มกุฎราชกุมารชังฮ็อน (
เกาหลี: 장헌세자,
ฮันจา: 莊獻世子,
MC: Jangheonseja,
MR: Changhǒnseja) หรือ
มกุฎราชกุมารซาโด (
เกาหลี: 사도세자,
ฮันจา: 思悼世子,
MC: Sadoseja,
MR: Sadoseja ค.ศ. 1735 - ค.ศ. 1762) เป็นพระโอรสองค์ที่สองของ
พระเจ้ายองโจ กับสนมยองบิน ตระกูลอี แห่งจอนอึย ในสมัย
พระเจ้าโคจงมีการแต่งตั้งองค์ชายซาโดให้มีฐานะเป็นกษัตริย์ พระนามว่า
พระเจ้าจางโจ (장조, 莊祖) และต่อมาได้รับสถาปนาเป็น
พระจักรพรรดิอึย (의황제, 懿皇帝)เนื่องจากมกุฎราชกุมารองค์ก่อน คือ มกุฎราชกุมารฮโยจาง สวรรคตไปใน
พ.ศ. 2271 ราชวงศ์โชซอนอยู่ในภาวะไร้ผู้สืบทอด บรรดาสนมของพระเจ้ายองโจก็ยังไม่มีพระโอรสเลย ดังนั้น เมื่อองค์ชายชังฮ็อนประสูติใน
พ.ศ. 2278 ที่
พระราชวังชางเกียงกุง จึงได้รับแต่งตั้งเป็นวังเซจา (มกุฎราชกุมาร) ทันที องค์ชายชังฮ็อนทรงเรียนรู้ได้เร็ว ทรงย้ายไปที่ทงกุง (ตำหนักตะวันออก) อันเป็นที่อยู่เดิมของมเหสีซอนอีของ
พระเจ้าคยองจง เนื่องจากองค์ชายชังฮ็อนเป็นพระโอรสองค์เดียวในขณะนั้นของพระเจ้ายองโจ พระเจ้ายองโจจึงทรงเข้มงวดกับการศึกษาขององค์ชายชังฮ็อนอย่างมาก ในพ.ศ. 2287 องค์ชายชังฮ็อนอภิเษกกับพระชายาจากตระกูลฮง (
พระชายาฮเยคยอง) ธิดาของฮงพงฮันปกติพระเจ้ายองโจและสนมอียองบินจะไปหาองค์ชายชังฮ็อนบ่อยๆ แต่นางในที่รับใช้องค์ชายอยู่ที่ทงกุงนั้นเป็นคนรับใช้เก่าของมเหสีซอนอีและพระเจ้าคย็องจง จึงตั้งแง่รังเกียจพระเจ้ายองโจเพราะทรงยึดบัลลังก์มาจากพระเจ้าคย็องจง พระเจ้ายองโจจึงเลิกเสด็จไปหาองค์ชายชังฮ็อน ความสัมพันธ์พ่อลูกจึงเหินห่าง องค์ชายชังฮ็อนจึงกลายเป็นองค์ชายที่ขาดการใส่ใจ มีเพียงองค์หญิงฮวาพยองที่เป็นพระเชษฐภคินีเท่านั้น ที่ยังพูดคุยกับองค์ชายชังฮ็อนอยู่จนใน
พ.ศ. 2291 องค์หญิงฮวาพยองพระเชษฐภคินีของพระองค์สิ้นพระชนม์ องค์ชายชังฮ็อนเสียพระทัยมาก ทรงเริ่มแสดงอาการผิดปกติทางจิต ประกอบกับองค์ชายชังฮ็อนประชวรบ่อย ในพ.ศ. 2295 ประชวรเป็นโรคหัด องค์ชายชังฮ็อนมีพระโอรสพระองค์แรกใน
พ.ศ. 2293 คือ มกุฎราชกุมารอึยโซ แต่มีพระชนม์ชีพอยู่สองปีก็สิ้นพระชนม์ ในพ.ศ. 2295 พระโอรสประสูติอีกองค์ ได้รับแต่งตั้งเป็นวังเซซุน (พระนัดดามกุฎราชกุมาร) ทันที (ภายหลังครองราชย์เป็น
พระเจ้าจองโจ) ในพ.ศ. 2300 พระมเหสีอินวอนพระอัยยิกาเลี้ยงและมเหสีจองซองพระมารดาเลี้ยงสิ้นพระชนม์ องค์ชายชังฮ็อนมีอาการทางพระสติหนักขึ้น
[1] ทรงสังหารขันทีซังกุงต่างๆคนรับใช้ตลอดจนหมอหลวง ทำให้ทรงเป็นที่หวาดกลัวไปทั่ววัง และยังทรงคบค้ากับนางทรงที่ชานเมืองฮันยาง
[2] พระเจ้ายองโจก็ทรงทราบเรื่องพระอาการของพระโอรสดีแต่ทรงไม่กล้าทำอะไรเพราะเป็นพระโอรส ในพ.ศ. 2304 ทรงทุบตีพระชายาน้อยพระองค์หนึ่งจนเสียชีวิต และทรงตามรังควานพระขนิษฐาคือองค์หญิงฮวาวาน
[3]ในพ.ศ. 2305 ขุนนางฝ่ายโนนนถายฎีกาให้พระเจ้ายองโจลงพระอาญาพระโอรส องค์ชายชังฮ็อนจขึงจับเอาญาติของขุนนางเหล่านั้นมาทรมานจนเสียชีวิต และขู่จะสังหารบุตรชายของอัครเสนาบดีชินมัน คือ องค์ชายยองซอง ทรงถึงขนาดจะปีนกำแพงวังไปสังหารองค์ชายยองซอง พระมารดาสนมอียองบินทนไม่ไหว ขอให้พระเจ้ายองโจทรงพระอาญาองค์ชายชังฮ็อน พระเจ้ายองโจจึงมีพระราชโองการปลดองค์ชายชังฮ็อนและพระชายาฮเยคยอง และบังคับให้องค์ชายชังฮ็อนเข้าไปอยู๋ในกล่องข้าว หลังจากอยู่ในกล่องเจ็ดวัน องค์ชายชังฮ็อนก็สวรรคตภายหลังพระเจ้ายองโจทรงรู้สึกเสียพระทัยที่ทรงลงพระอาญากับพระโอรส จึงแต่งตั้งองค์ชายชังฮ็อนขึ้นใหม่เป็นมกุฎราชกุมารซาโด พระโอรสขององค์ชายซาโด คือ พระเจ้าจองโจ ทรงพยายามอย่างมากที่จะล้างมลทินให้พระราชบิดา ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า มกุฎราชกุมารซาโดประชวรจริงหรือเป็นการใส่ร้ายของขุนนางฝ่ายโนนน แต่
บันทึกของพระนางฮเยคยองกล่าวว่ามกุฎราชกุมารซาโดทรงมีอาการทางพระสติจริงๆ ในช่วงสมัยพระเจ้าจองโจ พระองค์ได้ย้ายพระศพของพระบิดาไปยัง
ป้อมฮวาซอง