การทำเหมือง ของ เฟลด์สปาร์

การทำเหมืองแร่เฟลด์สปาร์ จากสายแร่เพกมาไทต์ที่จังหวัดตาก, ราชบุรี, กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช การทำเหมืองมักจะเป็นเหมืองเปิด โดยการระเบิดย่อยให้ได้ขนาดเล็กลงด้วยค้อน แล้วใช้วิธีคัดด้วยมือ เพื่อแยกเฟลด์สปาร์ออกจากแร่ควอตซ์, ไมกา และสารเหล็กออกไซด์ วิธีการทำเหมืองแบบนี้ ต้นทุนจะต่ำแต่การสูญเสียแร่ค่อนข้างสูงสำหรับการทำเหมืองแร่โซเดียมเซียเฟลด์สปาร์

วิธีการทำเหมืองดังกล่าวนับว่าใช้ได้ เพราะโซเดียมเซียมเฟลด์สปาร์โดยทั่วไปมักเกิดเป็นก้อนใหญ่ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ไม่มีแร่อื่นปนมากนักสำหรับการทำเหมืองแร่โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ น่าจะใช้วิธีการลอยแร่ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเก็บแร่ให้หมด โดยแยกเฟลด์สปาร์ออกจากแร่อื่น ทำให้คุณภาพสูงขึ้นและคุ้มทุน เพราะราคาสูง ปัจจุบันมีการลอยแร่โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ที่เหมืองตะโกปิดทอง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี และที่จังหวัดตาก

-Bone Ash เป็นฟลักซ์ที่สำคัญสำหรับ Bone China ได้จากการนำกระดูกวัวควายมาทำ Calcining แล้วบด ถ้าขบวนการ Calcining ถูกต้องจะได้พวกอินทรียวัตถุที่แขวนลอยอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งจะเพิ่มคุณสมบัติของการใช้งาน องค์ประกอบหลักคือ แคลเซียมฟอสเฟต

-Fluorite - (CaF2) เป็นฟลักซ์ที่ใช้กับ Enamels, แก้วและน้ำยาเคลือบผิวแร่ฟลูออไรด์มีมากในประเทศไทย

วัสดุอื่น ๆ ที่ใช้แทนเฟลด์สปาร์ หิน Nepheline Syenite เป็นหินอัคนีที่ประกอบด้วยแร่ Albite ร้อยละ 50, Microcline ร้อยละ 25, Nepheline (Na2Al2Si2O8) ร้อยละ 25 มีอะลูมินาและโซดามากกว่าเฟลด์สปาร์ พบที่รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา โดยหินนี้จะถูกบดและแยกเอาแร่ที่มีเหล็กออกด้วยเครื่องแยกแร่แม่เหล็ก ประเทศไทยยังไม่พบหินชนิดนี้

หิน Graphic Granite เป็นหินอัคนีบาดาลที่มีแร่เฟลด์สปาร์ร้อยละ 75 และควอตซ์ร้อยละ 25 Intergrowth อาจใช้แทนเฟลด์สปาร์ได้ถ้ามีปริมาณมาก ประเทศไทยยังพบไม่มาก

Cornish Stone เป็นหินที่ใช้เป็นฟลักซ์ในประเทศอังกฤษ คือหินเปกมาไทต์ที่ผุเล็กน้อย ประกอบด้วยแร่ Albite, Orthoclase, แร่เกาลิน และฟลูออไรด์เล็กน้อยได้มีการทำเหมือง และบางเกรดมีการแยกฟลูออไรด์ออกมาด้วย

หิน Leucocratic Granite คือ หินแกรนิตสีขาว เนื่องจากมีแร่สีดำน้อย ประกอบด้วยแร่ควอตซ์ร้อยละ 20, โซเดียมเฟลด์สปาร์ร้อยละ 50, โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ร้อยละ 30 ใช้แทนเฟลด์สปาร์ได้ พบที่ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลิต Leucocratic Granite ปีละประมาณ 150,000 ตัน ส่งไปจำหน่ายยังไต้หวันและมาเลเซีย[1]