พยาธิสรีรวิทยา ของ เอชไอวี

การติดต่อ

ระบบการติดต่อนั้นมีหลายส่วน โดยระบบของไวรัสนั้นจะแบ่งตัวในเซลล์ที่มีของเหลวและระบบการทำงานส่วนของน้ำและสารเหลวที่ถูกผลิตขึ้นภายในร่างกายได้ทั้งหมด

ทางเพศสัมพันธ์

การคัดหลั่งสารและน้ำเชื้อมีโอกาสที่ไวรัสจะอยู่ในระบบมากที่สุดเนื่องจากเป็นส่วนที่มีผลิตสารอยู่เกือบตลอดเวลา

เลือดหรือส่วนประกอบของเลือด

น้ำเลือดและของเหลวในเลือดส่วนมากก็มีการแพร่กระจายตัวของเซลล์ออกไปตามส่วนต่างเช่นกัน

จากแม่สู่ลูก

โดยการแลกเปลี่ยนสารเหลวภายในร่างกายทารกและร่างกายมารดาแต่มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อจากการคลอดโดยมีการปนเปื้อนของเลือดมารดาไปสู่ทารก โดยในปัจจุบันมีการพัฒนาระบบยาต้านไวรัสเพื่อให้เด็กไม่มีการติดเชื้อ

การติดเชื้อซ้ำซ้อน

การติดเชื้อซ้ำซ้อนอันเนื่องมาจากการที่ไวรัสทำการแตกตัวโปรแกรม RNA และ DNS เข้าไปในเซลล์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาว และ ที-เซลล์ รวมไปถึง ทีมาส-เซลล์ ทำให้เกิดระบบการซ่อมแซ่มร่างกายเกิดการทำลายตัวเองทำให้เกิดการเปลี่ยนระบบการจดจำคุณลักษณะของเซลล์ในร่างกายตนเองไม่ได้ ทำให้เกิดการลดลงของเซลล์เม้ดเลือดข่าวและระบบคุ้มกันภายในร่างกายลดลง

โครงสร้างและจีโนม

เอชไอวี มีความแตกต่างทางโครงสร้างจาก Retrovirus ชนิดอื่น ๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 120 นาโนเมตร. (1 ใน 120 พันล้านส่วนของ 1 เมตร; เล็กกว่าเม็ดเลือดแดงประมาณ 60 เท่า) และ มีรูปทรงกลม มี genome เป็น RNA

การโน้มตอบสนอง (Tropism)

วงจรการเพิ่มจำนวน

การเข้าสู่เซลล์

การถ่ายแบบ (Replication) และการถอดรหัส (Transcription)

ความหลากหลายทางพันธุกรรม

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีและเอดส์ทำได้ด้วยการเจาะเลือด ซึ่งแบ่งเป็นการตรวจหาปริมาณ CD4 (CD4 Count) เป็นการตรวจเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในเลือด เพื่อดูความเสียหายที่เกิดจากไวรัสเอชไอวีทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นที่อยู่ของระบบภูมิคุ้มกัน การตรวจหาปริมาณไวรัสที่อยู่ในเลือด (Viral Load:  VL) และการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส (Nucleic Acid Test: NAT)