ระวังสับสนกับ:
เต่าบึงดำเต่าบึงจุด หรือ
เต่าบึงดำลายจุด หรือ
เต่าดำแฮมิลตัน (
อังกฤษ: Black pond turtle, Spotted pond turtle, Indian spotted turtle;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Geoclemys hamiltonii
[4]) เต่าชนิดหนึ่ง จัดอยู่ใน
วงศ์เต่านา (Geoemydidae)จัดเป็นเพียงเต่าเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Geoclemys
[2] โดยชื่อ แฮมิลตัน ที่เป็นทั้งชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์นั้น ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักธรรมชาติวิทยา
ชาวสกอต ฟรานซิส แฮมิลตัน[5]เต่าบึงจุด เป็นเต่าขนาดเล็ก ขนาดโตเต็มที่ไม่เกิน 1 ฟุต มีลักษณะเด่น คือ ทั้งตัวและกระดองมีสีคล้ำเช่น สีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม ตามหัวลำตัวและกระดองมีจุดกลมสีเหลืองหรือสีขาวกระจายอยู่ทั่ว ขนาดของเพศผู้โตเต็มที่ไม่เกิน 11–12 นิ้ว และ เพศเมียมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้ ขนาด 7–8 นิ้ว มีฤดูผสมพันธุ์ ปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม และ เดือนกรกฎาคม ออกไข่ครั้งละ 6–10 ฟอง ระยะฟักไข่ 60–65 วัน อายุยืนประมาณ 15–20 ปี เป็นเต่าที่พบแพร่กระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดของอนุทวีปอินเดีย เช่น อินเดีย, บังกลาเทศ, ปากีสถานเต่าบึงจุด เป็นเต่าที่นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเชื่อว่าทำให้ผู้เลี้ยงได้มีชีวิตที่ยืนยาว มีความอยู่เย็นเป็นสุข ทำให้มีสนนราคาซื้อขายที่แพงมาก โดยเต่าขนาดเล็กมีราคาประมาณ 4,000 บาท และเต่าขนาดใหญ่ถึง 10,000 บาท
[6]ซึ่งเต่าดำแฮมิลตัน เป็นสัตว์ที่มีรายชื่อห้ามซื้อขายใน
อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และมีรายชื่อในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าของประเทศไทย ทำให้การซื้อขายกันในประเทศไทยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็เป็นเต่าที่มีลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ คราวละมาก ๆ ในครั้งเดียวโดยเก็บซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทาง และถูกมัดด้วยถุงพลาสติกหรือสก๊อตเทป ทำให้เต่าส่วนมากอ่อนแอ สภาพร่างกายขนาดน้ำและอาหาร และทำให้มีสภาพใกล้ตายได้
[7]ในประเทศไทย มีการเพาะขยายพันธุ์สำเร็จเป็นครั้งแรกที่
สวนสัตว์ดุสิต โดยลูกเต่าได้ฟักออกจากไข่เป็นตัวเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2018 จำนวนทั้งสิ้น 10 ตัว จากไข่ทั้งหมด 11 ฟอง และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน
[8]