึงคุ้นเคยกับดนตรีไทย การขับร้อง และร่วมวงเครื่องสายมาตั้งแต่เด็กเมื่ออายุ 12 ปี บิดาก็ได้นำท่านไปฝากถวายตัวในวัง พร้อมกับน้องสาวชื่อประคอง ไว้กับท้าวทรงกันดาล (วรรณ อมาตยกุล) ผู้บังคับการพระคลังฝ่ายใน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา และเป็น ท่านและน้องสาวได้เรียนวิชาของกุลสตรี คือ การช่างฝีมือ และการขับร้อง จนสามารถร้องเพลงตับมโหรีโบราณได้ดี ได้ร้องเป็นต้นเสียเพราะแม่นเพลง ได้รับการฝึกหัดให้บรรเลงมโหรีเครื่องสี่และมโหรีเครื่องหกตามแบบอยุธยา พร้อมทั้งเรียนวิชาหมอนวดและปรุงน้ำอบไทย เจ้าจอมมารดาเหมได้ถวายตัวเป็นข้าราชการฝ่ายใน และได้เป็นเจ้าจอมเมื่ออายุ 14 ปี ได้ร่วมทำงานมโหรีฝ่ายใน บรรเลงมโหรีเครื่องสี่ ถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวในยามทรงว่างพระราชธุระ ในเวลากลางคืน ท่านได้ถวายตัวอยู่งานพร้อมกับน้องสาว คือเจ้าจอมประคอง และ เจ้าจอมสังวาลย์ และได้เพื่อนเจ้าจอมรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่ง คือ
เจ้าจอมมารดาวาด ร่วมบรรเลงมโหรีเครื่องสี่ ประกอบด้วยวงมโหรีเครื่องสี่ฝ่ายในนี้ ได้ยกเลิกไปเมื่อเจ้าจอมมารดาวาดมีครรภ์ และให้ประสูติพระองค์เจ้า คือ
กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และเจ้าจอมมารดาเหมก็มีพระองค์เจ้าเหมวดี เจ้าจอมมารดาเหมให้ประสูติพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง แต่สิ้นพระชนม์ก่อนครบกำหนดประสูติ ต่อมาจึงประสูติพระราชธิดา คือ พระองค์เจ้าหญิงมัณฑนาภาวดี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามใหม่เป็นพระองค์เจ้าหญิงเหมวดี ประมาณ พ.ศ. 2450-2451 ท่านได้ป่วยเป็นโรค
มะเร็งเต้านม และยินยอมให้แพทย์ฝรั่งผ่าตัด นับเป็นสตรีไทยคนแรกที่สามารถรักษามะเร็งที่เต้านมเป็นผลสำเร็จ [
ต้องการอ้างอิง]เจ้าจอมมารดาเหมถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคเนื้องอกในปาก ณ ตำหนักใน
สวนสุนันทา เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 เวลา 6 นาฬิกา 47 นาที ขณะมีอายุได้ 67 ปี ต่อมาในเวลา 17 นาฬิกา 30 นาที วันเดียวกัน
สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสด็จพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ
[1]