ข้อมูลทั่วไป ของ เรซิเดนต์อีวิล

เส้นเวลาตามปีที่ออกจำหน่าย

1996 —
Resident Evil

2.5 ล้าน
1997 —
Resident Evil: Director's Cut

1998 —
Resident Evil 2

4.9 ล้าน
1999 —
Resident Evil 3: Nemesis

3.5 ล้าน
2000 —
Resident Evil Survivor

Resident Evil Code: Veronica

2001 —
Resident Evil Gaiden

Resident Evil Survivor 2 Code: Veronica

2002 —
Resident Evil Remake1.35 ล้าน

Resident Evil Zero

1.25ล้าน
2003 —
Resident Evil: Dead Aim

Resident Evil Outbreak

2004 —
Resident Evil Outbreak File #2

2005 —
Resident Evil 4

7.1ล้าน
2006 —
Resident Evil: Deadly Silence

2007 —
Resident Evil: The Umbrella Chronicles

2008 —
2009 —
Resident Evil 5 12ล้าน

Resident Evil: The Darkside Chronicles

2010 —
2011 —
Resident Evil: The Mercenaries 3D

2012 —
Resident Evil: Revelations

Resident Evil: Operation Raccoon City

Resident Evil 6 8.2ล้าน
2013 —
2014 —
2015 —
Resident Evil: Revelations 2

2016 —
Resident Evil: Umbrella Corps

2017
Resident Evil 7: Biohazard

5 ล้าน
2018 —
2019 —
Resident Evil 2 (Remake)

2020 —
Resident Evil 3 (Remake)

เกมซีรีส์ Resident Evil เป็นเกมแนว ผจญภัย-สยองขวัญ ผลิตโดยบริษัท แคปคอม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเกมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยโปรดิวเซอร์ของเกมคือ ชินจิ มิคามิ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมสยองขวัญในอดีตที่ชื่อ Sweet Home (ผลิตโดย แคปคอม เช่นเดียวกัน ลงบนเครื่อง แฟมิคอมในปี ค.ศ. 1989) บวกกับอิทธิพลของซอมบี้จากภาพยนตร์ซีรีส์ของ จอร์จ เอ โรเมโร จนกลายมาเป็นเกม Resident Evil และประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงจนมีการสร้างภาคต่อออกมาอีกมากมาย

ตัวเกม Resident Evil เกือบทุกภาคมักจะใช้มุมมองบุคคลที่สามนำเสนอผ่านมุมกล้องต่างๆที่มีอยู่ตลอดทั้งเกม ด้วยการบังคับแบบรถถังคือกดเดินหน้า-ถอยหลัง และหมุนซ้าย-ขวาเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ภาพรวมการเล่นเกมนี้จะจับเอาตัวละครของผู้เล่นมาผจญภัยในสถานที่ปิดล้อมเช่นคฤหาสน์ สถานีตำรวจ ซึ่งผู้เล่นจะต้องหาทางเอาตัวรอดไปจากสถานที่นั้นให้ได้โดยการแก้ปริศนาต่างๆ รวมถึงการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มีอยู่ทั่วไปในเกม แนวการเล่นหลักๆของเกมซึ่งมีส่วนคล้ายกันทุกภาคก็คือ ผู้เล่นจะต้องทำการหา 'กุญแจ' มาเปิดล็อกห้องต่างๆในสถานที่นั้นๆ เพื่อตามหาไอเทมต่างๆ มาใช้ไขปริศนา เช่นการกดสวิตซ์ตามลำดับ การนำเหรียญตราไปใส่ในช่องที่ถูกต้อง ตัวเกมเพิ่มความน่าติดตามเข้าไปโดยให้ผู้เล่นได้ออกจากสถานที่ที่อยู่ในตอนแรกไปชั่วขณะหนึ่ง เพื่อไปสู่สถานที่ที่สอง และทำการหา 'กุญแจ' มาเปิดห้องในสถานที่แรกที่ยังไม่ได้สำรวจอีกครั้ง ก่อนจะพบไอเทมสำคัญที่จะเป็นกุญแจนำผู้เล่นไปยังสถานที่แห่งที่สามและสี่ และต่อๆไปจนจบเกม

บรรดาสัตว์ประหลาดในเกมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตัวเกมมีความน่าสนใจ ด้วยบรรยากาศของเกมเน้นไปที่ความลึกลับสยองขวัญ บรรดาศัตรูในเกมจึงหนีไม่พ้นเหล่าผีดิบต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเกมซีรีส์นี้นั่นก็คือซอมบี้ ซอมบี้เป็นสัตว์ประหลาดที่เชื่องช้า แต่มีรูปลักษณ์และการเคลื่อนไหวที่ชวนให้ขนลุก อีกทั้งจุดที่พวกมันอยู่ในเกมก็มักจะเป็นจุดอับที่สร้างความตกใจให้กับผู้เล่น เมื่อผู้เล่นชินกับบรรดาซอมบี้ที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในเกมช่วงแรกแล้ว ตัวเกมก็จะทำการเพิ่มสัตว์ประหลาดที่มีความน่ากลัวกว่าเดิมเข้าไปในช่วงกลางและช่วงท้ายของเกม เพื่อให้เกมมีความท้าทายมากขึ้น โดยผู้เล่นก็จะได้รับอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นลำดับเพื่อใช้ต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้

ในญี่ปุ่นตัวเกมใช้ชื่อว่า Biohazard ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็น Resident Evil เมื่อออกวางจำหน่ายในฝั่งยุโรปและอเมริกา ด้วยเหตุผลทางการค้า ที่ได้รับการเปิดเผยโดย Chris Kramer หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ Capcom ว่า ในอเมริกามีชื่อวงดนตรี Biohazard ทำการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไปแล้ว ทำให้ทางทีมงานต้องคิดหาชื่ออื่นมาลงแทน จึงเป็นที่มาของชื่อ Resident Evil โดยถูกคิดค้นโดยนักออกแบบใน Capcom Digital Studios หรือ บริษัทกลุ่มแรกที่พัฒนาขึ้นมาในอเมริกาของ Capcom

ใกล้เคียง

เรซิเดนต์อีวิล 2 เรซิเดนต์อีวิล (ภาพยนตร์ชุด) เรซิเดนต์อีวิล เรซิเดนต์อีวิล 4 เรซิเดนต์อีวิล 6 เรซิเดนต์อีวิล (วิดีโอเกม พ.ศ. 2539) เรซิเดนต์อีวิลเอาต์เบรก: ไฟล์ 2 เรซิเดนต์อีวิล 3 (วิดีโอเกม พ.ศ. 2563) เรซิเดนต์อีวิล 5 เรซิเดนต์อีวิล 2 (วิดีโอเกม พ.ศ. 2562)