ประวัติ ของ เชมัส

ผู้ชนะคิงออฟเดอะริง (2010)

ก่อนที่จะมา WWE เขาเคยปล้ำสมาคม Irish Whip Wrestling[11] เป็นแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนลเฮฟวี่เวท[17][6] และระหว่างที่ปล้ำในฟลอริดาแชมเปียนชิปเรสต์ลิง(FCW) ซึ่งเป็นค่ายพัฒนาทักษะมวยปล้ำของ WWE เขาเคยได้แชมป์ฟลอริดาเฮฟวี่เวท FCWมาครั้งนึงด้วย[9] เชมัสเปิดตัวครั้งแรกในECW[5] และยังสามารถปราบพวกนักมวยปล้ำตัวเก่ง ๆ ได้อีกหลายคน เชมัสได้ย้ายมาอยู่รอว์และเอาชนะเจมี โนเบิลไปได้อย่างง่ายดาย[18] หลังแมตช์ได้เล่นงานโนเบิลจนบาดเจ็บหนัก[19] ในทีแอลซี (2009)เชมัสได้เป็นชาวไอริสคนแรกที่คว้าแชมป์ WWEโดยชนะจอห์น ซีนาในรูปแบบจับฟาดใส่โต๊ะ หลังจากที่เปิดตัวใน WWE ได้เพียงครึ่งปี[20][21] เชมัสยังได้รางวัลสแลมมีอะวอร์ด Breakout Superstar of the Year[22] ในรอยัลรัมเบิล (2010)ต้องป้องกันแชมป์กับแรนดี ออร์ตัน ผลปรากฏว่าโคดี โรดส์ออกมาทำร้ายเชมัส ทำให้ชนะฟาล์วไม่เสียแชมป์[23] เชมัสเสียแชมป์ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2010)โดยจอห์น ซีนาได้แชมป์คืน[24] เชมัสได้เปิดศึกกับทริปเปิลเอชท้าเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26โดยเชมัสเป็นฝ่ายแพ้ไปแบบหมดรูป[25][26] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2010)เอาชนะทริปเปิลเอชไปได้ หลังแมตช์ได้ทำร้ายทริปเปิลเอชจนบาดเจ็บ[27] ในเฟทัลโฟร์เวย์ (2010)ได้คว้าแชมป์ WWE สมัยที่2[28][29] ก่อนเสียแชมป์ให้ออร์ตันในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010)[30] ในเดือนพฤศจิกายน เชมัสได้เป็นผู้ชนะคิงออฟเดอะริง (2010)[31] ในรอว์ 14 มีนาคม 2011 ได้คว้าแชมป์ยูเอสสมัยแรกจากแดเนียล ไบรอัน[32] ก่อนที่จะเสียแชมป์ให้โคฟี คิงส์ตันในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011)แบบจับฟาดใส่โต๊ะ[33][34] ต่อมาเชมัสได้เป็นฝ่ายธรรมะและเปิดศึกกับคริสเตียนเจอกันในเฮลอินเอเซล (2011)โดยเชมัสชนะ[35] ก่อนจะรีแมตช์ในเวนเจินส์ (2011)และเชมัสชนะไปได้ 2 ครั้งติดต่อกัน[36]

ชนะแดเนียล ไบรอันคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28 เพียง 18 วินาที

เชมัสได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิล (2012)โดยออกมาลำดับที่ 22 ได้สิทธิ์เป็นคู่เอกชิงแชมป์โลกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28[37] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2012)ได้ออกมาอัดแดเนียล ไบรอัน ที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท และเลือกที่จะชิงกับไบรอันในเรสเซิลเมเนีย 28 และเชมัสก็สามารถคว้าแชมป์ได้ในเวลาเพียง18วินาที[38] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2012)สามารถป้องกันแชมป์จากไบรอันได้ในแมตช์ชนะ 2 ใน 3 ยก[39] ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2012)เชมัสต้องป้องกันแชมป์กับอัลเบร์โต เดล รีโอ, คริส เจริโค และแรนดี ออร์ตัน แต่เชมัสก็ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[40] ในสแมคดาวน์ 25 พฤษภาคม เดล รีโอได้เอาชนะออร์ตัน และเคน ทำให้ได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ1 ในการชิงแชมป์กับเชมัสในโนเวย์เอาท์ (2012) หลังแมตช์เดล รีโอกำลังเดินกลับก็โดนเชมัสลอบทำร้ายจากด้านหลัง แล้วถากถางเดล รีโอก่อนจะเดินจากไป ก่อนถึงโนเวย์เอาท์ เดล รีโอได้รับบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถร่วมปล้ำได้ และเป็นดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ปล้ำแทน สุดท้ายเชมัสก็สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[41] หลังจากนั้นเชมัสก็สามารถเอาชนะเดล รีโอ และป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ถึง 3 ศึกใหญ่ติดต่อกัน[42][43][44][45] เชมัสได้เสียแชมป์บิ๊กโชว์ในเฮลอินเอเซล (2012)[46] และเชมัสก็ได้ขอชิงคืนทั้งเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2012) และทีแอลซี (2012) แต่ก็ไม่สำเร็จ[47][48]

ในรอว์ 4 กุมภาพันธ์ 2013 ซีนา, ไรแบ็ก และเชมัสออกมาล้อมเดอะชีลด์เอาไว้ ทำให้เดอะชีลด์วิ่งหนีไปทางหลังเวทีแต่ออร์ตันนำทัพนักมวยปล้ำออกมาขวางเอาไว้ เดอะชีลด์เลยโดนทีมซีนาอัดจนน่วม ก่อนที่จะหนีไปทางอัฒจรรย์[49] ในรอว์ 11 กุมภาพันธ์ จับคู่กับซีนาและไรแบ็กเอาชนะทรีเอ็มบีไปได้ หลังแมตช์ทั้งสามเอาไมค์มาพูดว่าจะกำจัดเดอะชีลด์ให้ได้ คืนเดียวกันเดอะชีลด์ออกมาท้าทายว่าถ้าอยากมีเรื่องก็ออกมาเจอกันเดี๋ยวนี้ได้เลย ปรากฏว่าไฟในสนามดับ แล้วกลุ่มของซีนาก็ออกมาไล่อัดเดอะชีลด์จนหนีกระเจิง ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013)ก็แพ้ให้เดอะชีลด์[50] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 จับคู่กับออร์ตันและบิ๊กโชว์แพ้เดอะชีลด์ หลังแมตช์บิ๊กโชว์ปล่อยหมัดใส่เชมัสกับออร์ตัน[51] ในรอว์คืนต่อมาได้เจอกับออร์ตันโดยผู้ชนะไปเจอกับบิ๊กโชว์ ระหว่างแมตช์บิ๊กโชว์มาป่วนทำให้ไม่มีผลการตัดสิน[52] ในสแมคดาวน์ 12 เมษายน เชมัสกับออร์ตันชนะบิ๊กโชว์ไปแบบเคาท์เอาท์[53] ในรอว์ 15 เมษายน เชมัสกับออร์ตันเอาชนะบิ๊กโชว์ไปได้[54] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013)ชนะมาร์ก เฮนรีในสแตรปแมตช์[55] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)ได้เข้าร่วมชิงกระเป๋าสัญญาชิงแชมป์ WWE แต่ไม่ชนะ[56] โดยในแมตช์นี้เชมัสได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ และอาจจะต้องพักยาวถึง 4-6 เดือน เชมัสบอกว่าเขาต้องทำกายภาพบำบัดรักษาไหล่ของเขาด้วยการยกน้ำหนัก ผลการทำ MRI สแกนปรากฏว่าหมอนรองกระดูกไหล่เกิดการฉีกขาด และจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อาการบาดเจ็บนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่ถูกอัดตกจากเวทีไปกระแทกบันไดที่วางไว้ด้านล่าง[57][58]

เชมัสได้กลับมาโดยเข้าร่วมรอยัลรัมเบิล (2014)เป็นลำดับที่ 17 แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะ[59][60] ในรอว์คืนต่อมาจับคู่กับจอห์น ซีนาและแดเนียล ไบรอันเจอกับเดอะชีลด์โดยทีมที่ชนะได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWEในแมตช์อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014) แต่จบลงโดยไม่มีผลการตัดสิน เพราะเดอะไวแอ็ตต์แฟมิลีมาก่อกวน หลังแมตช์ทีมเชมัสช่วยกันไล่อัดพวกไวแอ็ตต์จนต้องหนีไป แล้วโฆษกก็ประกาศว่าทีมของเชมัสชนะฟาวล์ได้สิทธิ์เข้าร่วมอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ แต่ก็ไม่ได้แชมป์[61] ในรอว์ 5 พฤษภาคม เชมัสได้คว้าแชมป์ยูเอส เป็นสมัยที่2 ในแบทเทิลรอยัล 20คน โดยจับเหวี่ยงดีน แอมโบรสออกเป็นคนสุดท้าย ในรอว์ 16 มิถุนายน เชมัสได้เอาชนะแบด นิวส์ บาร์เร็ตต์ได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงแชมป์โลกในมันนีอินเดอะแบงก์ (2014) สุดท้ายจอห์น ซีนาเป็นฝ่ายชนะไปได้[62] ในแบทเทิลกราวด์ (2014)ได้เข้าร่วมแบทเทิลรอยัลชิงแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลแต่ไม่สำเร็จ[63] ในรอว์ 3 พฤศจิกายน เสียแชมป์ยูเอสให้รูเซฟ ช่วงหลังจบรายการที่ฉายผ่านทาง WWE Network[64] ก่อนจะได้รับบาดเจ็บและพักการปล้ำอีกครั้ง[65][66] ในรอว์ 30 มีนาคม 2015 เชมัสได้กลับมาในลุกใหม่โดยถักเคราและไว้ผมทรงโมฮอว์ก ออกมาเล่นงานแดเนียล ไบรอันและดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ กลายเป็นอธรรมอีกครั้ง[67][68] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)ได้แพ้ให้ซิกก์เลอร์ในแมตช์ผู้แพ้ต้องจูบก้น หลังแมตช์เชมัสพยายามจะหนี แต่กรรมการไปพาตัวกลับมาจูบก้นซิกก์เลอร์ตามกติกา แต่เชมัสล้วงเป้าซิกก์เลอร์แล้วโดดถีบซ้ำ ก่อนจะลากซิกก์เลอร์มาจูบก้นเขาแทน[69][70] ก่อนรีแมตช์เอาชนะไปได้ในเพย์แบ็ก (2015)[71] เชมัสได้ร่วมปล้ำอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2015)ชิงแชมป์อินเตอร์ที่ว่างอยู่ แต่ไม่สำเร็จ[72]

เชมัสได้คว้ากระเป๋าสิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์ (2015)ชิงแชมป์โลกเมื่อไรก็ได้[73] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2015)เชมัสโบรกคิกใส่โรแมน เรนส์ แล้วใช้สิทธิ์กระเป๋าคว้าแชมป์โลกสมัยที่4[74] เชมัสได้ตั้งกลุ่มเดอะลีกออฟเนชันส์[75] ในทีแอลซี (2015)เชมัสป้องกันแชมป์จากเรนส์ไว้ได้แบบ TLC[76] ก่อนเสียแชมป์ให้เรนส์ในรอว์คืนต่อมา[77] ในรอว์ 4 มกราคม 2016 เชมัสได้แพ้ชิงแชมป์กับเรนส์โดยวินซ์ แม็กแมนเป็นกรรมการพิเศษ[78] ในเดือนเมษายน 2016 ลีกออฟเนชันส์ได้แตกกลุ่ม[79][80] 19 กรกฎาคม 2016 เชมัสได้ถูกดราฟท์ไปรอว์และเปิดศึกกับซีซาโร[81] ต่อมาผู้จัดการทั่วไปของรอว์ มิค โฟลีย์ ได้ประกาศให้ทั้งคู่สู้กันแบบ Best of 7 Series ชนะ 4 ใน 7 ผู้ชนะจะได้สิทธิ์ชิงแชมป์ในโอกาสต่อไป ทั้งคู่ทำคะแนนเสมอกัน 3-3 ทำให้ต้องตัดสินกันยกที่ 7 ในแคลชออฟแชมเปียนส์ (2016) แต่จบลงแบบไม่มีผลตัดสิน คืนต่อมาโฟลีย์ได้สั่งให้ทั้งคู่เป็นคู่ร่วมทีมกันเพื่อชิงแชมป์รอว์แท็กทีม WWEกับเดอะนิวเดย์[82] ในโรดบล็อก: เอ็นด์ออฟเดอะไลน์ทั้งคู่สามารถคว้าแชมป์จากนิวเดย์ได้และเป็นแชมป์แท็กทีมครั้งแรกของเชมัส จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้นามว่าเดอะบาร์และปั๊มแชมป์ร่วมกันได้ถึง 4 สมัย[83] ในเดือนเมษายน 2018 เดอะบาร์ได้ย้ายสังกัดมาอยู่สแมคดาวน์[84] และได้แชมป์สแมคดาวน์แท็กทีม WWEร่วมกัน[85] ก่อนจะแยกทีมกันในปีต่อมาจากการบาดเจ็บของเชมัส[86][87]

ในเดือนมกราคม 2020 เชมัสได้กลับมาจากอาการบาดเจ็บโดยไว้ผมทรงเดิมและเปิดศึกกับชอร์ตี จี[88]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เชมัส http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2009/10/27/115... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/02/01/126... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/03/01/130... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/04/25/137... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/11/29/163... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/10/26/220... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/11/18/220... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2015/03/30/223... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201... http://411mania.com/wrestling/wwe-news-sheamus-ces...