ประวัติ ของ เดชฤทธิ์_อิทธิอนุชิต

เดชฤทธิ์เริ่มหัดชกมวยตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลังจากที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ มักกะสัน กรุงเทพมหานคร แล้ว เมื่อเรียนหนังสือจบชั้นป.4 โดยครูมวยคนแรก คือ สุดใจ อมรฤทธิ์[2]

ชกมวยตามต่างจังหวัดจนมีชื่อเสียงแล้วจึงย้ายมาอยู่ ค่ายยนตรกิจ และ อิทธิอนุชิต ตามลำดับ เคยตระเวนชกโชว์ศิลปะมวยไทยไปทั่วโลกกับคณะของ อาจารย์เจือ จักษุรักษ์ เคยชกกับนักมวยชื่อดังรุ่นเดียวกันหลายคน เช่น ราวี เดชาชัย, สมพงษ์ เจริญเมือง, อดุลย์ ศรีโสธร โดยเฉพาะกับ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ถือได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้นกันโดยตลอด ซึ่งทั้งคู่เคยชกกันถึง 12 ครั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2513 เป็นมวยไทย 11 ครั้ง และ มวยสากลอาชีพ 1 ครั้ง โดยเดชฤทธิ์เป็นฝ่ายชนะไปแค่ 4 ครั้ง และในแบบมวยสากลอาชีพ เดชฤทธิ์เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 7 [3] เดชฤทธิ์เคยครองแชมป์มวยไทยรุ่นเฟเธอร์เวทและไลท์เวทของเวทีราชดำเนิน

ในแบบมวยสากล เคยชิงแชมป์ในรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวทของเวทีราชดำเนิน แต่เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปอย่างพลิกล็อก

เดชฤทธิ์ จบการศึกษาชั้นสูงสุด คือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จากโรงเรียนการช่างอินทราชัย[1] แขวนนวมไปในปี พ.ศ. 2517 หลังแขวนนวมแล้วได้รับราชการเป็นทหารบกชั้นประทวน สังกัดกรมสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.) โดยถือเป็นนักมวยไทยรายแรกด้วยที่เมื่อแขวนนวมแล้วมีรถเบนซ์เป็นของตนเอง ที่ได้มาจากค่าแรงของตนเมื่อครั้งชกมวย

ปัจจุบัน เดชฤทธิ์เป็นข้าราชการบำนาญ เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมนักมวยเก่าโดยมีฐานะเป็นกรรมการบริหาร[4][5] รวมถึงหารายได้พิเศษด้วยการร้องเพลงลูกทุ่งอยู่ที่โรงแรมอลิซาเบธ สะพานควาย[1]

ด้านชีวิตส่วนตัว เดชฤทธิ์สมรสกับ นิตยา ศรีนพ มีบุตรด้วยกัน 5 คน เป็นชาย 1 คนและหญิง 4 คน[1]