สโมสรอาชีพ ของ เตียโก_อัลกันตารา

ช่วงแรก

เตียโกเกิดที่ซานปีเอโตรเวร์โนตีโกในอิตาลี ซึ่งในตอนนั้น มาซิญโญ บิดาของเขา (ผู้เล่นทีมชาติบราซิลตั้งแต่ ค.ศ. 1989 ถึง 1994) เล่นให้กับเลชเช เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับฟลาเม็งกูในบราซิล ต่อมาเมื่ออายุได้ห้าขวบ เขาได้ย้ายไปสเปนพร้อมกับบิดา และเริ่มเล่นให้กับยูเรชา ทีมในแคว้นกาลิเซีย ใน ค.ศ. 2001 เขาเล่นให้กับเคลเม ในขณะที่บิดาเล่นให้กับเอลเช[3][4] เขาย้ายกลับฟลาเม็งกูเมื่อตอน 10 ขวบ และใน ค.ศ. 2005 ได้ย้ายกลับสเปนอีกครั้งพร้อมเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนา ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขา มารีเอลู ดอส ซังตูส ก็เล่นให้กับสโมสรนี้[5]

บาร์เซโลนา

วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 เตียโกในวัย 18 ปี ลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชุดแรกในฐานะตัวสำรองแทนเอย์ดืร์ กวึดยอนแซนในนาทีที่ 74 ในนัดที่แพ้ 1–2 มายอร์กา ซึ่งบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว[6] นัดนั้นเป็นการลงเล่นเพียงนัดเดียวของเขาในฤดูกาลนั้น[7]

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนยาย่า ตูเรในนาทีที่ 76 และทำประตูแรกในนามสโมสรช่วยให้เปิดบ้านเอาชนะราซินเดซันตันเดร์ 4–0[8] ต่อมาเขาทำประตูที่สามในนัดที่พบกับเรอัลโซซิเอดัดเมื่อวันที่ 29 เมษายน นัดนั้นเขาลงเล่นเป็นตัวจริงและบาร์เซโลนาแพ้ไป 2–1[9] เขาจบฤดูกาล 2010–11 ด้วยการลงเล่น 17 นัด ทำ 3 ประตูและ 3 แอสซิสต์ เขามีชื่อเป็นตัวสำรองในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2011 ที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเวมบลีย์[10]

เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2011–12 ด้วยการลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา เลกแรก ที่พบกับเรอัลมาดริด เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58 และชาบีลงแล่นแทน เขามีชื่อเป็นสำรองในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2011 ที่บาร์เซโลนาเอาชนะโปร์ตู เขาทำประตูในนัดเปิดสนามลาลิกาของบาร์เซโลนาที่เปิดบ้านเอาชนะบิยาร์เรอัล 5–0[11] ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่บาร์เซโลนาเอาชนะซังตุสที่สนามกีฬานานาชาติโยโกฮามะ 4–0[12] เตียโกทำประตูที่ห้าของบาร์เซโลนาในนัดที่เอาชนะราโยบาเยกาโน 7–0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน[13]

ไบเอิร์นมิวนิก

2013–15: ฤดูกาลแรกและอาการบาดเจ็บ

ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา

เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนเซ็นสัญญา[14]

วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เตียโกเซ็นสัญญาสี่ปีกับไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกาด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร[15] ไบเอิร์นจะจ่ายเงิน 20 ล้านยูโรโดยตรงแก่บาร์เซโลนา และจะจัดเกมกระชับมิตรระหว่างสองทีม เตียโกจะได้รับเงินที่บาร์เซโลนาติดหนี้กับเขาไว้[16] การย้ายตัวเกิดขึ้นแม้ว่าบาร์เซโลนาเพิ่งจะขยายสัญญากับเตียโกใน ค.ศ. 2011 ทำให้เขามีค่าปล่อยตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์[17] บาร์เซโลนาล้มเหลวในการบรรลุเงื่อนไขสัญญาเนื่องจากเขาไม่ได้ลงเล่นด้วยเวลาที่เพียงพอ ค่าซื้อตัวของเขาจึงลดลงเหลือ 18 ล้านยูโร[17] ผู้จัดการทีมคนใหม่ของไบเอิร์น เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวก่อนที่เตียโกจะย้ายมาไบเอิร์นว่า "ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา"[18]

เตียโกลงเล่นนัดแรกให้กับไบเอิร์นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่พ่ายแพ้ต่อโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4–2 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขาลงเล่นนัดแรกในบุนเดิสลีกาในนัดที่บุกเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 0–1 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2013[19]

วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เขาทำประตูแรกให้กับไบเอิร์นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013 ช่วยให้เอาชนะรายาคาซาบลังกาจากโมร็อกโก 2–0[20] ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในบุนเดิสลีกาใส่ชตุทท์การ์ท โดยประตูนี้ได้รับการลงคะแนนให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน[21] นอกจากนี้ เขายังแอสซิสต์ให้เกลาดิโอ ปิซาร์โรทำประตูแรกช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะ 2–1[22] สี่วันถัดมา ในนัดที่พบกับไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท เขาสัมผัสบอลถึง 185 ครั้ง นับเป็นสถิติสูงสุดของบุนเดิสลีกา[23] วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เตียโกทำสองประตูช่วยให้ทีมเอาชนะฮันโนเฟอร์ 96 4–0[24] อย่างไรก็ตาม เอ็นเข่าของเขาขาดในนัดที่พบกับ 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ในอีกหกวันถัดมา[25] ทำให้ต้องจบฤดูกาลด้วยการทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 16 นัด[26] นอกจากนี้ เขายังลงเล่นในเยอรมันคัพ 2 นัด[26] แชมเปียนส์คัพ 4 นัด[26] เยอรมันซูเพอร์คัพ 1 นัด[7] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2 นัด[7]

เตียโกในการฝึกซ้อมเมื่อ ค.ศ. 2015

หลังจากที่ต้องหยุดพักเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เตียโกกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2015 โดยลงเล่นแทนที่ฟิลิปป์ ลาห์มในช่วง 21 นาทีสุดท้ายในนัดที่เอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1–0[27] สี่วันถัดมา เขาลงเล่นแทนที่ลาห์มอีกครั้งในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับไบเออร์เลเวอร์คูเซิน เขาทำประตูชัยในช่วงการดวลลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในเวลาแบบไร้ประตู[28] วันที่ 15 เมษายน เขาทำประตูในแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรกที่บุกแพ้โปร์ตู 1–3[29] สี่วันถัดมา เขาโหม่งประตูจากลูกเปิดของฆวน เบร์นัต ช่วยให้ทีมเปิดบ้านล้างแค้นเอาชนะโปร์ตู 6–1 ทำให้ไบเอิร์นผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[30] วันที่ 26 เมษายน หลังจากที่เฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์คแพ้ให้กับโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค เตียโกชนะเลิศบุนเดิสลีกาสมัยที่สองกับไบเอิร์น[31] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำสองประตูจากการลงเล่น 13 นัด[32]

2015–17: ดับเบิลแชมป์ในประเทศและความสำเร็จส่วนตัว

วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2015 เตียโกขยายสัญญากับไบเอิร์นอีก 4 ปี[33] ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 3–0 ในการแข่งขันเดเอ็ฟเบ-โพคาลรอบก่อนรองชนะเลิศ[34] เขาทำสองประตูในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะแวร์เดอร์เบรเมิน 5–0 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม[35] ต่อมาในวันที่ 17 มีนาคม เตียโกทำประตูช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลังยูเวนตุส 0–2 กลับมาเอาชนะได้ 4–2 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[36] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 4 ประตูและ 7 แอสซิสต์[37] เขาทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 27 นัด[38] ทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในเยอรมัน 5 นัด[38] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก 9 นัด[38]

เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2016–17 ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างการ์โล อันเชลอตตี ด้วยการพาทีมเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2–0 จนสามารถคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2016[39][40] วันที่ 21 กันยายน เขาทำประตูแรกของฤดูกาล ช่วยให้ทีมเอาชนะแฮร์ทา เบเอ็สเซ 3–0[41] เตียโกทำหนึ่งประตูและหนึ่งแอสซิสต์ในนัดที่เอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด[42] วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เขาทำสองประตูและหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะอาร์เซนอล 5–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[43] วันที่ 28 เมษายน เขาขยายสัญญากับสโมสรอีกสี่ปีหรือจนถึง ค.ศ. 2021[44] เขาทำ 9 ประตูและ 9 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล[45]

2017–20: ผู้เล่นตัวจริงและแชมป์ยุโรป

อาการบาดเจ็บทำให้เตียโกไม่สามารถลงเล่นในการแข่งขันนัดแรกของฤดูกาล 2017–18 ซึ่งเป็นเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่ไบเอิร์นเอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในการยิงลูกโทษ 5–4 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2017[46][47] ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม เขาทำประตูตามตีเสมอแอร์เบ ไลพ์ซิช 1–1 ในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบที่สอง ก่อนที่ไบเอิร์นจะสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 5–4[48] วันที่ 23 พฤศจิกายน เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 44 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาในนัดที่ไบเอิร์นบุกเอาชนะอันเดอร์เลคต์ 2–1 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ยุพ ไฮน์เคิส ผู้จัดการทีม ยืนยันว่าเขาจะต้องพักยาว[49][50] เตียโกกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดที่บุกเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์ค 2–1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[51][52] ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้ไบเอิร์นบุกเอาชนะเซบิยา 2–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ[53] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 7 ประตูจากการลงเล่น 31 นัด[54]

วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เตียโกลงเล่นนัดแรกของฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างนิคอ คอวัช เขาทำหนึ่งประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 5–0 พาไบเอิร์นคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้สำเร็จ[55] วันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เตียโกพาไบเอิร์นชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่หกติดต่อกัน โดยทีมมี 78 คะแนนซึ่งเหนือกว่าดอร์ทมุนท์เพียงสองคะแนนเท่านั้น สัปดาห์ถัดมา เตียโกชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาลเป็นสมัยที่สามของเขา หลังจากที่ไบเอิร์นสามารถเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศ[56] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 3 ประตูจากการลงเล่น 42 นัด

ท่ามกลางสื่อที่ประโคมข่าวอย่างหนักว่าเขามีโอกาสย้ายไปลิเวอร์พูล[57] เตียโกลงเล่นให้กับไบเอิร์นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างบาร์เซโลนา สุดท้ายแล้ว ไบเอิร์นสามารถเอาชนะทีมจากแคว้นกาตาลันไปได้อย่างขาดลอย 8–2[58] เตียโกลงเล่นเป็นตัวจริงในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่พบกับปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยเขาได้ลงเล่น 86 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก บาเอิร์นชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกาและเอาชนะไบเออร์เลเวอร์คูเซินในเดเอ็ฟเบ-โพคาล นัดชิงชนะเลิศ[59][60][61]

ลิเวอร์พูล

ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 4 ปี[62] โดยเตียโกได้สวมเสื้อหมายเลข 6[63] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[64] ผลงานของเตียโกในนัดนี้สถิติโดยรวมก็คือผ่านบอลสำเร็จ 75 ครั้งในเวลาแค่ 45 นาทีมากกว่านักเตะทุกคนของเชลซี ที่ลงเล่นตลอดทั้งเกม และนับตั้งแต่มีการเก็บสติติการผ่านบอลในปี 2003 เป็นต้นมา เตียโกเป็นผู้เล่นที่สามารถผ่านบอลสำเร็จได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก สำหรับผู้เล่นที่อยู่ในสนามไม่เกิน 45 นาที[65]

ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2020 สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศว่าเตียโกได้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

แหล่งที่มา

WikiPedia: เตียโก_อัลกันตารา http://www.portalbarra.com.br/html/entrevistas/cop... http://www.bdfutbol.com/en/j/j8452.html http://www.bdfutbol.com/en/p/j8452.html?cat=SEL http://www.bundesliga.com/en/bundesliga-tv/officia... http://www.espnfc.com/player/135293/thiago?season=... http://www.espnfc.com/player/135293/thiago?season=... http://www.goal.com/en-gb/match/63273/rayo-valleca... http://www.goal.com/en-gb/match/bayer-leverkusen-v... http://www.goal.com/en-gb/news/2914/champions-leag... http://www.goal.com/en-us/news/55/main/2018/02/17/...