พระราชประวัติ ของ เจ้าปางคำ

เมื่อปี พ.ศ. 2228 เจ้าปางคำเป็นเชื้อพระวงศ์เชียงรุ่งแสนหวีฟ้า ได้อพยพหนีภัยรุกรานของพวกจีนฮ่อบุกเข้ายึดนครเชียงรุ่ง ลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้าง โดยมีเจ้านายนครเชียงรุ่งที่อพยพลงมาพร้อมกันคือ เจ้าอินทกุมาร และเจ้าจันทกุมารี ซึ่งเป็นพระราชมารดาเจ้ากิ่งกิสราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง (พ.ศ. 2246-2265) และเจ้าอินทโฉม กษัตริย์อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง พระองค์ที่ 2 (พ.ศ. 2266-2292)

ต่อมาพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ทรงโปรดให้เจ้าปางคำเสกสมรสกับพระราชนัดดาในพระองค์ และมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ

  1. เจ้าพระตา
  2. เจ้าพระวอ

เมื่อพระราชโอรสทั้งสองพระองค์เจริญชนม์ เจ้าปางคำทรงโปรดให้เข้ารับราชการสนองพระคุณพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ผู้เป็นพระปัยกา (คุณตาทวด) ที่พระราชสำนักนครเวียงจันทน์

ในปี พ.ศ.เดียวกันนั้นเอง พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าปางคำทรงนำกำลังไพร่พลครัวนครเชียงรุ่งแสนหวีฟ้าที่ติดตามมาไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองหนองบัวลุ่มภู ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงนำไพร่พลหลวงพระบางและเวียงจันทน์มาก่อสร้างขึ้นครั้ง พ.ศ. 2106 ให้เมืองหน้าด่านของกรุงศรีสัตตนาคนหุต (เวียงจันทน์) เมื่อเจ้าปางคำได้มาถึงเมืองหนองบัวลุ่มภู ทรงเลือกหน้าทำเลที่ตั้งบ้านเมืองใหม่ บริเวณริมหนองบัวอันมีปราการทางธรรมชาติคือ เทือกเขาภูพานสูงตระหง่าน สามารถป้องกันข้าศึกศัตรู พร้อมก่อสร้างค่ายคูประตูหอรบ กำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียงอย่างแน่นหนา สถาปนาเวียงแห่งใหม่นี้ว่า "เวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ่งเป็นเมืองเอกเทศราชไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใด ทรงให้ตั้งกฏบัญญัติบ้านเมืองหนองบัวลุ่มภู มีลำพระเนียงเป็นแม่น้ำสายหลักไหลหล่อเลี้ยงชาวเมือง มีพญาช้างเผือกคู่เวียง และมีเมืองหน้าด่านของนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ได้แก่ เมืองนาด้วง เมืองภูเวียง เมืองผ้าขาว เมืองพันนา[1]

ปี พ.ศ. 2281 พระเจ้าสุวรรณปางคำได้เสด็จคล้องช้าง พร้อมไพร่พลหนองบัวลุ่มภูยกลงมาตามริมแม่น้ำโขงจนล่วงเข้าเขตนครกาลจำบากนาคบุรีศรี (อาณาจักรล้านช้างจำปาสัก) พระเจ้าสุวรรณปางคำจึงได้เจ้านางเภาเป็นพระมเหสี แล้วยกไพร่พลกลับไปหนองบัวลุ่มภู ต่อมาเจ้านางเภาได้ประสูติพระราชธิดา พระนามว่า "เจ้านางแพง" หนองบัวลุ่มภูกับนครจำปาศักดิ์จึงมีความสัมพันธ์กันนับตั้งแต่นั้นมา

เมื่อเจ้าปางคำนำครัวชาวเชียงรุ่งมาอยู่ที่หนองบัวลุ่มภูแล้ว ก็ให้มีการนำขนบธรรมเนียม และประเพณีของไทลื้อเมืองเชียงรุ่งมาใช้ด้วย เช่น ธรรมเนียมการเผาศพเจ้านายบนเมรุนกหัสดีลิงค์ และธรรมเนียมประเพณีดังกล่าวนั้น ภายหลังเมื่อชาวหนองบัวลุ่มภูได้ย้ายลงไปตั้งเมืองใหม่ที่อุบลราชธานีและยโสธรก็ยังคงไว้ซึ่งธรรมเนียมของเมืองเชียงรุ่งนี้ไว้ด้วย [2]