คุณสมบัติ ของ เอเค_47

ปืนเอเค-46 ยังมีรูปทรงทั่วไปคล้ายปืนเอสทีจี 44 อยู่ปืนเอเค-47 รุ่นต้นแบบ ผลิตในปีพ.ศ. 2490ปืนเอเค-47 รุ่นปรับปรุงในปีพ.ศ. 2498

ปืนเอเค-47 เองเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นปืนที่มีน้ำหนักพอสมควร มีขนาดใหญ่โตและมีขนาดกระสุนที่น้อย สามารถเลือกทำการยิงได้ 3 โหมด คือ ห้ามไก อัตโนมัติ และกึ่งอัตโนมัต สามารถถอดล้างในสนามได้ง่ายมาก นับเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมแบบหนึ่งที่ยังมีการใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยมีการผลิตปืนเอเค-47 และปืนรูปแบบอื่น ๆ ที่พัฒนาโดยใช้ปืนเอเค-47 เป็นต้นแบบเป็นจำนวนมากกว่าปืนเล็กยาวจู่โจมชนิดอื่น ๆ และยังคงมีการผลิตและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปีพ.ศ. 2502 ก็ได้มีการนำปืนเอเค-47 มาทำการแก้ไขปรับปรุงระบบกลไกและวิธีการผลิตต่างๆให้ดีขึ้นและเรียกในชื่อใหม่ว่าเอเคเอ็ม (AKM : Avtomat Kalashnikova Modernizirovannyj หรือ Kalashnikov Automatic rifle, Modified) ซึ่งปืนรุ่นนี้จะมีการปั้มขึ้นรูปโครงปืนด้วยเครื่องจักรและมีการทำสัญลักษณ์ด้วยการปั้มดุนแผ่นเหล็กโครงปืนให้เป็นเพียงช่องเล็กๆรวมทั้งมีการดัดแปลงปากลำกล้องให้เป็นรูปเฉียงปากฉลามเพื่อลดอาการสะบัดขึ้นเมื่อทำการยิง ซึ่งผิดกับกระบวนการผลิตของปืนเอเค-47 ที่มีการผลิตด้วยการนำแผ่นเหล็กมาเซาะร่องและปั้มดุนโครงปืนเข้าไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่เหนือช่องใส่ซองกระสุน และปากลำกล้องตัดตรงทำให้เวลายิงด้วยระบบอัตโนมัติ ปืนจะสะบัดเป็นอย่างมาก ส่วนอำนาจการทำลายล้างนั้น ยังถือว่ายังสร้างความเสียหาย เนื่องจากกระสุนขนาด 7.62x39 ในระยะ200-300เมตร ความแรงของกระสุนยังคงที่อยู่เมื่อเข้าสู่เนื้อเยื่อกระสุนทะลุออกไปก่อนที่จะหันเหก่อนแต่ในระยะ 400-500 เมตร รูเข้าประมาณ 8 มิลลิเมตร รูออกอาจจะ 30-40 มิลลิเมตรก็ได้

ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 กองทัพโซเวียตก็ได้มีการนำปืน เอเค-47 และปืนเอเคเอ็มมาทำการปรับปรุงและพัฒนาอีกครั้งจนเป็นปืนเอเค-74 และนำมาใช้กับกระสุนขนาด 5.45x39 ม.ม.รุ่นเอ็ม74 หรือ 5เอ็น7 ซึ่งได้รับพัฒนาและปรับปรุงมาจากกระสุนขนาด 5.56x45 ม.ม.แบบนาโตของกองทัพสหรัฐอเมริกาและกองกำลังนาโตสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ เช่น เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม.แบบติดตั้งใต้ลำกล้อง รุ่น จีพี-25 ดาบปลายปืน ฯลฯ เป็นต้น