ประวัติ ของ เฉลียง_(วงดนตรี)

ยุคที่หนึ่ง

เฉลียงเกิดจากการรวมกันของกลุ่มนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย จิก - ประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ และเจี๊ยบ - วัชระ ปานเอี่ยม ทำเพลงตัวอย่างให้ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค นำไปร้อง ก่อนจะนำไปขอให้เต๋อ - เรวัต พุทธินันทน์ อำนวยการผลิตให้

หลังจากเต๋อได้ฟังแล้วพบว่าดี้ร้องเสียงเพี้ยนต่ำไม่เหมาะกับการเป็นนักร้องนำ จึงเสนอให้เล็ก - สมชาย ศักดิกุล ที่ขณะนั้นเป็นนักดนตรีอาชีพอยู่มาเป็นนักร้องคู่กับเจี๊ยบในผลงานชุดแรก ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มีชื่อชุด แต่เนื่องจากหน้าปกที่ออกแบบโดยจิกมีรูปฝน จึงถูกเรียกว่าชุด ปรากฏการณ์ฝน ตามชื่อเพลงเพลงหนึ่งในชุดนั้น แต่หลังจากผลงานชุดแรกออกมาไม่ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และเสียงตอบรับ มียอดขายไม่เกิน 4,000 - 5,000 ม้วน [2] เฉลียงจึงไม่ได้ออกผลงานอีกเป็นระยะเวลา 4 ปี

ยุคที่สอง

ในปี พ.ศ. 2529 จิกมีผลงานเพลงอยู่ชุดหนึ่งที่เคยมีความคิดให้เกี๊ยง - เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ รุ่นน้องร่วมคณะที่เคยร่วมร้องเพลงประกอบโฆษณาที่จิกแต่ง ออกผลงานเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เนื่องจากอุปสรรคด้านผู้สนับสนุน จึงทำให้โครงการไม่เกิดขึ้น จนกระทั่ง จุ้ย - ศุ บุญเลี้ยง หนึ่งในเจ้าของอัลบั้ม ปรากฏการณ์ฝน และมีความประทับใจในเพลงเที่ยวละไม จึงติดต่อกับจิกเพื่อนำผลงานเพลงของตัวเองไปให้พิจารณา และไปชนกับผลงานเพลงเดี่ยวที่ถูกพับไว้ของเกี๊ยง จึงเกิดความคิดที่จะรวมตัวเป็นศิลปินคู่ในชื่อ ไปยาลใหญ่ แต่จิกยังไม่พอใจในผลงานบางเพลง จึงเสนอให้เจี๊ยบและดี้กลับมารวมวงอีกครั้งเป็นวงเฉลียงในยุคที่สองหรือยุคคลาสสิก แต่เนื่องจากในหลายบทเพลงมีเสียงของแซกโซโฟน จึงได้ชักชวนให้แต๋ง - ภูษิต ไล้ทอง นักดนตรีเครื่องเป่าที่เคยร่วมงานกันเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตมาร่วมเป็นสมาชิกวงอีกคน ก่อนจะออกผลงานชุดแรกในยุคที่สองกับค่ายครีเอเทียคือ อื่นๆ อีกมากมาย อำนวยการดนตรีโดย ทรงวุฒิ จรูญเรืองฤทธิ์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักฟังเพลงมีการออกแสดงคอนเสิร์ตและมิวสิกวีดีโอ

ต้นปี พ.ศ. 2530 เฉลียงออกผลงานเพลงชุดที่สามกับค่ายคีตาแผ่นเสียงและเทป (ต่อมาคือคีตา เรคคอร์ดสและคีตา เอนเตอร์เทนเมนท์) ในชุด เอกเขนก มีเพลง เร่ขายฝัน ที่ถูกทำเป็นมิวสิกวีดีโอยาว 9 นาที และได้รับรางวัลมิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้กำกับศิลป์กรุงเทพฯ (B.A.D. Awards) ประจำปี พ.ศ. 2530 นอกจากผลงานบทเพลงแล้ว ชื่อเสียงของเฉลียงทำให้ได้เล่นโฆษณาของน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ซึ่งเพลงประกอบโฆษณาที่ดัดแปลงมาจากเพลง รู้สึกสบายดี ก็ได้รับรางวัลจากสมาคมผู้กำกับศิลป์กรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน [3]

ปลายปี พ.ศ. 2530 เฉลียงออกผลงานเพลงชุดที่สี่คือ เฉลียงหลังบ้าน ที่ผลงานเพลงส่วนใหญ่เป็นบทเพลงประกอบละครเรื่องต่างๆ ที่จิกเป็นผู้แต่ง และได้จัดแสดงคอนเสิร์ต หัวบันไดไม่แห้ง ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เป็นการปิดอัลบั้ม เฉลียงหลังบ้าน

ยุคที่สาม

หลังจากคอนเสิร์ต หัวบันไดไม่แห้ง ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตปิดอัลบั้ม เฉลียงหลังบ้าน แล้ว จุ้ยที่งานส่วนตัวเริ่มรัดตัวและดี้ที่ต้องกลับไปเป็นนักแต่งเพลงให้กับ แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ตัดสินใจขอยุติบทบาทกับวง จิกจึงชักชวนให้นก - ฉัตรชัย ดุริยประณีต นักแต่งเพลงที่เคยส่งเพลงมาให้เขาพิจารณาเข้ามาเพิ่มเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งในเฉลียงยุคที่สาม ที่มีสมาชิก 4 คน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 และมีผลงานชุดแรกในยุคที่สามคือ แบ-กบาล มิวสิกวีดีโอที่มีชื่อเสียงของชุดนี้คือ ใจเย็นน้องชาย ที่ได้รับรางวัลชมเชยประเภทมิวสิกวีดีโอดีเด่นของคณะกรรมการโทรทัศน์ทองคำ[4] เฉลียงมี คอนเสิร์ตปิดท้ายทอย ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2532

และผลงานชุดสุดท้ายของเฉลียงซึ่งออกในปี พ.ศ. 2534 คือ ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า มีเนื้อหาหลักเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของแนวเพลงจากสวิงแจ๊สมาเป็นโฟล์กร็อก ทำให้เฉลียงได้รับรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ถึง 2 รางวัล คือรางวัลเพลงยอดเยี่ยมในเพลง โลกาโคม่า และรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม แต่เนื่องจากภาระและหน้าที่การงานส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนทำให้การทำการตลาดและการออกแสดงคอนเสิร์ตเป็นไปได้ยาก เฉลียงจึงประกาศยุบวงในที่สุด โดยมีเพลงสุดท้ายของเฉลียงอยู่ในอัลบั้มตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า คือ ฝากเอาไว้[5]