คำสแลง ของ เหวง_โตจิราการ

คำว่า "เหวง" กลายมาเป็นศัพท์สแลงของหมู่นักนิยมเล่นอินเทอร์เน็ต อันหมายถึง ผู้ที่พูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งมาจากการที่ในระหว่างการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน พ.ศ. 2553 ซึ่ง นายแพทย์ เหวงเป็นหนึ่งในสามแกนนำของของกลุ่ม นปช. เข้าเจรจาขอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียุบสภาภายใน 15 วัน ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสงสัยถึงบทบาทของ นายแพทย์ เหวง ถูกมองว่าพูดไม่รู้เรื่องในการเจรจาครั้งนั้น จึงเป็นที่มาของศัพท์สแลงดังกล่าว

นายแพทย์เหวงกล่าวว่าชื่อของตัวนั้นแผลงมาจากภาษาจีน หมายถึง สว่างไสว[4] แม้ศัพท์คำว่า "เหวง" ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานแปลว่า "มาก" โดยใช้เป็นคำใช้ประกอบคำ เช่น เบา เป็น เบาเหวง หมายความว่าเบามาก และเมื่อขยายความเพิ่มเติมพบว่า ในภาษาเขมรนั้น คำว่า "เหวง" แปลว่า "หลงทาง" เช่น "ขะยมอัมเหวง" แปลว่า "ดิฉันหลงทาง" ก็ตาม[5]พร้อมกับตำหนิผู้ที่ใช้คำนี้ด้วย พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้พูดไม่รู้เรื่อง[6][7]ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต ระบุว่า คำและความหมายของคำว่า "เหวง" มีสิทธิ์ขึ้นพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่มหลักที่กำลังจะตีพิมพ์ใหม่อีกด้วย เนื่องจากความแรงของคำว่า "เหวง" วันนี้เป็นคำที่มีความหมาย ซึ่งคนสังคมส่วนมากเข้าใจได้ว่า หมายถึง อาการพูดจา ไม่รู้เรื่อง ฟังไม่ได้ศัพท์ แตกต่างไปจาก "เหวง" ซึ่งเป็นคำวิเศษณ์ [8]

จากเหตุการณ์นี้ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้วิจารณ์ไว้ว่า

ใครที่ฟังหมอเหวงไม่รู้เรื่อง แปลว่า บุคคลนั้นมีความรู้น้อยกว่าหมอเหวง ที่ว่ามีความรู้น้อย...คือรู้ในข้อเท็จจริงและประเด็นที่ “หมอเหวง” นำมาพูดว่าต้องการทำเช่นนี้เพื่อหวัง “ผลลัพธ์” ในเรื่องอะไรเขาเหล่านั้นตามไม่ทัน หรือไม่รู้จริงๆ หรือรู้เข้าใจแต่ไม่ยอมรับเพราะเป็นฝ่ายตรงข้าม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต่างรู้ทั้งรู้ว่า “การยุบสภา” มิใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย...หากผู้มีอำนาจเขาไม่ยอมรับ...เขาก็คง “ยึดมั่น” ในคำเดิมแล้วจะทำอย่างไรเพื่อ “เปิดแผล” มิให้ถูกมองว่า “ฝ่ายรัฐบาล” ดูดีเพราะคำพูดเพียงอย่างเดียวกี่ครั้งที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกอาการหลุด...จนต้องเข้าไปคลุกวงในกับ “จตุพร พรหมพันธุ์”ถือว่าได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ “บนโต๊ะเจรจา” กับการขำข้อมูล “เป็นจริง” ซึ่งประชาชนไม่เคยรับรู้มาเผยแพร่ให้เกิดการติดตามประเด็น“อย่ามาเหวง” จึงไม่มีอะไรมากนอกจากเป็นเสียงร้องโหยหวนของบุคคลที่เชียร์รัฐบาล ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็น “วาทกรรม” เพื่อดิสเครดิตการต่อสู้ทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามแค่นั้นจริงๆ กับการลดความน่าเชื่อถือของ “หมอเหวง”"— หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล[9]

ส่วน ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

การเจราระหว่างแกนนำคนเสื้อแดงกับรัฐบาล จะเห็นว่าหมอเหวงไม่ปรับเปลี่ยนท่าทีการพูด สังคมจึงจับได้ว่าตรงนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะส่วนตัว จึงไม่แปลกที่สังคมจะนำชื่อ “เหวง” มาใช้เรียกคนที่พูดจาสับสน ซึ่งอยากให้มองประเด็นที่ว่าหากพฤติกรรมของหมอเหวงที่นำมาเป็นศัพท์คำว่า เหวง นั้นไม่มีผู้คนในสังคมสนับสนุนก็คงไม่มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่การที่คำว่า เหวง ถูกนำมาใช้ก็หมายถึงผู้คนตอบรับและเห็นด้วย ดังนั้น คนคนหนึ่งไม่สามารถบัญญัติศัพท์ใดศัพท์หนึ่งขึ้นมาได้ แต่ต้องเป็นข้อตกลงของทุกคนในสังคม— ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล [10]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหวง_โตจิราการ http://www.bangkok-today.com/node/4900 http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?Ne... http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?Ne... http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=... http://www.thairath.co.th/content/edu/75661 http://www.thairath.co.th/people/view/pol/4496 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/B/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/B/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/...