ประวัติ ของ เอสเอฟ_ซีเนม่า

ราวปี พ.ศ. 2512 สมาน ทองร่มโพธิ์ ตัดสินใจลาออกจากราชการที่กรุงเทพฯ ภูมิลำเนาเดิม และพาครอบครัวย้ายมาอยู่ จ.ตราด โดยได้ทำการเช่าที่ดินส่วนหนึ่งจากนาย อุดร สัตยุตม์ พร้อมกับเริ่มต้นกิจการ "ศรีตราดราม่า" ที่ตั้งอยู่หน้าตลาดเทพอุดร(ตลาดสดขนาดใหญ่ใจกลางเมืองตราด) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ทันสมัยแห่งแรกของตราด กิจการนี้ดำเนินการได้เพียง 13 ปี ขณะนั้นสุวัฒน์ ลูกชายคนโตของสมาน ได้รับหช่วงดูแลกิจการต่อ ขณะอายุเพียง 17 ปี ด้วยอยากทำสิ่งที่พ่อรัก ความผูกพันกับโรงหนังที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่าไร่ครึ่ง เป็นบ้านของครอบครัว และเห็นว่าพนักงานมีกว่า 100 ชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ

ด้วยการสนับสนุนจากลูกน้องเก่าและพรรคพวก ทำให้การทำธุรกิจของสุวัฒน์เริ่มต้นอย่างดี และนำพาให้โรงหนังขยายสาขาครอบคลุมทั้งภาคตะวันออก พร้อมกับที่กิจการสายหนัง สมานฟิล์มก็ได้เป็นตัวแทนจากค่ายหนังทุกค่าย จวบจนทศวรรษที่ 2530 กิจการโรงหนังซบเซา จนเมื่อปี 2537 การมาของ อีจีวี และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทำให้ธุรกิจนี้คึกคักอีกครั้ง หลายคนอาจมองว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะสู้ได้ แต่สุวัฒน์ไม่คิดอย่างนั้นและทำให้เกิดโรงมัลติเพล็กซ์ SF Cinema (SF ย่อมาจาก สมานฟิล์ม ซึ่งเป็นชื่อคุณพ่อของสุวัฒน์) โดยเริ่มต้นที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ (ศูนย์การค้ามาบุญครอง) ชั้น 7 บริเวณพื้นที่เดิมของเอ็มบีเคฮอลล์ เป็นที่แรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 ภายใต้ชื่อ เอสเอฟซีนีม่าซิตี้ เดอะมูฟวี่แพลเน็ต (SF Cinema City The Movie Planet) ด้วยธีมอวกาศและดวงดาว บนพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม. ทุ่มทุนกว่า 600 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดความบันเทิงในชั้นเดียว (One Floor Entertainment) เพราะเห็นโอกาสจากโรงหนังมัลติเพล็กซ์ในขณะนั้นเน้นไปที่ชานเมืองเป็นหลัก แต่ใจกลางกรุงเทพมหานคร กลับยังไม่มีโรงหนังทันสมัย และในปี พ.ศ. 2544 ก็เปิดที่ศูนย์การค้าในเครือเดอะมอลล์อีกถึง 3 สาขาพร้อมกัน คือที่ บางกะปิ, บางแค, และ งามวงศ์วาน และสาขาอื่น ๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน