เฉียด...ชะตาสยอง (อังกฤษ: Unbreakable) เป็นภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ซูเปอร์ฮีโรจากประเทศสหรัฐอเมริกา ออกฉายเมื่อ ค.ศ. 2000 เป็นผลงานการเขียนบท, กำกับ, และอำนวยการสร้าง ของ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน นำแสดงโดย บรูซ วิลลิส และ แซมูเอล แอล. แจ็กสัน ร่วมกับ Robin Wright และ Spencer Treat Clark เป็นภาพยนตร์ลำดับแรกสุดในภาพยนตร์ชุด Unbreakable ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องของ รปภ ชื่อว่า David Dunn ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์รถไฟตกรางครั้งใหญ่อย่างเป็นปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษ ด้วยความช่วยเหลือของ Eliajh Price เจ้าของแกลเลอรี่ศิลปะจากหนังสือการ์ตูนซึ่งมีร่างกายพิการ ซึ่งระหว่างนั้น Dunn ก็ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว การมีพลังพิเศษ และการครอบงำจาก Priceชยามาลานทำโครงสร้างการเล่าเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เหมือนกันกับโครงสร้างของการเล่าเรื่องแบบสามองก์ซึ่งใช้กันทั่วไปในวงการหนังสือการ์ตูน หลังจากแต่งเรื่องราวต้นกำเนิดได้แล้วชยามาลานก็ได้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นตั้งแต่ก่อนนำเสนอนายทุน โดยจินตนาการถึง Bruce Willis และ Samuel L. Jackson รับบทตัวละครไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม การถ่ายทำมีขึ้นตั้งแต่ เมษายน จนถึง กรกฎาคม ค.ศ. 2000เฉียด...ชะตาสยองออกฉายครั้งแรกเมื่อ 22 กันยายน ค.ศ. 2000 และได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์[1] โดยส่วนใหญ่ชื่นชมในด้านความสวยงามของภาพ การแสดง และดนตรีประกอบซึ่งประพันธ์โดย James Newton Howard ในเวลาต่อมาเริ่มมีการรวมตัวของกลุ่มผู้ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้[2] หลายคนถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการแหกขนบของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่[3] เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของชยามาลาน และบ้างก็ว่าเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง นิตยสาร Time ได้จัดลำดับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้อยู่ในอันดับที่ 4 จากรายการสิบอันดับของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ยอดเยี่ยมตลอดกาล (บทความตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 2011)[4]"ภาคต่อ" ของเรื่องนี้คือ สปลิท จิตหลุดโลก ออกฉายเมื่อ ค.ศ. 2017 เป็นเรื่องราวของตัวละครที่มีพลังพิเศษคนใหม่ และมี Bruce Willis มารับบทเป็น David Dunn ซึ่งมีบทบาทเล็กน้อยในเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์ ชยามาลานจึงเริ่มงานสร้างภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ทันที โดยได้ชื่อว่า Glass และมีกำหนดออกฉาย 18 มกราคม ค.ศ. 2019[5] กลายเป็นภาพยนตร์ไตรภาคที่มีคนตั้งชื่อให้ว่า "ไตรภาครถไฟสายตะวันออก 177" (รถไฟที่ David Dunn นั่งมาแล้วเกิดตกราง)[6][7][8][9][10][11]