เบาจืด (
อังกฤษ: diabetes insipidus, DI) เป็นภาวะที่มีลักษณะ
ปริมาณปัสสาวะมาก เจือจาง และ
ความกระหายน้ำเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยอาจมีปริมาณปัสสาวะได้มากถึง 20 ลิตรต่อวัน แม้ผู้ป่วยจะลดการกินของเหลวแล้วร่างกายก็จะยังไม่สามารถทำปัสสาวะให้เข้มข้นขึ้นได้ ต่างจากคนปกติที่เมื่อลดการกินของเหลว (เช่น หิวน้ำ) ปัสสาวะจะเข้มข้น ภาวะแทรกซ้อนอาจได้แก่
ภาวะขาดน้ำหรือ
ชัก[1]มีเบาจืด 4 ชนิดแบ่งตามสาเหตุ เบาจืดเหตุสมอง (central DI) เนื่องจากขาดฮอร์โมนเวโซเพรสซิน (ฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ) อาจเกิดจากความเสียหายต่อ
ไฮโปทาลามัสหรือ
ต่อมใต้สมอง หรือกรรมพันธุ์ เบาจืดเหตุไต (nephrogenic DI) เกิดเมื่อไตไม่ตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อเวโซเพรสซิน เบาจืดเหตุดื่มน้ำ (Dipsogenic DI) เกิดจากกลไกความกระหายผิดปกติในไฮโปทาลามัส และเบาจืดเหตุตั้งครรภ์ (gestational DI) เกิดเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ การวินิจฉัยมักอาศัยการทดสอบปัสสาวะ การทดสอบเลือดและการทดสอบการขาดน้ำ ส่วน
เบาหวานเป็นอีกภาวะหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่คล้ายกันตรงที่ทั้งสองภาวะต่างทำให้ผู้ป่วยมีปัสสาวะปริมาณมากเหมือนกัน
[1]การรักษาได้แก่การดื่มของเหลวให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ การรักษาอย่างอื่นขึ้นอยู่กับชนิดของเบาจืด ในเบาจืดเหตุสมองและเบาจืดเหตุตั้งครรภ์สามารถรักษาได้โดยใช้เดสโมเพรสซิน เบาจืดเหตุไตต้องรักษาตามสาเหตุหรือใช้ยาไทอะไซด์ แอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน จำนวนผู้ป่วยเบาจืดรายใหม่มี 3 ใน 100,000 คนต่อปี
[4] เบาจืดเหตุสมองโดยทั่วไปจะเริ่มเมื่ออายุ 10 ถึง 20 ปี และพบในชายหญิงเท่า ๆ กัน
[2] เบาจืดเหตุไตเริ่มเกิดเมื่อใดก็ได้
[3]