เรื่องย่อ ของ เดอะดรีมเควสต์ออฟอันโนนคาดัธ

วิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:

แรนดอล์ฟ คาเตอร์ได้ฝันเห็นเมืองอันสวยงามยามพระอาทิตย์ตกดินถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็ตื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นมันใกล้ๆ เมื่อคาเตอร์สวดมนต์ถึงเหล่าเทพแห่งความฝันให้บอกว่าเมืองลึกลับนั้นอยู่ที่ใดก็ไม่ได้รับคำตอบ อีกทั้งยังหยุดฝันถึงเสียเลยด้วย คาเคอร์จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปยังปราสาทคาดัธที่เหล่าเทพอยู่เพื่อถามต่อหน้า แต่ก็ไม่เคยมีใครเคยไปคาดัธหรือรู้ว่าปราสาทนั้นอยู่ไหน

คาเตอร์ได้ฝันว่าตนได้ลงบันไดเจ็ดสิบขั้นสู่คูหาแห่งเพลิง และได้พูดกับนักบวช นัชท์ กับ คามัน ทาห์ ผู้อยู่ในวิหารซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนของโลกแห่งความฝัน ทั้งสองได้เตือนคาเตอร์ถึงอันตรายที่รออยู่ในภายภาคหน้าและบอกว่าเหล่าเทพต้องมีเหตุผลที่ปิดบังนิมิตรของเมืองแห่งนั้น

เริ่มเดินทาง

คาเตอร์เข้าไปในป่าเวทมนตร์และพบกับ ซุก สิ่งมีชีวิตกินเนื้อทรงปัญญารูปร่างเหมือนหนู คาเตอร์นั้นมีประสบการณ์การเดินทางในโลกแห่งความฝันมาแล้วและรู้ภาษากับธรรมเนียมของซุกเป็นอย่างดี ซุกนั้นไม่ทราบว่าคาดัธอยู่ที่ไหน แต่ได้แนะนำให้คาเตอร์ไปหานักบวชอทาล ที่เมืองอุลธาร์ ซึ่งเป็นผู้รู้เรื่องราวของเหล่าเทพ

ในเมืองอุลทาร์ที่เต็มไปด้วยแมว คาเตอร์ได้พบกับอทาลผู้บอกเขาเรื่องภาพสลักของเหล่าเทพที่ภูเขาไฟงราเนค คาเตอร์เข้าใจว่าถ้าเขาได้เห็นภาพสลักของเทพและสามารถหาสถานที่ซึ่งมนุษย์สืบเชื้อสายมาจากเทพและมีรูปลักษณ์เช่นเดียวกันได้แล้ว เขาก็ต้องเข้าใกล้คาดัธแล้วนั่นเอง

เกาะโอริอับ

คาเตอร์เดินทางต่อไปยังเมืองไดลัธ ลีนเพื่อหาทางไปยังเกาะโอริอับ แต่ได้ถูกกลุ่มคนโพกผ้าจับและพาตัวไปดวงจันทร์ด้วยเรือสีดำ ก่อนจะรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นทาสของเหล่าอสุรกายที่เรียกว่ามูนบีสต์ ซึ่งมูนบีสต์ได้พาคาเตอร์ไปหาไนอาลาโธเทป แต่ระหว่างทางนั้นเหล่าแมวจากอุลธาร์ได้โจมตีขบวนของมูนบีสต์และช่วยพาคาเตอร์กลับไปยังท่าเรือของไดลัธ ลีน

คาเตอร์ขึ้นเรือไปยังบาฮาร์นาซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ของเกาะโอริอับ ขณะที่เดินทางข้ามเกาะโดยนั่งม้าลายไปนั้น คาเตอร์ได้ยินผู้คนกระซิบถึงไนท์กอนท์ คาเตอร์ได้ปีนข้ามภูเขาไฟงราเนคและพบกับภาพสลักขนาดมหึมาของเหล่าเทพและนึกได้ว่ารูปลักษณ์นั้นคล้ายกับกะลาสีซึ่งค้าขายที่ท่าเรือเซเลฟาอิส แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร คาเตอร์ก็ถูกไนท์กอนท์จับและพาตัวไปทิ้งไว้ในหุบเขาพนาธในแดนใต้พิภพ

คาเตอร์ได้พบกับเหล่ากูลซึ่งเป็นมิตรและได้พบกับเพื่อนเก่า ริชาร์ด พิคแมน ซึ่งได้กลายเป็นกูลไปแล้วเช่นกัน พิคแมนตกลงที่จะช่วยคาเตอร์กลับไปโลกเบื้องบนอีกครั้ง คาเตอร์เดินทางผ่านนครอันน่ากลัวของกักไปยังหอคอยคอธซึ่งมีบันไดอันพากลับไปโลกเบื้องบนได้ เหล่ากูลพยายามลอบผ่านเมืองไปในขณะที่เหล่ากักหลับอยู่ แต่แกสต์ที่เป็นศัตรูของกักก็บุกเข้าโจมตีเมืองในขณะนั้นพอดี ถึงกระนั้นพวกคาเตอร์ก็สามารถหนีกลับไปโลกเบื้องบนและเปิดประตูไปยังป่าเวทมนตร์ได้

เดินทางสู่เซเลฟาอิส

คาเตอร์ได้พบกับพวกซุกที่กำลังเตรียมทำสงครามกับแมวแห่งอุลธาร์ เขาได้เตือนพวกแมวทำให้เหล่าแมวโจมตีซุกขณะที่ไม่ตั้งตัวได้ หลังจากที่พ่ายแพ้แล้ว เหล่าซุกก็ได้ยอมรับสัญญาใหม่กับแมว

คาเตอร์เดินทางไปยังเมืองธรานและขึ้นเรือไปยังเซเลฟาอิส ระหว่างทางนั้นเขาได้ถามกะลาสีถึงกลุ่มคนที่ค้าขายที่เซเลฟาอิสซึ่งคาเตอร์เชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับเทพ คาเตอร์ได้ทราบว่าคนเหล่านั้นมาจากแดนอินกานอคอันมืดมิดหนาวเย็น[6] และมีน้อยคนนักจะกล้าไปที่นั่น ที่นั้นไม่มีแมวอยู่ และก็อยู่ใกล้ที่ราบสูงแห่งเลงซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าอมนุษย์ชั่วร้ายมากเกินไป

ที่เซเลฟาอิส คาเตอร์ได้พบกับคูราเนส ผู้เป็นสหายเก่าและราชาของเมือง คูราเนสเป็นนักเดินทางในความฝันซึ่งรู้จักกับคาเตอร์ในโลกมนุษย์ แต่ได้อยู่ในโลกแห่งความฝันเป็นการถาวรหลังจากที่ตายไปแล้ว คูราเนสรู้ว่าภารกิจของคาเตอร์นั้นเป็นอันตรายเพียงใดและพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาล้มเลิก แต่คาเตอร์ก็ไม่เปลี่ยนใจ

สู่ดินแดนอันมืดและหนาวเย็น

คาเตอร์ร่วมเป็นลูกเรือเดินทางไปสู่อินกานอค ประเทศที่เต็มไปด้วยโอนิกซ์ การเดินทางครั้งนี้เป็นเวลาสามสัปดาห์ เมื่อใกล้ถึง คาเตอร์ได้เห็นเกาะหินแกรนิตประหลาด ซึ่งกัปตันบอกคาเตอร์ว่าเป็นเพียงหินไร้ชื่อที่ไม่ควรจะพูดถึง คืนนั้น คาเตอร์ก็ได้ยินเสียงหอนประหลาดดังจากเกาะนั้น

เมื่อคาเตอร์ไปยังอินกานอคก็ได้ซื้อจามรีและเดินทางไปทางเหนือด้วยความหวังว่าเมื่อพ้นหุบเขาโอนิกซ์แล้วเขาจะไปถึงคาดัธได้ เมื่อคาเตอร์ไปถึงยอดเขาก็ได้เห็นหุบเขาอันใหญ่โต แต่จามรีก็เกิดตื่นกลัวและทิ้งคาเตอร์ไปขณะเดินทางไปหุบเขานั้น

คาเตอร์ถูกชายตาเขซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่ไดลัธ ลีน ชายคนนั้นเรียกแชนแทคมาให้พาทั้งคู่ไปยังที่ราบแห่งเลงซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเทพแพนเพื่อให้คาเตอร์พบกับ"นักบวชผู้ไม่อาจบรรยายได้"ในอารามแห่งหนึ่ง ทำให้คาเตอร์คิดว่าชายตาเขผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่พยายามขัดขวางเขาเช่นกัน

นักบวชผู้นั้นสวมผ้าคลุมและหน้ากากซึ่งทำจากไหม คาเตอร์ทราบจากนักบวชว่าชายโพกผ้าและพวกพ่อค้าแห่งไดลัธ ลีนนั้นก็คือมนุษย์แห่งเลงที่ใช้ผ้าปิดเขาของตนไว้ และไนท์กอนทืนั้นก็มิได้รับใช้ไนอาลาโธเทปแต่เป็นนอเดนส์ ซึ่งแม้แต่เหล่าเทพแห่งโลกก็หวาดกลัวไนท์กอนท์ คาเตอร์นั้นกลัวว่านักบวชผู้นี้จะเป็นไนอาลาโธเทปและฉวยโอกาสที่ชายตาเขเผลอผลักลงไปในบ่อน้ำก่อนจะหนีไป ซึ่งทางเดินในอารามนั้นทั้งมืดและวกวนเหมือนเขาวงกต แต่คาเตอร์ก็ออกมาข้างนอกได้และรู้ว่าอารามนี้ก็คือซากโบราณซาร์โคมานด์ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเล

คาเตอร์ได้พบกับพวกกูลอีกครั้ง เหล่ากูลนั้นถูกมนุษย์แห่งเลงจับและพาไปยังหินไร้ชื่อ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นหน้าด่านของมูนบีสต์ คาเตอร์เรียกกูลจากใต้พิภพเพื่อยึดเรือและช่วยเหลือเพื่อนๆก่อนจะยกกำลังไปต่อสู้กับมูนบีสต์ที่เกาะนั้น เหล่ากูลชนะแต่คาเตอร์กังวลว่าพวกมูนบีสต์อาจจะมาสมทบอีกจึงกลับไปซาร์โคมานด์อีกครั้ง ก่อนจะเรียกให้ฝูงไนท์กอนท์มาพาตนและเหล่ากูลไปยังปราสาทคาดัธ

บทสรุป

เมื่อไปถึงคาดัธ คาเตอร์ก็พบว่าเหล่าเทพได้ไปจากที่นั้นจนหมดแล้ว แต่ได้พบกับชายผู้มีลักษณะคล้ายฟาโรห์ ผู้บอกว่าเหล่าเทพแห่งโลกนั้นได้เห็นเมืองในฝันของคาเตอร์และตัดสินใจย้ายไปที่นั่นหมดแล้ว เทพเหล่านั้นมิใช่เทพอีก หากแต่เป็นคนธรรมดาในเมืองนั้น ฟาโรห์บอกคาเตอร์ให้ไปยังเมืองนั้นเพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมก่อนจะบอกว่าแท้จริงแล้วคาเตอร์รู้จักเมืองนั้นดี ภาพอันสวยงามที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงภาพรวมของสิ่งที่คาเตอร์เคยเห็นและรักทั้งสิ้น แล้วฟาโรห์จึงได้เปิดเผยตัวจริงว่าตนก็คือไนอาลาโธเทป ความวุ่นวายที่คืบคลาน ทูตของเทพอื่นผู้อยู่ในอวกาศอันดำมืด

ไนอาลาโธเทปให้คาเตอร์นั่งไปบนแชนแทคเพื่อเดินทางข้ามอวกาศไปยังเมืองตะวันตกดินนั้น แต่ในที่สุดคาเตอร์ก็รู้ตัวว่าตนถูกไนอาลาโธเทปหลอกและแชนแทคนั้นกำลังพาคาเตอร์ไปยังที่พำนักของอซาธอท ณ ใจกลางของจักรวาล ขณะที่คิดว่าตนต้องพบหายนะแน่แล้วนั้น คาเตอร์ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนยังอยู่ในฝันและตัดสินใจกระโดดลงจากแชนแทคสู่อวกาศอันมืดมิด เมื่อคาเตอร์ตื่นขึ้นก็เห็นว่าตนไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความฝันอีก หากแต่เป็นห้องของตน ที่ซึ่งเขาสามารถเห็นเมืองบอสตันใต้แสงอาทิตย์อันงดงามได้

ใกล้เคียง

เดอะดูว็อปแอนด์ฮูลิแกนส์ทัวร์ เดอะดรีมเควสต์ออฟอันโนนคาดัธ เดอะดูเอ็ตส์คอนเสิร์ต เดอะดอส์ เดอะดาร์กไซด์ออฟเดอะมูน เดอะดอกเตอร์ เดอะดรีมเมอร์ คอนโด/บาริสต้า/สถาปนิก เดอะดัตเชส เดอะดับเบิลยูบี เดอะดิไวน์คอนสไปเรซี