เต่าตนุ [ตะ-หฺนุ] เป็น
เต่าทะเลชนิดหนึ่ง มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chelonia mydas อยู่ในวงศ์ Cheloniidae และเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ใน
สกุล Chelonia
[1]เต่าตนุเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมี
น้ำหนักมากเมื่อโตเต็มที่ โดยมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม หัวป้อมสั้น ปากสั้น เกล็ดเรียงต่อกันโดยไม่ซ้อนกัน กระดองหลังโค้งนูนเล็กน้อย บริเวณกลางหลังเป็นแนวนูนเกือบเป็นสัน ท้องแบนราบขาทั้งสี่แบนเป็นใบพาย ขาคู่หลังมีขนาดเล็กกว่าขาคู่หน้ามาก ขาคู่หน้ามีเล็บแหลมเพียงข้างละชิ้น สีของกระดองดูเผิน ๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น แต่ถ้าหากพิจารณาให้ละเอียดจะพบว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดของกระดองหลังมีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ขอบเกล็ดมีสีอ่อน ๆ เป็นรอยด่างและมีลายเป็นเส้นกระจายออกจากจุดสีแดงปนน้ำตาล คล้ายกับแสงของ
พระอาทิตย์ที่ลอดออกจาก
เมฆ จึงมีชื่อเรียกเต่าชนิดนี้ว่าอีกชื่อหนึ่งว่า "เต่าแสงอาทิตย์" ขณะที่
ชาวตะวันตกเรียกว่า "เต่าเขียว" อันเนื่องจากมีกระดองเหลือบสีเขียวนั่นเอง
[2]เต่าชนิดนี้เป็นเต่าที่กินทั้งพืชและสัตว์ แต่จะกินพืชเป็นหลัก โดยกินอาหารจำพวก
หญ้าทะเลหรือ
สาหร่ายทะเล โดยมีสัตว์น้ำขนาดเล็กทั่วไป เช่น ปลาหรือ
แมงกะพรุน เป็นอาหารรองลงไป เรามักพบเต่าตนุในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งหรือตามเกาะต่าง ๆ โดยกระจายพันธุ์ทั้งใน
มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และ
มหาสมุทรแปซิฟิก ในน่านน้ำไทยพบทั้งที่
อ่าวไทยและ
ทะเลอันดามัน นับเป็นเต่าทะเลชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย โดยมักพบในเขตที่มีอุณหภูมิน้ำที่ค่อนข้างอุ่น คือ สูงกว่า 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยขึ้นมาวางไข่มากที่
เกาะครามและ
เกาะกระในอ่าวไทย และทางฝั่งทะเลอันดามันพบวางไข่มากที่
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนชายหาดและเกาะหลายแห่งใน
จังหวัดภูเก็ตและ
พังงา[3]เต่าตนุโตเต็มที่เมื่ออายุได้ 4–7 ปี เชื่อกันว่าอายุยืนถึง 80 ปี
[4] ฤดูวางไข่ตกอยู่ในราวเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนในบริเวณอ่าวไทย และอยู่ในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ในทะเลอันดามัน จำนวนไข่ต่อครั้งมีตั้งแต่ 70–150 ฟอง เต่าขนาดโตเต็มที่แล้วจะว่ายน้ำหากินไปเรื่อย ๆ แต่จะกลับมาวางไข่บนชายหาดที่ถือกำเนิด