พระราชประวัติ ของ เจ้าชายนิโคลัสแห่งโรมาเนีย

เจ้าชายนิโคลัสทรงประสูติที่ปราสาทเปเรส, เมืองซินายอา, ประเทศโรมาเนีย พระองค์เป็นพระอนุชาของเจ้าชายคาโรล รัชทายาทผู้ซึ่งปฏิเสธการสืบราชสมบัติในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2468 เพื่อจะอภิเษกสมรสกับซิซิ ลามบริโน สามัญชน (ต่อมาได้หย่าขาดกัน) เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีเฟอร์ดินานด์เสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2470 เจ้าชายไมเคิลพระโอรสของเจ้าชายคาโรลพระชนมายุ 5 พรรษาทรงครองราชสมบัติต่อ โดยเจ้าชายนิโคลัสทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์ทรงละทิ้งงานในราชนาวีอังกฤษ ทรงถูกเรียกตัวกลับโรมาเนียเพื่อปฏิบัติราชการร่วมกับพระสังฆราช มิรอน คริสทีและจอร์เกอร์ บุซดูกัน ผู้พิพากษาสูงสุดของประเทศ

สมเด็จพระราชาธิบดีคาโรลที่ 2 แห่งโรมาเนีย พระเชษฐา(ซ้าย)และเจ้าชายนิโคลัส(ขวา)

อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นการที่พระองค์ทรงได้พระยศผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นตำแหน่งแรก เจ้าชายนิโคลัสทรงไม่พอพระทัยที่ต้องสละงานด้านราชนาวีและพระองค์ทรงไม่ถนัดด้านการปกครอง พระองค์ทรงดำเนินการตามแบบของพระบิดาซึ่งทำงานร่วมกับพรรคเสรีนิยมชาติโรมาเนีย (PNL) และจำกัดพรรคฝ่ายค้านคือพรรคเกษตรกรชาติโรมาเนีย (PNŢ) พระองค์ประสงค์ตั้งคณะการปกครองชาติซึ่งตอนนั้นผู้นำรัฐบาลคือเอียน ไอ.ซี.บราเทียนูจากพรรคPNLปฏิเสธ เขาได้ร่วมเป็นพยานในการเปลี่ยนท่าทีของเจ้าชายคาโรลในกลางปีพ.ศ. 2470 เมื่อการโต้ตอบกันไปในทางรุนแรงขึ้นจนถึงการให้ยอมในราชบัลลังก์ การร่วมมือระหว่างเจ้าชายคาโรลกับพรรค PNŢ ได้ประกาศเป็นกลางโดยพรรค PNL แต่เมื่อบราเทียนูถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 2470 เริ่มมีการฟื้นฟูสัญญาและการเพิ่มขึ้นของพรรค PNŢ ทำให้เห็นว่าเหล่าผู้สำเร็จราชการมีอำนาจแต่เพียงในนามเท่านั้น และหลังจากคอนสแตนติน ซาราเทียนู (ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากลูลิว มานิว หัวหน้าพรรค PNŢ) ดำรงตำแหน่งต่อจากบุซดูกันซึ่งถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 2472 มันกลายเป็นรอยแตกร้าวจากความแตกต่างในอำนาจทางการเมือง มิรอน คริสทีได้กล่าวว่า:"เหล่าผู้สำเร็จราชการทำงานไม่ได้เพราะไม่มีผู้นำ เจ้าชายทรงสูบบุหรี่ ซาราเทียนูมองไปท่ามกลางกองหนังสือของเขาและฉันเป็นบาทหลวงเพียงทำไห้ปรองดองกัน"

เจ้าชายนิโคลัสแห่งโรมาเนียกับพระมารดา สมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนีย

เจ้าชายนิโคลัสทรงปิติยินดีครั้งแรกเมื่อพระเชษฐาเจ้าชายคาโรลเสด็จกลับโรมาเนียในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2473 เพื่อครองราชสมบัติ พระองค์ทรงได้รับการต้อนรับจากการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติล้มเลิกกฎหมายปี พ.ศ. 2469 และได้ติดตามพระเชษฐาที่เพิ่งเสด็จกลับมาใหม่ๆ จากสนามบินนานาชาติเออร์เรล วไลคูจนถึงพระราชวังโคโทรเซนิ

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ที่เป็นกันเองของพระองค์กับพระเชษฐาคาโรลเป็นเพียงสายสั้นๆ เท่านั้น เจ้าชายนิโคลัสทรงต้องการอภิเษกสมรสกับโจแอนนา ดูมิทเทสคู-โดเลทติ สตรีที่ผ่านการสมรสมาแล้ว เป็นการลำบากที่กษัตริย์ต้องให้อำนาจในการอภิเษกสมรส พระเจ้าคาโรลได้แนะนำว่าคู่สมรสควรสมรสโดยปราศจากการหาคำยอมรับ พระองค์ได้ประกาศเหตุการณ์นี้จะยอมรับว่าการสมรสครั้งนี้ สิ่งที่ทำสำเร็จไปแล้ว หลังจากการสมรสพระเจ้าคาโรลได้ขับเจ้าชายนิโคลัสออกจากประเทศพร้อมกับถอนพระยศเพื่อจะได้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เจ้าชายนิโคลัสจึงเสด็จไปพำนักที่สเปนและท้ายสุดตั้งรกรากที่สวิตเซอร์แลนด์ พระองค์สิ้นพระชนม์วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ที่มาดริด ประเทศสเปน พระชนมายุ 74 พรรษา

โจแอนนา ดูมิทเทสคู-โดเลทติหรือเจ้าหญิงโจแอนนาแห่งโฮเฮนโซเลน พระมเหสี

เจ้าชายนิโคลัสทรงอภิเษกสมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกที่โตฮานิ โรมาเนีย ในวันที่ 28 ตุลาคม/7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 กับโจแอนนา ดูมิทเทสคู-โดเลทติ และครั้งที่ 2 ที่โลซานกับชาวบราซิลชื่อ เทเรซา ลิสโบอา ฟิกกูเอรา เดอ เมโล พระองค์ทรงไม่มีบุตรและธิดา

ใกล้เคียง

เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เจ้าชายอับดุล มาตีนแห่งบรูไน เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ เจ้าชายจอร์จแห่งเวลส์ เจ้าชายคริสเตียน มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก เจ้าชายฮุซัยน์ มกุฎราชกุมารแห่งจอร์แดน เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ เจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ เจ้าชายอับดุล อาซิมแห่งบรูไน