เอปตาเซีย หรือ
ดอกไม้ทะเลแก้ว หรือ
แอนนีโมนแก้ว (
อังกฤษ: Glass anemones, Glassrose anemones, Rock anemones) เป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังจำพวก
ดอกไม้ทะเลสกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Aiptasiaจากการสำรวจเมื่อปี
ค.ศ. 1831 พบว่าเอปตาเซียมีจำนวนทั้งหมด 17
ชนิด โดยสามารถพบได้ทั่วไปใน
ทะเลเขตร้อน และ
กึ่งเขตร้อนทั่วไป จำนวนชนิดของเอปตาเซียส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ใน
มหาสมุทรแอตแลนติก และ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่ด้าน
มหาสมุทรแปซิฟิกมี 2 ชนิด คือ
Aiptasia californica และ
A. pulchella ที่พบได้เฉพาะมหาสมุทรแห่งนี้ เอปตาเซียมีลักษณะทางกายวิภาค คือ มีรูปร่างคล้ายต้น
ปาล์ม เจริญเป็นตัวเดี่ยว ๆ หรืออาจพบเจริญเป็นกลุ่ม แต่จะไม่มีเนื้อเยื่อเชื่่อมถึงกันเหมือนกับ
ปะการัง เนื้อเยื่อทั้งตัวของเอปตาเซียเรียกว่า
โพลิป ซึ่งในโพลิปจะประกอบด้วยเอปตาเซียกินอาหารโดยใช้หนวดจับ
แพลงก์ตอนที่ลอยอยู่ในกระแสน้ำเข้าปาก นอกจากนี้แล้วยังได้รับสารอาหารจาก
สาหร่ายเซลล์เดียวที่เีรียกว่า "
ซูแซนเทลลี่" ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของเอปตาเซีย โดยสาหร่ายซูแซนเทลลี่จะใช้ของเสียที่เกิดจากกระบวนการภายในเซลล์ของเอปตาเซียเอง และจากสารอินทรีย์ที่ละลายอยู่ในน้ำ เมื่อสาหร่ายซูแซนเทลลี่มีกระบวนการสังเคราะ์ห์แสงเพื่อสร้า่งอาหารและเพิ่มจำนวน เอปตาเซียจะได้รับสารอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้นด้วยเอปตาเซียสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศได้
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศมีความใกล้เคียงกับดอกไม้ทะเล คือสามารถปล่อย
เซลล์สืบพันธุ์ออกไปในน้ำ เมื่อเกิดการปฏิสนธิขึ้นมาก็พัฒนาเป็น
ตัวอ่อนในระยะพลานูลา เป็นระยะที่ตัวอ่อนจะว่ายน้ำอย่างอิสระเมื่อลงเกาะไปบนพื้นผิวที่เหมาะสม จึงจะเริ่มพัฒนาเซลล์เป็นโพลิปขนาดเล็กขึ้นมา โดยในขั้นนี้จะยังไม่มีสาหร่ายซูแซนเทลลี่ในเนื้อเยื่อ ในบางชนิด เอปตาเซียจะปล่อยเซลล์สืบพันธุ์เฉพาะเพศผู้ออกไปในน้ำ โดยเข้าไปปฏิสนธิกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียภายในเอปตาเซียตัวอื่นก่อนแล้วจึงพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะพลานูลา โดยได้รับสารอาหารจากเอปตาเซียเมื่อมีสภาวะที่เหมาะสม เช่น แสงสว่างหรือสารอาหารที่สูง หรือมีการกระทบทางกายภาพ เช่น มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นเอง ตัวอ่อนเหล่านี้จะถูกปล่อยออกไปในน้ำเพื่อหาที่ลงเกา่ะและพัฒนาเป็นเอปตาเซียตัวเต็มวัยต่อไปขณะที่
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เอปตาเซียจะใช้วิธีการฉีกของเนื้อเยื่อบริเวณขอบฐาน โดยเซลล์เนื้อเยื่อส่วนนี้จะมีการพัฒนาอย่างช้า ๆ ภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อมีการพัฒนาเกิดปาก และหนวดขนาดเล็ก ๆ แล้ว จึงเริ่มหาอาหารเลี้ยงตัวเอง เอปตาเซียที่เกิดใหม่จะมีการเคลื่อนที่แพร่กระจายไปยังที่อื่น ๆ นอกจากนี้แล้ว เอปตาเซีัยที่เกิดขึ้นใหม่จะไม่ถูกพ่อแม่ใช้เข็มพิษแทงตัวอ่อนที่เกิดใหม่จากตัวเอง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศนี้ เกิดจากการกระตุ้นโดยปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น น้ำมีคุณภาพไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต หรือมีออกซิเจนละลายในน้ำต่ำ เป็นต้นในการเลี้ยง
ปลาทะเลเป็น
ปลาสวยงาม เอปตาเซียจะถือว่าเป็นส่วนเกินที่ไม่เกิดประโยชน์ ซ้ำยังจะทำร้ายปลาหรือสัตว์น้ำที่เลี้ยงไว้ด้วย เอปตาเซียส่วนมากจะติดมากับหินเป็นหรือสาหร่ายที่ใช้ประัดับตู้ เป็นต้น ซึ่งผู้เลี้ยงจะต้องกำจัดทิ้งโดยวิธีการต่าง ๆ ทั้งใช้สารจากธรรมชาติ และ
สารเคมี [2]