เทศกาลตังโจ่ย หรือ
เทศกาลฤดูหนาว (
จีน: 冬至;
พินอิน: dōng zhì;
จีนกลาง: ตงจื้อ,
อังกฤษ: Dōngzhì Festival, Winter Solstice Festival)
ตังโจ่ย หรือ
ตังจี๋ หรือ
ตงเจี่ย (ตาม
สำเนียงแต้จิ๋ว) หรือ
ตั่งเจะ (ตามสำเนียง
ฮกเกี้ยน) มีความหมายถึง วัน
เหมายัน คือ วันที่
พระอาทิตย์จะส่องแสงสั้นที่สุด หรือ วันที่เป็นจุดสูงสุดใน
ฤดูหนาว (The Extreme of Winter) (โดยประมาณจะตรงกับวันที่
22 ธันวาคม ของทุกปี แต่ปีที่มี
อธิกมาส จะตรงกับวันที่
21 ธันวาคม)ในยุคโบราณ
ชาวจีนจะเรียกวัน ๆ นี้ว่า เฉี่ยงจี่ (สุดยาว) เป็นหลักการโคจรของพระอาทิตย์ ในแต่ละปี ภายหลังฤดูสารทชิวฮุง (
เทศกาลกินเจ) ในเดือน
ตุลาคมแล้ว พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนลงสู่ทางทิศใต้ ถึง
เส้นแวงที่ 23 องศา 26
ลิปดา 59
พิลิปดา ดังนั้น ทาง
ขั้วโลกเหนือและ
ขั้วโลกใต้ ดินฟ้าภูมิอากาศย่อมมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในซีกโลกเหนือแสงแดดในเวลากลางวันนั้นสั้น แต่เวลากลางคืนกลับยาว แต่ที่ทางซีกโลกใต้นั้นกลับตรงกันข้าม วันตังโจ่ยกลับเป็นวันที่พระอาทิตย์โคจรอยู่ทางซีกโลกใต้นานที่สุด ดังนั้น วันนี้ จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น่ำจี่ (สุดใต้) และเมื่อผ่านพ้นวันนี้ไปแล้ว พระอาทิตย์ก็จะเริ่มโคจรตามปกติสู่ทางด้านทิศเหนือ วันเวลายามกลางวันก็จะเริ่มต้นยาวขึ้นตามลำดับ วันตังโจ่ย จึงถือเป็นวันตายตัวของวันที่ 22 หรือวันที่
21 ธันวาคม ตามปฏิทินทาง
สุริยคติสากล แต่สำหรับใน
ปฏิทินจีน ได้ใช้หลักตาม
จันทรคติดังนั้น เมื่อถือตามหลักของปฏิทินจีน วันตังโจ่ย จึงไม่มีการตายตัวทุก ๆ ปี แต่จะตรงกับเดือน 11 ตามปฏิทินจีน (เดือน
ธันวาคม) ซึ่งเรียกว่า เกี๋ยวง๊วยในยุคโบราณ ชาวจีนให้ความสำคัญกับเทศกาลตังโจ่ยไม่แพ้
วันตรุษจีน เพราะถือเสมือนเทศกาลสิ้นปี ผู้คนจะปิดร้านรวงและบ้านเรือน ทำบุญตาม
วัดหรือไหว้เจ้า เอกลักษณ์ที่สำคัญในเทศกาลนี้ คือ ผู้คนจะปั้นและกินขนมที่มีลักษณะคล้าย
ขนมบัวลอยของ
ไทย (ออกเสียงสำเนียงแต้จิ๋วว่า อี๊) ซึ่งทำจาก
แป้งและต้มกับน้ำเชื่อม เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ในภูมิภาคแต่ละที่ของจีนจะกินขนมชนิดนี้และมีชื่อเรียกแตกต่างออกไป เช่น ทางเหนือจะกิน
เกี๊ยวน้ำ ทางใต้จะกินขนมชนิดนี้ที่มีลูกใหญ่และเรียกว่า "
ถ่างหยวน" (Tangyuan, 湯圓) โดยมีความเชื่อว่า เมื่อรับประทานแล้วคนในครอบครัวจะรักผูกพันกันยิ่งขึ้น เพราะเมื่อถึงเทศกาลนี้แล้ว ญาติพี่น้องที่จากไปอยู่แต่ละที่ จะหวนคืนกลับบ้านมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง อีกทั้งยังเชื่อว่าเป็นมงคลเพราะอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี ดังนั้นเทศกาลนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
เทศกาลไหว้ขนมบัวลอย ซึ่งประเพณีการรับประทานขนมบัวลอยนี้ก็ยังคงปฏิบัติมาจนถึงคงปัจจุบัน