การพัฒนา

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 เบน แอฟเฟล็ก ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น บรูซ เวย์น / แบทแมน ใน จักรวาลขยายดีซี โดยมีแผนที่จะรับบทในภาพยนตร์อย่างน้อยสามเรื่อง[17] เขาเปิดตัวในภาพยนตร์ แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม (2016)[40] ต่อมาเขาปรากฏตัวใน ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย (2016)[41] และ จัสติซ ลีก (2017)[42] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 วอร์เนอร์บราเธอส์ เปิดเผยแผนการสร้างภาพยนตร์เดี่ยวของแบทแมน โดยมีแอฟเฟล็กแสดงนำ[43] และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เขาอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อกำกับและร่วมเขียนบทภาพยนตร์กับ เจฟฟ์ จอห์นส เดดไลน์ฮอลลีวูด รายงานว่า แอฟเฟล็กและจอห์นส์คาดว่าจะส่งบทร่างในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2015 และการถ่ายทำจะเริ่มต้นหลังแอฟเฟล็กทำภาพยนตร์ ลีฟ บาย ไนท์ เสร็จ เนื้อเรื่องจะต่อจากเหตุการณ์ใน แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน และ จัสติซ ลีก[44][45] แอฟเฟล็กกล่าวว่าภาพยนตร์จะนำเสนอเรื่องราวที่ "ส่วนใหญ่เป็นต้นฉบับ" ซึ่งใช้องค์ประกอบของหนังสือการ์ตูนเป็นแรงบันดาลใจ เหมือนกับที่ แซ็ก สไนเดอร์ ทำใน แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน[46] รอเบิร์ต ริชาร์ดสัน ผู้กำกับภาพในช่วงแรกของการพัฒนา กล่าวว่า บทภาพยนตร์ของแอฟเฟล็กดำเนินเรื่องอยู่ในอาร์แคมอะไซลัมและต่อสู้กับความวิกลจริต[47]

แอฟเฟล็กและจอห์นส์ร่างบทแรกเสร็จในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 จอห์นส์บอกเป็นนัยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสำรวจการเสียชีวิตของ โรบิน ซึ่งถูกบอกใบ้ไว้ใน แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน[48] ที่งานซีนีมาคอนในเดือนเมษายน ผู้บริหารสูงสุดของวอร์เนอร์บราเธอส์ เควิน สึจิฮาระ ยืนยันว่าภาพยนตร์กำลังเดินหน้าโดยมีแอฟเฟล็กเป็นผู้กำกับ[49][50] ในเดือนต่อมา เจเรมี ไอเอินส์และโจ แมงแกเนียลโล ยืนยันว่าจะปรากฏตัวในภาพยนตร์ โดยแมงแกเนียลโลแสดงเป็นเดธสโตรก[48]และ จาเรด เลโท แสดงความสนใจในการกลับรับบทเดิมของเขาเป็น โจ๊กเกอร์ จากใน ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย [51] แอฟเฟล็กเปิดเผยว่าชื่อเรื่องภาพยนตร์คือ เดอะ แบทแมน ในเดือนตุลาคม และในเดือนธันวาคม เขากล่าวว่าการถ่ายทำจะเริ่มต้นในช่วงกลางปี ค.ศ. 2017 กำหนดฉายปี ค.ศ. 2018[52] ในเดือนนั้น ภาคต่อของ จัสติซ ลีก ได้ถูกเลื่อนออกไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ เดอะ แบทแมน[53] อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 แอฟเฟล็กกล่าวว่าภาพยนตร์ยังไม่มีบทและเขาอาจจะไม่ได้กำกับ[54] แม้ว่าแอฟเฟล็กจะยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในกำกับ หลังเขาปรากฏตัวในรายการ จิมมี คิมเมล ไลฟ์![55] แต่ในสิ้นเดือน เขาตัดสินใจถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้กำกับและผู้เขียนบท ถึงกระนั้น เขากล่าวว่าเขายังคงแสดงนำและอำนวยการสร้าง[56] ณ จุดนี้ คริส เทอร์ริโอ ได้ส่งบทภาพยนตร์ที่เขียนใหม่[57]

ในตอนแรก แอฟเฟล็กอ้างถึงความตั้งใจของเขาที่ก้าวลงจากตำแหน่งผู้กำกับว่า ทำให้เขาโฟกัสไปที่การแสดงเป็นแบทแมนมากขึ้น ภายหลังรับรู้ว่าหลังจากพยายามหลายครั้งเพื่อให้ได้บทภาพยนตร์ที่เขาต้องการ จนกลายเป็น "ถึงเวลาปล่อยให้คนอื่นลองทำมัน"[58] บอรีส์ คิต แห่ง เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เทอร์ เสริมว่า ภาพยนตร์ของแอฟเฟล็กนั้นถูก "กีดกัน" หลังวอร์เนอร์บราเธอส์เริ่มประเมินแนวทางใหม่สำหรับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร[7] แมตต์ โรสส์, ริดลีย์ สก็อตต์และเฟเด อัลวาเรซ ได้รับการพิจารณาให้แทนที่แอฟเฟล็ก[57][59] ก่อนที่ แมตต์ รีฟส์ จะเข้ามาเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 และการถ่ายทำถูกเลื่อนออกไปถึงปี ค.ศ. 2018 เพื่อให้เขาทำภาพยนตร์ มหาสงครามพิภพวานร เสร็จ[48][60] ในเดือนมีนาคม รีฟส์เริ่มทำงานเขียนบทภาพยนตร์ใหม่ทั้งหมดและจะไม่พบกับนักแสดงที่มีศักยภาพ อย่างน้อยจนถึงเดือนกรกฎาคม[61] รีฟส์กล่าวในบทสัมภาษณ์ว่า "เกือบจะขับเคลื่อนด้วยนัวร์, ในรูปแบบนักสืบของแบทแมน" เน้นไปที่จิตใจและความคิดของตัวละครและได้รับแรงบันดาลใจจาก อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก[62][63] รีฟส์ได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่โดยเน้นไปช่วงที่แบทแมนเริ่มต้นอาชีพศาลเตี้ยของเขา[64] และกล่าวว่าจะสำรวจด้านนักสืบของตัวละครในระดับที่มากกว่าภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[65] ในเดือนสิงหาคม รีฟส์กล่าวว่าภาพยนตร์ยังดำเนินเรื่องอยู่ในจักรวาลขยายดีซี แต่ "มันจะไม่เต็มไปด้วยนักแสดงรับเชิญ เพื่อช่วยเหลือเรื่องราวอื่น ๆ" หลังรีฟส์เริ่มเขียนบทภาพยนตร์ใหม่ โจ แมงแกเนียลโล กล่าวว่าเขาไม่แน่ใจว่าเดธสโตรกจะยังปรากฏตัวอยู่หรือไม่[66]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 รีฟส์ปรากฏตัวในพาแนลของสมาคมนักวิจารณ์โทรทัศน์และเปิดเผยรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับภาพยนตร์ เขายืนยันว่า เดอะ แบทแมน เป็นเรื่องราวต้นฉบับ, ที่ขับเคลื่อนด้วยนัวร์และไม่ใช่เรื่องราวต้นกำเนิด เขาเปิดเผยว่าบทภาพยนตร์ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วและการเชื่อมโยงกับจักรวาลขยายดีซีนั้นยังมีอยู่แล้วแต่จะน้อยที่สุด[65] รีฟส์กล่าวว่าเขา "กำลังจะได้บทร่างของเราในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและสิ่งต่าง ๆ กำลังคืบหน้า" หวังว่าจะเริ่มการถ่ายทำในช่วงต้นถึงกลางปี ค.ศ. 2019[67] รีฟส์ส่งบทร่างแรกให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์ในเดือนถัดมา[68] การมีส่วนร่วมของแอฟเฟล็กนั้นยังมีข้อสงสัย คิม มาสเทอร์ส แห่ง เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เทอร์ รายงานในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017 ว่าวอร์เนอร์บราเธอส์กำลังมองหานักแสดงมาแทนที่แอฟเฟล็ก[69] เรื่องนี้กลายเป็นความจริงมากขึ้นจากรายงานเพิ่มเติมที่ระบุว่า รีฟส์ต้องการให้นักแสดงอายุน้อยกว่ามาแสดงเป็นแบทแมน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 แอฟเฟล็กเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพจากการเสพสุรา ทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมว่าเขากลับมารับบทเดิมของเขาหรือไม่[70] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 วอร์เนอร์บราเธอส์กำหนดวันฉายของ เดอะ แบทแมน คือวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 และแอฟเฟล็กยืนยันว่าเขาถอนตัวออกจากโครงการ[18] แอฟเฟล็กเปิดเผยในปี ค.ศ. 2020 เหตุผลที่เขาถอนตัว เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ การหย่าของเขากับเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, การถ่ายทำที่วุ่นวายของภาพยนตร์ จัสติซ ลีก, การที่เขาไม่มีความสุขกับบทบาทและปัญหาติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเขา[71][72] "ผมโชว์บท แบทแมน ให้ [เพื่อนของผม] ดู" เขานึกถึง "พวกเขาพูดว่า 'เราคิดว่าบทนั้นดี เรายังคิดว่านายจะดื่มจนตาย ถ้านายผ่านสิ่งที่นายเพิ่งผ่านไปอีกครั้ง"[71]

ก่อนการถ่ายทำ

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2019 โรเบิร์ต แพตตินสัน, นิโคลัส เฮาลต์, อาร์มี แฮมเมอร์และแอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน อยู่ในรายชื่อนักแสดง ที่จะมาแทน เบน แอฟเฟล็ก ในบทแบทแมน โดยมีแพตตินสันเป็นตัวเต็ง[1][73][74] รีฟส์เริ่มพิจารณาแพตตินสันในช่วงแรกของการพัฒนา แต่ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการมีส่วนร่วมหรือไม่และไม่ได้ติดต่อกับเขา[7] การหลีกเลี่ยง "ภาพยนตร์แฟรนไชส์ของสตูดิโอขนาดใหญ่" ของแพตตินสัน หมายความว่าเขายังไม่เคยปรากฏตัวในโครงการใด ๆ ของมาร์เวลสตูดิโอซึ่งเป็นคู่แข่งเลย ทำให้วอร์เนอร์บราเธอร์สนั้นถูกใจเขา เฮาลต์เป็นคู่แข่งคนอื่นที่สำคัญ ของบทบาทนี้ เฮาลต์เคยปรากฏตัวภาพยนตร์ชุด X-เม็น ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนของมาร์เวลคอมิกส์ ซึ่งไม่ได้ดำเนินเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลของมาร์เวลสตูดิโอ และคิตระบุว่า "เฮาลต์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับภาพยนตร์เหล่านั้น แต่ไม่มีใครจำได้" เนื่องจากการแต่งหน้าของเขา[7]

รีฟส์ "ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตรวจสอบผลงานของนักแสดงสองคน" และเขาพบกันพวกเขาทั้งสองในเดือนเมษายน ในวันที่ 20 พฤษภาคม ทั้งสองคนบินไป เบอร์แบง, แคลิฟอร์เนีย เพื่อนทดสอบหน้ากล้อง รีส์เลือกแพตตินสัน เพราะ "ต้องการสิ่งที่เฉพาะเจาะจงอย่างมาก"[7] และวันที่ 31 พฤษภาคม แพตตินสันได้รับการคัดเลือก[6][7][75] ข่าวการคัดเลือกนักแสดงของแพตตินสันนั้นรั่วไหล ก่อนที่เขาจะทดสอบหน้ากล้องไม่นานนัก โดยแพตตินสันเล่าว่า "ผมแม่งโคตรโกรธ ทุกคนหงุดหงิดมาก ทุกคนตื่นตระหนกจากทีมของผม ผมคิดว่ามันกันทุกอย่างระเบิดหายไปทั้งหมด" การคัดเลือกนักแสดงได้รับตอบรับที่รุนแรงจากแฟน ๆ แบทแมน มีบางคนตั้งคำร้องใน Change.org เพื่อให้เปลี่ยนนักแสดงกลับเป็นคนเดิม แต่แพตตินสันกล่าวว่า เขาพบว่าการตอบรับนั้น "ทำลายความรู้สึกน้อยกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้ [...] มันสนุกกว่ามากเมื่อคุณเป็นมวยรอง ไม่มีความคาดหวังจากคุณ"[9]

เจฟฟรีย์ ไรท์ เข้าสู่การเจรจาเพื่อเล่นเป็น เจมส์ กอร์ดอน ในเดือนกันยายน และ โจนาห์ ฮิลล์ เข้าสู่การเจรจาเพื่อเล่นเป็น ริดเลอร์ หรือ เพนกวิน[29][76] ในเดือนตุลาคม ไรท์ได้รับคัดเลือกแต่ฮิลล์ออกจากการเจรจา[21][77] จัสติน โครลล์ ของ วาไรตี รายงานว่า ฮิลล์ต้องการค่าตัวเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนเงินมากกว่าที่แพตตินสันจะรับได้ถึงสองเท่า[78] คิตเขียนว่าวอร์เนอร์บราเธอส์และฮิลล์ ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะรับบทใด[76] โซอี คราวิตซ์ ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น เซลีนา ไคล์ / แคตวูแมน (กลับมารับบทเดิมของเธอจากภาพยนตร์เรื่อง เดอะ เลโก้ แบทแมน มูฟวี่ ในปี ค.ศ. 2017)[19] หลังทดสอบหน้ากล้องกับแพตตินสัน อนา เดอ อาร์มาส, เอลลา บาลินสกาและเอซา กอนซาเลซ เข้ามาแข่งขันเพื่อบทบาทนี้ด้วย[21] พอล เดโน ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็นริดเลอร์หลังจากนั้นไม่นาน[24] มีการเปิดเผยว่า แมตต์สัน ทอมลิน ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับรีฟส์[19][79] ในเดือนพฤศจิกายน แอนดี เซอร์กิส, โคลิน ฟาร์เรลและจอห์น ตรูตรูโร ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น อัลเฟรด เพนนีเวิร์ท, เพนกวินและคาร์มายน์ ฟาลโคน ตามลำดับ[35][80][31] เจมี ลอว์สัน เข้าร่วมกับนักแสดงเป็นนักการเมือง[34] ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ได้รับคัดเลือกในเดือนธันวาคม[81]