เรือหางแมงป่อง เป็นเรือของ
จังหวัดเชียงใหม่ สันนิษฐานว่า เรือหางแมงป่องมีใช้ในสมัยพระนางจามเทวี แห่งกรุง
หริภุญชัย เกิดขึ้นจากจินตนาการของสล่าทำเรือในสมัยก่อน ที่บังเอิญไปเจอกาบมะพร้าวลอยอยู่เหนือน้ำในฤดูน้ำหลาก และบนกาบมะพร้าวมีพวก
มด หนอน แมลง และ
แมงป่อง อาศัยอยู่ แล้ว
แมงป่องชี้หางไปบนฟ้า ซึ่งดูแล้วเหมือนโครงสร้างของเรือ
[1]เรือหางแมงป่องเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของเชียงใหม่ เพราะแม่น้ำปิงมีเกาะแก่งมากในหน้าแล้งเนื่องจากเรือหางแมงป่องทำจาก
ไม้สักและสามารถลอยน้ำได้ดีกว่าเรือบางอื่น นอกจากนั้นยังแข็งแรง เวลาที่ถูกเกาะแก่งเรือก็ไม่แตกไม้สักที่ใช้ในการทำเรือหางแมงป่องนั้นจะต้องมีขนาด 20 คนโอบ ซี่งขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ถึง 8 เมตร เพราะในพื้นที่ภาคเหนืออุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้สักซี่งไม้ประเภทนี้มีน้ำหนักเบา และสามารถลอยน้ำได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่นๆ ไม่บิดไม่งอ จึงทำให้การใช้ไม้สักขุดทำเรือนิยมแพร่หลายในสมัยนั้น อีกทั้งไม้สักยังใช้ในการขุดทำเรืออื่นๆ ด้วยในยุคต้น เรือหางแมงป่องใช้เป็นเรือที่เจ้านายฝ่ายเหนือใช้ ยุคทองของเรือหางแมงป่องอยู่ในรัชสมัยของเจ้าอินทรวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ลำดับที่ 7 ซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้า
ดารารัศมี ในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 ได้ทรงทูลขอเจ้าดารารัศมีไปเป็นชายา พระองค์ทรงสร้างเรือหางแมงป่องขึ้นเพื่อให้เจ้าดารารัศมีเสด็จไปยังพระนคร แต่ยุคหลังเรือหางแมงป่องใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่าง กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 เดือน ถึง 9 เดือนการสร้างเรือหางแมงป่องยุคหลังต้องหยุดชะงักลง เพราะไม้สักขนาดใหญ่หาได้ยาก เนื่องจากมีการตัดไม้ ค้าไม้ พอนำไปขายยังกรุงเทพฯ และตั้งแต่มีการสร้าง
ทางรถไฟเข้าสู่เมืองเชียงใหม่และการทำ
เขื่อนภูมิพลที่
จังหวัดตาก จึงทำให้เรือหางแมงป่องหายจากน่านน้ำแม่ปิง