เพียริโน "เพอร์รี" โคโม (
อังกฤษ: Pierino "Perry" Como) นักร้องชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ มีผลงานอยู่ในวงการเพลง และการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ของสหรัฐเป็นเวลานานกว่า 50 ปี เป็นที่รู้จักด้วยฉายา "มิสเตอร์ ซี" (Mr. C)โคโมเกิดที่เมืองแคนนอนสเบิร์ก ใกล้
พิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 13 คนของเปโตร โคโม และลูเชีย ทราวากลินี ชาวอิตาเลียนที่อพยพมาจากเมืองพาลีนา
แคว้นอาบรุซโซ ทางตะวันออกของอิตาลี บิดาของเขาเป็นนักร้อง และสนับสนุนให้ลูกๆ ได้รับการฝึกฝนการร้องเพลงช่วงวัยรุ่น โคโมเป็นนัก
ทรอมโบนและ
ออร์แกน เล่นให้กับโบสต์และ
วงดุริยางค์ของเมือง และเปิดกิจการ
ร้านตัดผม เขาแต่งงานเมื่ออายุ 20 ปี กับโรเซล เบนลีน คู่รักที่รู้จักกันตั้งแต่อายุ 17 ปี และใช้ชีวิตคู่กันตลอดมาจนกระทั่งเธอเสียชึวิตด้วยวัย 84 ปี เมื่อ ค.ศ. 1998 มีบุตรด้วยกันสามคนโคโมเริ่มเข้าสู่วงการร้องเพลงอาชีพเมื่อปี ค.ศ. 1933 หลังแต่งงานไม่นานได้ร้องเพลงบันทึกเสียงครั้งแรกกับ
วงออร์เคสตราของ
เท็ด วีมส์ เมื่อ ค.ศ. 1936 สังกัดเดคคาเรเคิดส์
[1] ต่อมาเท็ด วีมส์ ยุบวงในปี ค.ศ. 1942 โคโมจึงไปเป็นนักร้องให้กับ
ซีบีเอสอยู่หลายปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด เขาคิดที่จะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อกลับไปเป็นช่างตัดผมตามเดิม แค่ได้รับการชักชวนจากผู้จัดรายการของ
เอ็นบีซี ให้แสดงในรายการ Chesterfield Supper Club ซึ่งทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงผลงานบันทึกเสียงเพลงที่แรกที่สร้างชื่อให้โคโม ได้แก่เพลงป็อปบัลลาด "Till the End of Time" จากทำนองเพลง
Polonaise, Op. 53 ของ
โชแปง โคโมประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างรวดเร็ว มีซิงเกิลติดอันดับหนึ่งของ
นิตยสารบิลบอร์ดถึง 14 เพลง ได้แก่ "Till The End Of Time" (1945); "Prisoner of Love" (1945); "Surrender" (1946); "Chi-Baba, Chi-Baba" (1947); "A - You're Adorable" (1949); "Some Enchanted Evening" (1949); "Hoop-De-Doo" (1950); "If" (1951); "Don't Let The Stars Get In Your Eyes" (1952); "No Other Love" (1953); "Wanted" (1953); "Hot Diggity (Dog Ziggity Boom)" (1956); "Round And Round" (1957); และ "Catch a Falling Star" (1957) โคโมบันทึกเสียงกับอาร์ซีเอวิคเตอร์เป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 1952 ถึง 1987 และได้รับ
รางวัลแกรมมีเป็นครั้งแรก จากเพลง "Catch a Falling Star" ในปี ค.ศ. 1958 และได้รับรางวัล Grammy Lifetime Achievement Award ในปี 2002ตั้งแต่ปี 1948 โคโมได้เป็นพิธีกร และร้องเพลงในรายการโทรทัศน์ของ
เอ็นบีซี สัปดาห์ละ 15 นาที ต่อมาได้ย้ายไปจัดกับ
ซีบีเอสในปี 1950 ชื่อรายการ "เดอะเพอร์รี โคโมโชว์" สัปดาห์ละ 3 วัน หลังรายการข่าวของซีบีเอส พร้อมกับถ่ายทอดเสียงทาง
สถานีวิทยุ เป็นเวลาหลายปี และยังเป็นพิธีกรในรายการพิเศษช่วงวันหยุด จนถึงปี 1987เมื่อเดือนมกราคม 1994 เพอร์รี โคโม ได้จัดการแสดง
คอนเสิร์ตรอบพิเศษที่
ดับลิน ไอร์แลนด์ ชื่อ Como's Irish Christmas เพื่ออำลาวงการ และได้ใช้ชีวิตอย่างสงบจนกระทั่งเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของภาวะสมองเสื่อม (
อัลไซเมอร์) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2001 ที่บ้านพักใน
ฟลอริดา [2]