ชีวิตส่วนตัว ของ แคร์รี_อันเดอร์วูด

อันเดอร์วูดนับถือศาสนาคริสต์[65][66]และเธอรับประทานอาหารมังสวิรัติ ในปีค.ศ. 2006 อันเดอร์วูดได้แสดงในช่วงพักครึ่งของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ในวันขอบคุณพระเจ้าที่สนามกีฬาเท็กซัส ในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส และได้เป็นเพื่อนกับโทนี โรโม ควอร์เตอร์แบ็ก แห่งทีมดัลลัส คาวบอยส์[67]และได้ไปร่วมงานวันเกิดของเขา เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 และวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เขาได้ไปงาน Academy of Country Music Awards กับเธอ อันเดอร์วูดกับโรโมมีข่าวลือว่าคบกันตลอดปีค.ศ. 2007 ถึงแม้ว่าอันเดอร์วูดจะปฏิเสธข่าวลือนั้น แต่โรโมยืนยันบนเว็บไซต์ของเขาว่า "ผมกำลังคบกับแคร์รี อันเดอร์วูดอยู่" และยังบอกกับหนังสือพิมพ์อิลลินอยส์ว่าเขากำลังคบกับอันเดอร์วูดอยู่[68]ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดเริ่มคบกับเชส ครอว์ฟอร์ด นักแสดงซีรีส์เรื่องกอสซิปเกิร์ล และในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2007 นิตยสารพีเพิลรายงานว่าทั้งคู่เดินจับมือกันในเมืองนิวยอร์ก[69]อย่างไรก็ดีทั้งคู่ก็ได้จบความสัมพันธ์ลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปีค.ศ. 2008[70]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดหมั้นกับไมค์ ฟิชเชอร์ นักกีฬาฮอกกี้ทีมแนชวิลล์ เพรเดเตอร์ส (ตอนหมั้นอยู่ทีมออตตาวา เซเนเตอร์ส) พวกเขาเริ่มคบกันหลังจากที่เจอกันในคอนเสิร์ตของอันเดอร์วูดในช่วงปีค.ศ. 2008[71]อันเดอร์วูดและฟิชเชอร์ได้ปรากฏตัวด้วยกันครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 (ที่ Bell Sens Soiree งานการกุศลประจำปีของทีมเซเนเตอร์สในแมืองกาติโน ออตตาวา) [72]หลังจากที่ปรากฏตัวด้วยกันที่งาน CMT Awards ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดบอกผู้สื่อข่าวว่าฟิชเชอร์กำลังมีแผนสำหรับฮันนีมูนของเขาทั้งสองคนหลังงานแต่ง[73]

วันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดและฟิชเชอร์ได้แต่งงานกันที่ The Ritz-Carlton Lodge, Reynolds Plantation ในเมืองกรีนส์โบโร รัฐจอร์เจีย โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 250 คน ทั้งผู้เล่นในเอ็นเอชแอล, ทิม แมคกรอว์, เฟธ ฮิลล์, การ์ธ บรู๊กส์, ผู้เข้าแข่งขันอเมริกันไอดอล, พอลลา อับดุล, ไซมอน คาวเวลล์ และแรนดี แจ็คสัน[74][75]ทั้งคู่ให้คำพูดกับนิตยสารพีเพิลโดยลงชื่อ "Mike & Carrie Fisher" ว่า "เราทั้งคู่คงไม่มีความสุขไปมากกว่าการที่เราได้พบกัน และแบ่งปันวันนี้กับเพื่อนและครอบครัวของเราซึ่งนั่นมีความหมายสำหรับเรามาก" ตามนิตยสารพีเพิล Monique Lhuillier ได้ตัดชุดลายลูกไม้ให้กับอันเดอร์วูด และได้ออกแบบชุดให้กับเพื่อนเจ้าสาวอีกด้วย ในงานแต่งมีการเล่นเพลงคลาสสิกและคำอ่านของคัมภีร์ไบเบิลในท่อนที่ทั้งคู่ชอบ[76][77]อันเดอร์วูดสร้างความประหลาดใจให้ฟิชเชอร์โดยการนำแบรนดอน ฮีธหนึ่งในนักร้องที่ทั้งคู่ชอบมาร้องเพลง "Love Never Fails" ในการเต้นรำเพลงแรก[78]

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 สถานีวิทยุออตตาวา (105.3 CISS-FM) ระงับการเล่นเพลงของอันเดอร์วูดเพราะฟิชเชอร์โดนเทรดให้ทีมแนชวิลล์ เพรเดเตอร์ส แต่เนื่องจากการคุกคามของแฟนคลับในเฟซบุ๊ก ว่าจะไม่เปิดไปฟังสถานีดังกล่าว ต่อมาสถานีจึงเปลี่ยนแปลงมาเปิดเพลงของอันเดอร์วูดตามเดิม สถานีได้ออกมาขอโทษกับการกระทำ โดยตามคำแถลงการณ์บอกว่าเป็นแค่มุขตลกเท่านั้น การไม่เล่นเพลงของอันเดอร์วูดคือการอำลาฟิชเชอร์ให้โชคดีในแนชวิลล์[79][80]ฟิชเชอร์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานีภายหลังว่า "แคร์รีไม่ได้ทำอะไรในการย้ายหรือเทรดหรืออะไรทั้งนั้น การพูดแบบนั้นมันไม่เหมาะสม" ทั้งเขาและอันเดอร์วูดผิดหวังที่สถานีทำแบบนั้น[81][82]อันเดอร์วูดได้รับเลือกจากนิตยสาร The Hockey News ให้เป็น 100 คนที่ทรงอิทธิพลในวงการฮอกกี้น้ำแข็ง โดยอยู่อันดับที่ 85[83]

ความสนใจส่วนตัว

อันเดอร์วูดเป็นคนรักสัตว์และรับประทานอาหารมังสวิรัติ เธอไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะเธอทนไม่ได้ที่ต้องทานสัตว์ที่เธอเลี้ยง เธอได้รับการโหวตให้เป็น "คนทานมังสวิรัติที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก (World's Sexiest Vegetarian) " โดย PETA ในปีค.ศ. 2007 เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกในปีค.ศ. 2005 ได้ตำแหน่งร่วมกับคริส มาร์ติน นักร้องนำวงโคลด์เพลย์[84]ในปีค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดให้สัมภาษณ์กับ PETA ว่า "ตั้งแต่ฉันเป็นเด็กฉันก็รักสัตว์มาตลอด [...] ถ้าคุณบอกฉันว่าฉันไม่สามารถร้องเพลงได้อีก ฉันคงบอกว่ามันแย่ แต่มันไม่ใช่ชีวิตของฉัน ถ้าคุณบอกฉันว่าฉันไม่สามารถยุ่งกับสัตว์ได้อีก ฉันคงอยากตาย"[85]อันเดอร์วูดเป็นผู้สนับสนุนให้องค์กร Humane Society of the United States (HSUS) และได้ทำโฆษณาหลายตัวให้องค์กร[86]อันเดอร์วูดยังทำโฆษณา "Protect Your Pets" ให้องค์กร Do Something ด้วย[87]

อันเดอร์วูดบอกว่าเธอมีความสนใจในกีฬา ในปีค.ศ. 2005 เธอได้ไปแสดงเพลง "เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์" ในเกม 4 ของรอบชิงชนะเลิศเอ็นบีเอ ระหว่าง ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ กับ ดีทรอยต์ พิสตันส์[88]และในปีค.ศ. 2006 ในเกมรวมดาราเอ็นบีเอ[89]เธอยังได้แสดงเพลง "เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์" ในรอบชิงชนะเลิศเอ็นเอฟซี ระหว่าง ซีแอตเติล ซีฮอกส์ กับ คาโรไลนา แพนเทอร์ส ในปีค.ศ. 2006 เช่นกัน[90]และยังแสดงที่นาสคาร์[91]ในเกมรวมดาราเอ็มแอลบี ที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพ็นซิลเวเนีย และ เกม 3 ของการแข่งเวิลด์ซีรีส์ ปีค.ศ. 2007 ระหว่าง บอสตัน เรดซอกซ์ กับ โคโลราโด ร็อคกีส์[92]เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดได้แสดงเพลงชาติในซูเปอร์โบวล์ XLIV[93]

เพื่อหารายได้ให้กับงานวิจัยมะเร็ง ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 อันเดอร์วูดได้ร่วมงานกับ บียอนเซ่, มารายห์ แครี, แมรี เจ. ไบลจ์ และนักร้องหญิงคนอื่นอีกเพื่อบันทึกเพลง "Just Stand Up!" โดยรายได้นั้นจะนำไปให้ทาง Stand Up to Cancer (SU2C) [94]ซึ่งเพลงนี้ได้ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 11 ในบิลบอร์ดฮอต 100 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดได้ก่อตั้งมูลนิธิ Checotah Animal Town and School (C.A.T.S.) เพื่อหารายได้ให้กับเมืองเกิดของเธอ ในวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดได้ไปเยี่ยมโรงเรียนมัธยมปลายชีโคตากับ รอบิน โรเบิร์ตส์ ผู้อ่านข่าวช่องเอ็นบีซี ซึ่งเธอได้ร้องเพลงกับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งต่อหน้านักเรียนและคณะครู และได้บริจาคเครื่องดนตรีมูลค่ามากกว่า 117,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียน 3 แห่งในเมืองชีโคตา อันเดอร์วูดได้เล่นซอฟต์บอลในงานประจำปี City of Hope Celebrity Softball เพื่อการกุศลเป็นเวลาหลายปี ซึ่งงานนี้จัดที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี และรายได้ที่รับนำไปให้งานวิจัยโรคที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต[95]ในช่วงวันหยุดปีค.ศ. 2011 มูลนิธิ C.A.T.S. ของเธอ ได้บริจาคเงินจำนวน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียนในเมืองชีโคตา[96]ในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2012 อันเดอร์วูดได้เขียนบล็อกในเว็บไซต์ของเธอว่าเธอได้ช่วยสุนัขที่ถูกปล่อยบนถนนทางหลวง โดยเธอเห็นสุนัข 2 ตัว บนถนนขณะที่เธอกำลังเดินทางไปบ้านพ่อแม่พร้อมกับสุนัขของเธอ (เอส กับ เพนนี) "ฉันคิดว่าสุนัขถูกโยนทิ้งจากรถลงบนถนนทางหลวงโดยเจ้าของของมัน" ตัวหนึ่งตายไปแล้วแต่เธอก็นำอีกตัว (เลือดไหลและไม่มีแรงอย่างมาก) เข้าไปในรถของเธอ เธอตั้งชื่อลูกสุนัขนั้นว่าสเตลลาและพามันไปหาหมอและดูแลมันเป็นอย่างดี ในเวลาไม่กี่วันเธอได้หาบ้านใหม่ให้กับสุนัข เธอเขียนว่า "ฉันร้องไห้ตอนที่มันเดินออกจากประตูไป"[97]

อันเดอร์วูดยอมรับการแต่งงานเพศเดียวกัน เธอบอกกับหนังสือพิมพ์ ดิอินดิเพนเดนท์ ของประเทศอังกฤษ ว่า "ในฐานะคนแต่งงาน ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรที่ฉันไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ฉันรักและอยากแต่งงานด้วยได้ ฉันนึกไม่ออกว่ามันจะเจ็บปวดขนาดไหน ฉันคิดจริง ๆ ว่าเราควรมีสิทธิ์ที่จะรัก และรักอย่างเปิดเผย" อันเดอร์วูดยังกล่าวต่อว่า "โบสถ์ที่ฉันไปมีเกย์ที่เป็นมิตร เบื้องบนพระเจ้าอยากให้เรารักคนอื่น มันไม่ได้มีกฎ หรือ 'ทุกคนจะต้องเป็นอย่างฉันนะ' ไม่ เราทุกคนต่างกัน นั่นทำให้เราพิเศษ เราต้องรักกันและเป็นมิตรกัน ฉันไปตัดสินใครไม่ได้"[98]

แหล่งที่มา

WikiPedia: แคร์รี_อันเดอร์วูด http://music.aol.ca/article/carrie-underwood/137/ http://countrymusic.about.com/od/cmamusicfestival2... http://www.allaccess.com/country/future-releases http://www.allaccess.com/net-news/archive/story/10... http://www.americanidol.com/news/view/?pid=1398 http://aristanashville.com/pressreleases/details.c... http://aristanashville.com/pressreleases/details.c... http://www.billboard.com/#/column/the-615/carrie-u... http://www.billboard.com/#/news/carrie-underwood-m... http://www.billboard.com/articles/columns/daily-no...