ประวัติมวยปล้ำอาชีพ ของ เซท_รอลลินส์

ช่วงแรกในสมาคมอิสระ (2005–2009)

สมัยอยู่สมาคมอิสระในนามไทเลอร์ แบล็ก

โลเปซเปิดตัวในปี 2005 กับสมาคม Scott County Wrestling (SCW) นอกจากนี้เขายังปล้ำให้กับ Independent Wrestling Association Mid-South (IWA) ของ Ian Rotten และได้เข้าร่วม Ted Petty Invitational Tournament เอาชนะ Sal Thomaselli ก่อนที่จะแพ้แมต ไซดัลในรอบคัดเลือก ในแฮมมอนด์, อินดีแอนา เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2005[9] ต่อมาเขาได้แชมป์เฮฟวี่เวท SCW และพ่นสีเข็มขัดแชมป์สีดำเพื่อทำเครื่องหมาย "The Black Era" (ยุคของ Black)

เขาได้เข้าร่วมสมาคม NWA Midwest ได้แชมป์แท็กทีมร่วมกับ Marek Brave ทั้งสองได้ประสบความสำเร็จในการชิงแชมป์กับ Ryan Boz กับ Danny Daniels, Brett Wayne กับ Hype Gotti และ Jayson Reign กับ Marco Cordova หลายต่อหลายครั้งในช่วงต้นปี 2006[10] นอกจากนี้เขายังต้องเจอกับ Eric Priest และเอเจ สไตส์ในแมตช์เดี่ยว

เขาปรากฏตัวสั้นๆในสมาคมโทเทิลนอนสต็อปแอคเชินเรสต์ลิง (TNA) และจับคู่ทีมกับ Jeff Luxon แพ้ให้ The Latin American Xchange (Homicide และ Hernandez) ในศึกอิมแพ็กเดือนตุลาคม 2006[11]

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2007 ที่สมาคม Full Impact Pro (FIP) ในการแข่งขันชิงแชมป์แท็กทีม Briscoes ที่เมลเบิร์น, ฟลอริดา คู่แท็กทีมอย่าง Marek Brave ได้รับบาดเจ็บที่หลังทำให้เขาต้องพักเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่ในท้ายที่สุดทำให้เขาต้องออกจากตำแหน่ง (Brave กลับมาร่วมปล้ำในปี 2012)[12] ในช่วงเวลานี้แบล็กได้เริ่มอาชีพการปล้ำเดี่ยวใน Pro Wrestling Guerrilla (PWG) โดยชนะโจอี ไรอันเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน[13] และอดีตพี่เลี้ยงแดนนี แดเนียลส์ ใน the supercard Point ของ No Return เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน[14]

ใน Life During Wartime ของ PWG เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2008 แบล็กได้ร่วมทีมกับจิมมี เจคอบส์ค้วาแชมป์โลกแท็กทีม PWGโดยชนะรอเดริก สตรองและเอล เจเนริโกซึ่งแทนแจ็ก อีแวนส์[15][16] ในอีเวนต์ของ FIP เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2008 แบล็กชนะ Go Shiozaki และได้แชมป์โลกเฮฟวี่เวท FIP[17] ในอีเวนต์ของ FIP เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2009 เดวีย์ ริชาดส์ได้แชมป์เฮฟวี่เวท FIP โดยการปรับเมื่อแบล็กไม่สามารถแข่งขันได้[17]

ริงออฟออเนอร์ (2007–2010)

ในริงออฟออเนอร์(ROH) เดือนกันยายน 2007 ได้เปิดตัวร่วมกับจิมมี เจคอบส์ และเนโคร บัตเชอร์[18] ใน Final Battle 2007 แบล็กและเจคอบส์ชนะ The Briscoe Brothers คว้าแชมป์โลกแท็กทีม ROH พวกเขาเสียแชมป์หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคมให้กับ No Remorse Corps (เดวี ริชาดส์ และร็อกกี โรเมโร) ในการแข่งขัน Ultimate Endurance พร้อมด้วย The Hangmen 3 (เบรนต์ อัลไบรต์และบีเจ วิตเมอร์) และทีมของออสติน แอรีส์และไบรอัน แดเนียลสัน[19][20][21] เดือนกันยายนปี 2009 แบล็กได้เข้ารับการผ่าตัดแผ่นดิสก์ในลำคอของเขา[22] วันที่ 10 ตุลาคมแบล็กได้ชนะเคนนี คิงในการแข่งขันรอบแรกและจากนั้นก็ชนะเกลาดีโอ แคสแทกนอลี, Colt Cabana, Delirious, คริส ฮีโร และรอเดริก สตรอง ในทัวร์นาเมนต์รอบชิงชนะเลิศ 2009 Survival of the Fittest[23] วันที่ 19 ธันวาคม ใน Final Battle 2009 ได้ปล้ำชิงแชมป์โลก ROH กับออสติน แอรีส์ ในการปล้ำ 60 นาที ซึ่งผลออกมาเป็นเสมอ[24] วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2010 เขาได้คว้าแชมป์โลก ROH จากแอรีส์[25][26][27] ก่อนจะเสียแชมป์ให้รอเดริก สตรองในแมตช์ไม่มีกฏกติกา[28][29] และเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของเขาก่อนจะเซ็นสัญญากับ WWE[30][31][32][33]

ดับเบิลยูดับเบิลยูอี (2010–ปัจจุบัน)

ค่ายพัฒนาทักษะ

วันที่ 8 สิงหาคม 2010 เขาได้เซ็นสัญญากับสมาคม WWE และได้รับมอบหมายไปยังศูนย์พัฒนาทักษะของพวกเขา ฟลอริดาแชมเปียนชิปเรสต์ลิง(FCW) ในเดือนกันยายน[34][35][36] เขาได้เปิดตัวขึ้นปล้ำครั้งแรกกับ FCW วันที่ 30 กันยายนในนาม เซท รอลลินส์[37] โดยแพ้ให้ไมเคิล แมคกิลลิคัตตี[2][38] วันที่ 13 มกราคม 2011 รอลลินส์ได้คว้าแชมป์ FCW 15 เป็นคนแรกโดยชนะฮูนิโคในทัวร์นาเมนต์รอบชิง[39][40][41] ในไลฟ์อีเวนต์วันที่ 25 มีนาคมรอลลินส์และริกชี สตีมโบตได้เอาชนะแดเมียน แซนดาวและไทตัส โอนีลคว้าแชมป์ฟลอริดาแท็กทีม FCWร่วมกัน[42] ก่อนเสียแชมป์ให้บิ๊กอี และ Calvin Raines[43]

ในเดือนกรกฎาคม 2011 เขาได้เปิดศึกกับดีน แอมโบรส[44] และมีแมตช์เจอกันครั้งแรกในการชิงแชมป์ FCW 15 ในไอรอน แมน แมทช์ 15 นาที วันที่ 14 สิงหาคมตอนของ FCW ซึ่งจบลงด้วยการเสมอกันและทำให้รอลลินส์ป้องกันแชมป์ได้[45] ภายหลังการปล้ำ 20 นาทีสำหรับการชิงแชมป์ในสองสัปดาห์ต่อมาจบลงด้วยผลเสมอกันอีกครั้ง 0-0[45] ครั้งต่อมาในการปล้ำ 30 นาทีสำหรับการรีแมตช์ชิงแชมป์วันที่ 18 กันยายนตอนของ FCW จบลงด้วยการเสมออีกครั้ง 2-2 ทำให้มีการปล้ำต่อเวลาและเป็นรอลลินส์ที่ทำแต้มนำ 3-2 เป็นฝ่ายชนะไป[45] วันที่ 22 กันยายนรอลลินส์เสียแชมป์ FCW 15 ให้แดเมียน แซนดาวโดยการทำฟาล์วหลังจากที่แอมโบรสมาทำร้ายแซนดาวในช่วงท้ายแมตช์[46][47]

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012 เขาได้คว้าแชมป์ฟลอริดาเฮฟวี่เวท FCWสมัยแรกจากลีโอ ครูเกอร์[48] ในช่วงปี 2012 WWE ได้รวม FCW เข้ากับ NXT[49] รอลลินส์เปิดตัวออกโทรทัศน์ในตอนที่สองของ NXT รูปแบบใหม่ที่มหาวิทยาลัย Full Sail University วันที่ 27 มิถุนายน โดยเขาชนะจิโระ[50][51] ต่อมาเขาได้เข้าร่วม Gold Rush Tournament และได้เป็นเจ้าของแชมป์ NXTคนแรกโดยชนะจินเดอร์ มาฮาลในรอบชิงวันที่ 29 สิงหาคมตอนของ NXT[52][53]

เดอะชีลด์

เดอะชีลด์: โรลลินส์, เรนส์ และแอมโบรส

รอลลินส์เปิดตัวค่ายหลักในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2012)พร้อมกับดีน แอมโบรสและโรแมน เรนส์ในนามเดอะชีลด์ พวกเขารุมไรแบ็กก่อนจับใส่ท่า Triple Powerbomb บนโต๊ะผู้บรรยาย ทำให้ซีเอ็ม พังก์จับกดจอห์น ซีนาชนะป้องกันแชมป์ WWEไว้ได้[54] ในทีแอลซี (2012) เดอะชีลด์ได้ปล้ำแมตช์แรกชนะไรแบ็กและทีมเฮลโน(เคน และแดเนียล ไบรอัน)ในการต่อสู้ด้วยโต๊ะ บันได และเก้าอี้[55] ในรอว์ 7 มกราคม เดอะชีลด์ได้ออกมารุมทำร้ายไรแบ็กในการชิงแชมป์ WWE ทำให้พังก์ป้องกันแชมป์ไปได้อีกครั้ง[56] ใน NXT 9 มกราคม รอลลินส์เสียแชมป์ NXT ให้บิ๊กอีแบบไม่มีกฎกติกา โดยระหว่างแมตช์สมาชิกเดอะชีลด์ได้ขึ้นไปรุมบิ๊กอีจนเหล่านักมวยปล้ำ NXT ทั้งหมดออกมาช่วย[57] ในรอยัลรัมเบิล (2013) เดอะชีลด์ได้แอบมารุมทำร้ายเดอะร็อก ระหว่างชิงแชมป์ WWE ซึ่งในตอนแรกพังก์กดนับ 3 ชนะ แต่วินซ์ แม็กแมนออกมาบอกให้เริ่มใหม่เลยทำให้เดอะร็อกคว้าแชมป์ไป[58] ในรอว์คืนต่อมาหลังจากจอห์น ซีนาประกาศเลือกท้าชิงแชมป์ WWE ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 เดอะชีลด์ก็มารุมทำร้ายซีนา แม้ว่าเชมัสกับไรแบ็กจะออกมาช่วยก็ตาม สุดท้ายเดอะชีลด์เล่นงานซีนาด้วยท่า Triple Powerbomb[59] ในรอว์ต่อมาเดอะชีลด์โดนทีมซีนาล้อมเอาไว้ ทำให้เดอะชีลด์วิ่งหนีไปทางหลังเวที แต่แรนดี ออร์ตันนำทัพนักมวยปล้ำออกมาขวางเอาไว้ เดอะชีลด์เลยโดนทีมซีนาอัดจนน่วม ก่อนที่จะหนีไปทางอัฒจรรย์[60] ในรอว์ต่อมาเดอะชีลด์ออกมาท้าทายทีมของซีนา ว่าถ้าอยากมีเรื่องก็ออกมาเจอกันเดี๋ยวนี้ได้เลย ปรากฏว่าไฟในสนามดับแล้วกลุ่มของซีนาก็ออกมาไล่อัดเดอะชีลด์จนหนีกระเจิง[61] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013) เดอะชีลด์เอาชนะทีมซีนาไปได้[62] ในเรสเซิลเมเนีย 29 เดอะชีลด์ได้ปล้ำเรสเซิลเมเนียครั้งแรกโดยชนะ เชมัส, แรนดี ออร์ตัน และบิ๊กโชว์[63]

รอว์คืนต่อมาหลังจากดิอันเดอร์เทเกอร์ออกมาขออุทิศชัยชนะให้กับพอล แบเรอร์จากการที่ชนะซีเอ็ม พังก์ในเรสเซิลเมเนีย เดอะชีลด์ออกมารุมล้อมเทเกอร์ แต่เคนกับแดเนียล ไบรอันออกมาช่วย ทำให้เดอะชีลด์หนีไป[64] ในรอว์ 22 เมษายน เดอะชีลด์ได้เอาชนะอันเดอร์เทเกอร์, เคน และไบรอัน[65] ในสแมคดาวน์ 26 เมษายน เดอะชีลด์ได้รุมเล่นงานเทเกอร์ หลังจากเทเกอร์เอาชนะแอมโบรสไปได้[66][67] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013)แอมโบรสได้แชมป์ยูเอสจากโคฟี คิงส์ตัน คืนเดียวกันรอลลินส์กับเรนส์ได้แชมป์แท็กทีม WWEจากทีมเฮลโน ทำให้เดอะชีลด์มีแชมป์ครบทั้งทีม[68] ในเดือนสิงหาคม เดอะชีลด์ได้เข้าร่วมกลุ่มดิออธอริตี ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ทริปเปิลเอช[69][70] ในแบทเทิลกราวด์ (2013) รอลลินส์กับเรนส์ได้เจอกับโคดี โรดส์และโกลดัสต์ ถ้าหากโคดีและโกลดัสต์ชนะก็จะได้กลับมาใน WWE แต่ถ้าเดอะชีลด์ชนะ ครอบครัวโรดส์จะถูกแบนจาก WWE ซึ่งรอลลินส์กับเรนส์เป็นฝ่ายแพ้[71] ในรอว์ 14 ตุลาคม รอลลินส์กับเรนส์เสียแชมป์แท็กทีมให้กับโคดีและโกลดัสต์แบบไม่มีกฎกติกาโดยการช่วยเหลือจากบิ๊กโชว์[72] ในรอว์ 27 มกราคม เดอะชีลด์ได้ปล้ำแท็กทีม 6 คนกับ แดเนียล ไบรอัน, เชมัส และจอห์น ซีนา เพื่อที่จะเข้าไปปล้ำในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014)แต่เดอะไวแอ็ตต์แฟมิลีเข้ามาก่อกวน ทำให้เดอะชีลด์แพ้ฟาวล์ จึงขอท้าเจอกับไวแอ็ตต์แฟมิลีในศึกแชมเบอร์ แต่เดอะชีลด์เป็นฝ่ายแพ้[73]

เดอะชีลด์ ปะทะ เอฟโวลูชั่น

ในปลายเดือนมีนาคม เดอะชีลด์ได้เป็นฝ่ายธรรมะ[74][75] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30ได้มีแมตช์กับเคนและเดอะนิวเอจเอาต์ลอวส์ โดยเดอะชีลด์เอาชนะไปได้[76] ในรอว์ 1 วันหลังเรสเซิลเมเนีย แชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWE แดเนียล ไบรอัน ได้มาฉลองกับผู้ชม ก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยทริปเปิลเอช และเขาได้ขอชิงแชมป์ในคืนนั้น โดยก่อนเริ่มแมตช์นั้น สเตฟานี แม็กแมนได้สั่งให้เคน, บาทิสตา และออร์ตัน ทำร้ายไบรอันเป็นการสร้างจุดอ่อน และทำให้ทริปเปิลเอชมีโอกาสในการชนะมากขึ้น จนเดอะชีลด์ได้ออกมาบนเวทีและจัดการกับพวกกลุ่มของทริปเปิลเอช และได้ช่วยไบรอันจากการกลั่นแกล้งจากกลุ่มทริปเปิลเอช[77] ในรอว์ต่อมา เดอะชิลด์ต้องปล้ำในแฮนดิแคป 11 รุม 3 แต่กรรมการต้องยุติแมตช์ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอัดกันไม่หยุด ก่อนที่ทริปเปิลเอช, ออร์ตัน และบาทิสตา จะออกมาในนามของกลุ่มเอฟโวลูชั่น เพื่อจัดการกลุ่มเดอะชีลด์โดยเฉพาะ[78] ก่อนที่จะประกาศแมตช์อย่างเป็นทางการในสแมคดาวน์ 18 เมษายน ระหว่างเดอะชีลด์เจอกับเอฟโวลูชั่นในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014) โดยเดอะชีลด์เป็นฝ่ายชนะ[79] ในเพย์แบ็ค (2014) เดอะชีลด์ได้รีแมตช์กับเอฟโวลูชั่นในแบบไม่มีกฎกติกา คัดออก ซึ่งเดอะชีลด์เป็นฝ่ายชนะ[80]

ดิออธอริตี

ในตอนอยู่กลุ่มดิออธอริตี

ในรอว์ 2 มิถุนายน บาทิสตาได้ออกจากเอฟโวลูชั่นและออกจาก WWE[80] คืนเดียวกัน โรแมน เรนส์มีคิวเจอกับแรนดี ออร์ตัน โดยออร์ตันออกมากับทริปเปิลเอชโดยถือค้อนมาด้วย ทำให้เดอะชีลด์พากันไปหยิบเก้าอี้มาเตรียมไว้ ทริปเปิลเอชบอกว่าบาทิสตามันหนีไปแล้ว แต่เราก็มีแผน 2 เสมอ... ว่าแล้วรอลลินส์ก็เอาเก้าอี้ฟาดใส่เรนส์จากด้านหลัง จากนั้นก็ฟาดแอมโบรสอีกคน โรลลินส์เอาเก้าอี้ไปยื่นให้ออร์ตัน เพื่อเอาไปฟาดเรนส์กับแอมโบรสต่ออีก จากนั้นก็ RKO เรนส์ลงบนเก้าอี้ ปิดท้ายรายการโดยมีรอลลินส์ยืนอยู่กับออร์ตันและทริปเปิลเอช เป็นอันว่ารอลลินส์ได้แยกทีมกับเดอะชีลด์ไปอยู่กลุ่มออธอริตีแล้ว[81][82][83] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2014)รอลลินส์สามารถไต่บันไดคว้ากระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์แลดเดอร์แมตช์ได้สำเร็จ[84] ในแบทเทิลกราวด์ (2014)เอาชนะแอมโบรสไปได้โดยการปรับ เพราะแอมโบรสถูกพาตัวออกจากสนามหลังจากลอบทำร้ายรอลลินส์[85] ในซัมเมอร์สแลม (2014)เอาชนะแอมโบรสไปได้แบบลัมเบอร์แจ็ก โดยมีนักมวยปล้ำอยู่รอบเวที[86] คืนต่อมารอลลินส์ได้เล่นงานแอมโบรสโดยการโดดเหยียบหัวกับอิฐบล็อกจนบาดเจ็บทำให้ต้องหายจากจอ[87] ก่อนที่แอมโบรสจะกลับมาล้างแค้นรอลลินส์ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014)คืนเดียวกันหลังจากแมตช์ชิงแชมป์โลกระหว่างบร็อก เลสเนอร์(แชมป์)กับจอห์น ซีนานั้น รอลลินส์ได้ขอใช้สิทธิ์กระเป๋าชิงแชมป์ทันที แต่ยังไม่ทันจะใช้ซีนาก็มาไล่อัดรอลลินส์จนต้องหนีไป[88][89]

ออธอริตีได้จ้าง J&J Security (เจมี โนเบิลและโจอี เมอร์คิวรี) เป็นรปภ.ประจำตัวให้รอลลินส์[90] รอลลินส์ได้ปล้ำในกรงเหล็กเฮลอินเอเซล (2014)เป็นครั้งแรกเอาชนะแอมโบรสไปได้จากการช่วยเหลือของเบรย์ ไวแอ็ตต์[91] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014)รอลลินส์ได้นำทีมออธอริตีแพ้ให้กับทีมซีนา จากการก่อกวนของสติง ทำให้ออธอริตีต้องสลายกลุ่มและหมดอำนาจลง[92] ในรอว์ส่งท้ายปี 29 ธันวาคม เอดจ์และคริสเตียน ออกมาจัดรายการ Cutting Edge Peep Show เป็นครั้งแรก โดยแขกรับเชิญคือรอลลินส์มาพร้อม J&J Security รอลลินส์บอกว่าเขาจะไม่ฉลองปีใหม่อย่างเดียวดายเพราะต้องเชิญเพื่อนซี้ของเขามาด้วยคือบิ๊กโชว์ รอลลินส์ก็บอกว่าเขาต้องเชิญอีกคนมาให้ได้คือจอห์น ซีนาเพราะเขาอยากจะให้ซีนาช่วยทำอะไรให้สักหน่อย แต่ซีนาไม่ยอมออกมา และรอลลินส์ก็เอากระเป๋าฟาดใส่คริสเตียน ทำให้เอดจ์โมโหเข้ามาผลักรอลลินส์แต่ก็โดนบิ๊กโชว์, J&J มารุมล้อม บิ๊กโชว์บีบคอเอดจ์แล้วจับกดลงกับกระเป๋าให้รอลลินส์เหยียบหัวจะหักคอเอดจ์ ซีนาวิ่งออกมาแต่รอลลินส์สั่งให้หยุด และก็บอกให้ซีนาคืนอำนาจให้กับออธอริตี ไม่อย่างงั้นเขาจะเหยียบหัวเอดจ์จนพิการตลอดชีวิต ซีนาจำเป็นต้องยอมคืนอำนาจให้ออธอริตี แต่รอลลินส์บอกว่าเขาจะฆ่าเอดจ์อยู่ดี แต่ซีนามาช่วยไว้ทัน สุดท้ายซีนาก็โดนบิ๊กโชว์ปล่อยหมัดน็อคใส่ และรอลลินส์ก็ตามมาโดดเหยียบหัวซ้ำ รอลลินส์และพรรคพวกเดินกลับไปอย่างมีความสุข โดยมีพอล เฮย์แมนและบร็อก เลสเนอร์ออกมาจับมือกับรอลลินส์ด้วย และทริปเปิลเอชกับสเตฟานีก็ออกมาจิบไวน์เฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่ากันอย่างมีความสุข[93]

คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWEในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31

ในรอว์ 5 มกราคมออธอริตีประกาศให้รอลลินส์เข้าร่วมชิงแชมป์โลกกับซีนาและเลสเนอร์เป็นสามเส้าในรอยัลรัมเบิล (2015)สุดท้ายเลสเนอร์ป้องกันแชมป์ได้[94] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31แพ้ให้แรนดี ออร์ตัน[95] คืนเดียวกันในคู่เอกระหว่างเลสเนอร์และเรนส์ รอลลินส์ได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWE สมัยแรก[96] ทำให้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้สิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์ในเรสเซิลเมเนียและยังเป็นแชมป์โลกอายุน้อยกว่าอายุของเรสเซิลเมเนีย[97] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)ป้องกันแชมป์โลกครั้งแรกกับออร์ตันในกรงเหล็ก พร้อมกับแบนท่า RKO ของออร์ตันและมีเคนเฝ้าประตูกรง โดยรอลลินส์ใช้ท่า RKO ป้องกันแชมป์ไว้ได้[98] ในเพย์แบ็ก (2015)สามารถป้องกันแชมป์สี่เส้ากับแรนดี ออร์ตัน, โรแมน เรนส์ และดีน แอมโบรสไว้ได้ โดยใช้ท่า Pedigree(ท่าไม้ตายของทริปเปิลเอช)ใส่ออร์ตัน[99] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2015)แพ้ฟาล์วป้องกันแชมป์กับแอมโบรสแต่ไม่เสียแชมป์[100] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2015)ป้องกันแชมป์กับแอมโบรสไว้ได้แบบไต่บันไดโดยปราศจากการช่วยเหลือของออธอริตี[101] ในแบทเทิลกราวด์ (2015)ต้องป้องกันแชมป์กับบร็อก เลสเนอร์ แต่อันเดอร์เทเกอร์โผล่มาเล่นงานเลสเนอร์ระหว่างปล้ำ ทำให้รอลลินส์แพ้ฟาล์วแต่ไม่เสียแชมป์[102] ในรอว์คืนถัดมา 20 กรกฎาคม แชมป์ยูเอส จอห์น ซีนาได้ขอท้าชิงแชมป์โลกซึ่งรอลลินส์ปฏิเสธ[103] ในรอว์ 27 กรกฎาคมออธอริตีได้จัดแมตช์ให้ซีนาป้องกันแชมป์ยูเอสกับรอลลินส์ ระหว่างแมตช์รอลลินส์ได้เข่าใส่หน้าของซีนาจนดั้งจมูกหัก แต่ซีนาก็ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[104] ในรอว์ 3 สิงหาคมรอลลินส์ได้ออกมาท้าซีนาในการชิงแชมป์ยูเอสและแชมป์โลกในซัมเมอร์สแลม (2015)และรอลลินส์เป็นฝ่ายชนะคว้าแชมป์ยูเอสและแชมป์โลกเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ จากการช่วยเหลือของจอน สจ๊วต[105]

ในรอว์คืนถัดมา 24 สิงหาคมมีการจัดงานเปิดตัวรูปปั้นทองแดงของรอลลินส์ แต่พอเปิดผ้าคลุมออกมากลายเป็นสติงอยู่ด้านใน สติงจัดการอัดรอลลินส์แล้วก็หยิบแชมป์โลกมาเชยชมเป็นการท้าทาย ก่อนจะมีการประกาศว่ารอลลินส์ต้องป้องกันแชมป์โลกกับสติงในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2015)[106][107] ในรอว์ถัดมาซีนาได้ประกาศขอสิทธิ์รีแมตช์ชิงแชมป์ยูเอสในไนท์ออฟแชมเปียนส์ ทำให้รอลลินส์มีแมตช์ต้องป้องกันแชมป์ทั้งสองเส้นในคืนเดียว[108] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์เสียแชมป์ยูเอสให้ซีนา[109] แต่ป้องกันแชมป์โลกจากสติงได้ หลังแมตช์เชมัสออกมาจะใช้สิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์แต่เคนออกมา Chokeslam ใส่รอลลินส์กับเชมัส ก่อนจะจับรอลลินส์มาใส่ Tombstone[110] ในเฮลอินเอเซล (2015)เอาชนะเคนป้องกันแชมป์ไว้ได้ และทำให้เคนต้องออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ[111] วันที่ 4 พฤศจิกายน รอลลินส์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวาอย่างรุนแรง ระหว่างปล้ำแมตช์คู่เอกชิงแชมป์โลกกับเคนในเฮาส์โชว์ของ WWE ที่เมื่องดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ทำให้ทั้งเอ็นไขว้หน้า(ACL), เอ็นข้างด้านใน(MCL) และหมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด ทำให้ต้องพักการปล้ำเป็นเวลานาน และต้องสละแชมป์ทันที จบการครองแชมป์ด้วยเวลา 220 วัน[112][113] ในสแลมมีอะวอร์ด 2015 หรือรอว์ 21 ธันวาคม รอลลินส์ได้มารับรางวัลซุปเปอร์สตาร์แห่งปี 2015 (เดินด้วยไม้ค้ำ) และประกาศว่าปี 2016 เขาจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อมาทวงคืนแชมป์ที่เขาไม่เคยเสีย[114]

เรื่องราวต่างๆ

ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2016)รอลลินส์ได้กลับมาเล่นงานโรแมน เรนส์หลังจากป้องกันแชมป์โลกกับเอเจ สไตส์ได้[115] เชน แม็กแมนจึงประกาศให้รอลลินส์ชิงแชมป์กับเรนส์ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2016)[116] และสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่2 ก่อนเสียให้ดีน แอมโบรสจากการใช้สิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์ในเวลาสั้นๆ[117] ในรอว์ 18 กรกฎาคมได้ชิงแชมป์กับแอมโบรสโดยผลออกมาเป็นเสมอ[118][119][120] วันต่อมารอลลินส์ได้ถูกดราฟท์ไปรอว์และได้รีแมตช์ชิงกับแอมโบรสแต่ไม่สำเร็จ[121] ในแบทเทิลกราวด์ (2016)แพ้ชิงแชมป์สามเส้ากับอดีตเพื่อนร่วมกลุ่มเดอะชีลด์[122] ในรอว์คืนต่อมาได้มีการสถาปนาแชมป์ยูนิเวอร์แซล WWEและจะมีการหาแชมป์คนแรกในซัมเมอร์สแลม (2016)[123] ซึ่งฟิน บาเลอร์ได้แชมป์โดยชนะรอลลินส์[124] แต่คืนถัดมาบาเลอร์ต้องสละแชมป์เพราะบาดเจ็บ ทำให้มีการจัดสี่เส้าคัดออกเพื่อหาแชมป์คนใหม่ในสัปดาห์ถัดไป[125] ซึ่งรอลลินส์ได้ร่วมสี่เส้าแต่ถูกทริปเปิลเอชหักหลังโดยจับใส่ Pedigree และให้เควิน โอเวนส์จับกดคว้าแชมป์ไป[126] ผู้จัดการทั่วไปของรอว์ มิค โฟลีย์ ประกาศให้รอลลินส์ชิงแชมป์กับโอเวนส์ในแคลชออฟแชมเปียนส์ (2016)[127] แต่ไม่สามารถคว้าได้เพราะคริส เจริโคเข้ามาก่อกวนช่วยโอเวนส์[128][129] ก่อนจะรีแมตช์ในเฮลอินเอเซล (2016)แต่ก็ถูกเจริโคเข้ามาก่อกวนในกรง[130] ในรอว์ 21 พฤศจิกายนแพ้ชิงแชมป์กับโอเวนส์แบบไม่มีกฏกติกาโดยเจริโคก่อกวน[131] ในโรดบล็อก: เอ็นด์ออฟเดอะไลน์ชนะเจริโคไปได้[132]

รอลลินส์ได้ประกาศจะเข้าร่วมรอยัลรัมเบิล (2017)[133] แต่เสียสิทธิ์แพ้ให้แซมี เซย์นเพราะการก่อกวนของทริปเปิลเอช[134] รอลลินส์ได้ปรากฏตัวในเอ็นเอ๊กซ์ที เทคโอเวอร์: แซนแอนโทนีโอเรียกให้ทริปเปิลเอชออกมาเจอบนเวที แต่ทริปเปิลเอชได้สั่งรปภ.มาลากตัวออกไปจากสนาม[135] รอว์ 30 มกราคมได้เผชิญหน้าท้าทายกับทริปเปิลเอช แต่ถูกซามัว โจเปิดตัวมาลอบทำร้าย ก่อนจับใส่ท่า Coquina Clutch และทำให้ได้รับบาดเจ็บเข่าขวาอีกครั้ง[136][137] รอว์ 27 กุมภาพันธ์ได้ออกมาพูดถึงอาการบาดเจ็บ และบอกกับทริปเปิลเอชว่าเขาจะอยู่ที่เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 33ด้วย[138] รอว์ 13 มีนาคมได้ออกมาช่วยมิค โฟลีย์จากการทำร้ายของทริปเปิลเอช แต่ก็ถูกเล่นงานที่เข่าซ้ำ รอว์ 27 มีนาคมมีการเซ็นสัญญาปล้ำแบบ Unsanctioned(ถ้าบาดเจ็บ, พิการ หรือตาย จะไม่มีสิทธิ์ดำเนินการฟ้องร้องใดๆ ต่อทริปเปิลเอช) ในเรสเซิลเมเนียรอลลินส์เอาชนะได้ด้วยท่า Pedigree ของทริปเปิลเอช[139] ในซัมเมอร์สแลม (2017)ได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีม WWEร่วมกับแอมโบรส[140][141][142] ก่อนเสียแชมป์ให้ซีซาโรและเชมัส[143] หลังจากแอมโบรสได้รับบาดเจ็บจึงเปลี่ยนมาจับคู่กับเจสัน จอร์แดนและคว้าแชมป์รอว์แท็กทีมได้จากซีซาโรและเชมัส[144] ก่อนเสียคืนในรอยัลรัมเบิล (2018)[145][146][147] จากนั้นรอลลินส์ได้กลับมาฉายเดี่ยวคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 34[148][149] ทำให้เป็นแชมป์ทริปเปิลคราวน์และแชมป์แกรนด์สแลมของWWE[150] ก่อนเสียให้ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์[151] และชิงคืนมาได้ในซัมเมอร์สแลม (2018)โดยมีแอมโบรสอยู่ข้างเวทีให้รอลลินส์[152]

วันต่อมารอลลินส์กับแอมโบรสได้แต่งชุดเดอะชีลด์ออกมาช่วยเรนส์ที่เป็นแชมป์ยูนิเวอร์แซลจากการแคชอินกระเป๋าของบรอน สโตรว์แมนเป็นการรวมกลุ่มเดอะชีลด์อีกครั้ง[153][154][155] ในรอว์ 22 ตุลาคม รอลลินส์กับแอมโบรสได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกันอีกครั้งก่อนจะถูกแอมโบรสหักหลังและเสียแชมป์อินเตอร์ให้กับแอมโบรสในเวลาต่อมา[156][157] ในปี 2019 รอลลินส์ได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิลทำให้ได้สิทธิ์เลือกไปชิงแชมป์โลกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 35โดยรอลลินส์เลือกที่จะท้าชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซลกับบร็อก เลสเนอร์[158] ในฟาสต์เลน 2019 เดอะชีลด์ได้รวมทีมกันอีกครั้งชนะแบรอน คอร์บิน, บ็อบบี แลชลีย์ และดรูว์ แม็กอินไทร์ไปได้[159] ในเรสเซิลเมเนีย 35 รอลลินส์ก็สามารถคว้าแชมป์ยูนิเวอร์แซลสมัยแรกจากเลสเนอร์ได้สำเร็จ[160] แต่ก็เสียคืนให้เลสเนอร์โดยการใช้สิทธิ์แคชอินกระเป๋า MITB[161] ก่อนจะคว้าคืนได้สมัย 2 ในซัมเมอร์สแลม 2019[162][163] สัปดาห์ต่อมาก็ได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกับบรอน สโตรว์แมนทำให้รอลลินส์เป็น "triple double champ" (ครองแชมป์ 2 เส้นถึง 3 ครั้ง)[164][165] ใน Clash of Champions หลังจากเสียแชมป์แท็กทีมและป้องกันแชมป์ยูนิเวอร์แซลกับบรอนได้ The Fiend เบรย์ ไวแอ็ตต์ ได้โผล่มาเล่นงานรอลลินส์ก่อนปิดรายการ[166] ใน Hell in a Cell แมตช์ชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซลระหว่างรอลลินส์และเบรย์จบลงแบบไม่มีผลคำตัดสินหลังจากที่รอลลินส์ใช้ค้อนทุบใส่เบรย์[167] ใน Crown Jewel ได้เสียแชมป์ให้เบรย์ภายใต้กติกาจับกดที่ไหนก็ได้ (Falls Count Anywhere)[168]

ในปลายปี 2019 รอลลินส์ได้กลับมาเป็นฝ่ายอธรรมและตั้งกลุ่มโดยมี AOP (แอคัม และ เรซอร์) และ บัดดี เมอร์ฟี พร้อมได้ฉายาใหม่ "Monday Night Messiah"[169] เปิดศึกกับ เควิน โอเวนส์, ซามัว โจ และ เดอะไวกิงเรเดอส์[170][171] ก่อนจะคว้าแชมป์รอว์แท็กทีมอีกครั้งเป็นสมัยที่ 6 ร่วมกับเมอร์ฟี[172] แต่ก็แพ้และเสียแชมป์โดยการก่อกวนจากโอเวนส์[173][174] รอลลินส์แค้นจึงขอท้าเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36แต่ก็แพ้ไป[175] ในเดือนพฤษภาคม 2020 รอลลินส์ได้เปิดกับเรย์ มิสเตริโอโดยการเอาลูกตาเรย์ทิ่มกับบันไดจนตาบอด[176] ทำให้ดอมินิก มิสเตริโอลูกชายของเรย์แค้นจึงท้าเจอกันใน SummerSlam แบบ Street Fight ซึ่งรอลลินส์เป็นชนะไปได้[177] ก่อนจะถูกดราฟท์มาที่สแมคดาวน์ในเดือนตุลาคมและยังมีปัญหากับลูกศิษย์อย่างเมอร์ฟีที่ไปเป็นแฟนกับลูกสาวเรย์ ในสแมคดาวน์ 14 พฤศจิกายนแพ้ให้เรย์ในแบบไม่มีกฏกติกาเป็นการจบเรื่องราวกับครอบครัวเรย์ที่ยาวนานหลายเดือน และยังแพ้ให้กับเมอร์ฟีในสัปดาห์ต่อมาเป็นการจบเรื่องราวของทั้งคู่[178]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เซท_รอลลินส์ http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2006/10/06/196... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/04/26/207... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/08/20/210... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/08/26/210... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/10/06/211... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/05/05/216... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201... http://411mania.com/wrestling/wwe-announces-year-e... http://www.411mania.com/wrestling/columns/62641/41...