ประวัติ ของ เจ้าพระยามหาโยธา_(เจ่ง_คชเสนี)

เจ้าพระยามหาโยธา หรือนามเดิมว่า“เจ่ง” เคยรับราชการอยู่กับพม่า บางคนเรียก “พญาเจ่ง" หรือ "พระยาเจ่ง” (มอญ: ဗညာစိင်) พม่าได้ให้พระยาเจ่งเป็นผู้รักษาเมืองเชียงราย และได้มีภรรยาเป็นเจ้าหญิงเชียงรายนามว่า เจ้าหญิงสมนา ต่อมามีบุตรสายสกุลเหนือใช้สกุล “ณ ลำปาง” พระยาเจ่งเคยคุมกองทัพมอญสมทบกับทัพพม่าเข้ามาตีเมืองหลวงพระบางใน พ.ศ. 2315 หลังจากนั้นได้ยกความดีชอบตั้งเป็นเจ้าเมืองเตริ่น (อังกฤษเรียกว่า เมืองอัตรัน) หัวเมืองตอนใต้ของพม่า ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเมาะตะมะกับแดนไทยทางด่านพระเจดีย์สามองค์

หลังจากนั้นในสมัยพระเจ้ามังระซึ่งเตรียมจะยกทัพมาที่กรุงธนบุรี พม่าได้เกณฑ์ให้ชาวมอญมาทำทางและยังเกณฑ์ชาวมอญเข้ากองทัพอีกพวกหนึ่ง บางคนก็หลบหนีแต่พม่าก็จับครอบครัวที่หลบหนีเป็นตัวจำนำหรือจับลูกหลานเกณฑ์มาทำทาง ทำให้ชาวมอญโกรธแค้นและพร้อมใจกันเป็นกบฏ โดยมีพระยาเจ่งเป็นหัวหน้ารวบรวมกำลังเข้าตีเมืองเมาะตะมะและเมืองมอญอื่นๆ แต่ไม่สำเร็จ จึงอพยพมายังประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2318 โดยมีหัวหน้าที่อพยพมา 4 คนคือ พระยาเจ่ง พระยาอู่ ตละเกลี้ยง ตละเกล็บ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้รับไว้ พระราชทานที่ให้ตั้งบ้านเรือนในเขตเมืองนนทบุรีตั้งแต่ปากเกร็ดไปจนถึงสามโคก พระยาเจ่งและทหารมอญของท่านได้มีบทบาทร่วมกับกองทัพไทยในการทำสงครามแทบทุกครั้ง นอกจากนั้นยังสันนิษฐานว่าพระยาเจ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาเกียรติคู่กับตละเกล็บที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราม

ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระยาเจ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพระยามหาโยธา บังคับบัญชากองทัพมอญทั้งปวงโดยเสด็จในการสงครามติดต่อมาทุกครั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2330 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยามหาโยธานราธิบดีศรีพิชัยณรงค์ จากความดีความชอบเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จไปตีเมืองทวาย เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) มีบทบาทต่อต่อราชการแผ่นดินในด้านทางการศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่าเป็นส่วนใหญ่ พม่าจึงคิดจะแย่งตัวเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ไปจากไทย โดยส่งหนังสือมายังเสนาบดีไทยขู่ให้ส่งตัวเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) คืนให้กับพม่า เพราะถือว่าเป็นคนของพม่า ซึ่งไทยไม่ยอม พม่ายกตีเมืองเชียงใหม่ ฝ่ายไทยโดยกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นจอมพลคุมทัพไทย ตีพม่าแตกพ่ายยับเยินไป

นอกจากรับราชการแล้ว เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ยังเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ท่านสร้างวัดเชิงท่า ที่ตำบลคลองบางตลาด และวัดเกาะพญาเจ่ง ที่ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ดังปรากฏบทกลอน ณ วัดเกาะพญาเจ่งดังนี้


พญาเจ่งคุมกองพันร่วมฟันฝ่า พร้อมเจ้าตาสู้พม่ากลางสมร


พลีเลือดเนื้อกู้เอกราชชาติไทยมอญ แต่การก่อนหลายร้อยปีที่ผูกพัน


ครั้นเสร็จศึกสร้างวัดสลัดบาป แสวงบุญชำราบหทัยสันต์


สร้างวัดเกาะเกิดกุศลผลอนันต์ โชติชีพพลันเรืองรุ่งเกรืองกรุงไกร

เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ยังเป็นผู้สร้างวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง โดยส่งบุตรชายนามว่า พระยาชมภู หรือ เจ้าชมภู เป็นผู้ดำเนินการ[4]

ใกล้เคียง

เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เจ้าพระยาพิษณุโลก (เรือง โรจนกุล) เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)