ประวัติ ของ แคลช

การรวมวงและก้าวแรกในวงการดนตรี [2540 - 2544]

ลูซิเฟอร์ ซึ่งวิวัฒน์ต่อมาเป็นวง แคลช

แคลชรวมวงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 ครั้นแต่สมาชิกทั้งห้าคนยังเป็นนักเรียนโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยใช้ชื่อวงของตนว่า ลูซิเฟอร์ เพื่อเข้าประกวดการแข่งขันรายการดนตรีฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ (Hot Wave Music Awards) ครั้งที่ 2 และ 3 ในครั้งที่ 3 วงลูซิเฟอร์ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง[1] โดยใช้เพลง "อย่าทำอย่างนั้น" ของจิระศักดิ์ ปานพุ่มและเพลง"เมื่อรักฉันเกิด ของซิลลี่ฟูลส์"[8] ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ลูซิเฟอร์จึงได้เซ็นสัญญากับค่ายดนตรี อัพ จี อันเป็นค่ายเพลงในเครือบริษัทจีเอ็มเอ็มแกรมมี และได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกในชื่อ วัน ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544[9] โดยออกเผยแพร่ซิงเกิลแรกในเพลง "กอด" ผลงานการประพันธ์ของปรีติ บารมีอนันต์ (แบงค์) นักร้องนำของวงและเรียบเรียงดนตรีโดยกลุ่มสมาชิกของวง[10] นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์เพลง "เลิฟซีน" ซึ่งได้รับรางวัลสีสันครั้งที่ 14 สาขาเพลงร็อกยอดเยี่ยมในปี พ.ศ. 2546 อีกด้วย[1]

ประสบความสำเร็จ [2546]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 แคลชได้ออกอัลบั้มลำดับที่สองในชื่อ ซาวด์เชก ในอัลบั้มนี้พวกเขามีส่วนร่วมมากขึ้นตั้งแต่การประพันธ์จวบจนการบันทึกเสียง[11] ซิงเกิลจากอัลบั้มนี้ได้แก่ "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" "ขอเช็ดน้ำตา" และ "หนาว"[10] ซึ่งเพลง "หนาว" เป็นผลงานการประพันธ์ของแบงก์เอง[11] นอกจากนี้ยังมีเพลงพิเศษอย่าง "หยุดฝันก็ไปไม่ถึง" ซึ่งเป็นเพลงที่ประพันธ์ขึ้นเมื่อพล หนึ่งในสมาชิกของวงได้ขอแยกวงและได้กลับมาออกอัลบั้มนี้อีกครั้ง[12] และเพลง "มือน้อย" เพลงของเรวัติ พุทธินันทน์ซึ่งได้นำมาเรียบเรียงใหม่ในอัลบั้มนี้

จากความสำเร็จในอัลบั้ม ชาวด์เชก ที่มีเพลงติดชาร์ตโดยทั่วไป[13] พวกเขาจึงมีโอกาสเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าน้ำมันเครื่อง[14] และยังได้ขับร้องเพลง "หนึ่งมิตรชิดใกล้" เพลงต้นฉบับของ วสันต์ โชติกุล เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง บิวตีฟูลบ็อกเซอร์ นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน วงแคลชได้จัดทำอัลบั้มพิเศษขึ้นในชื่อ ซาวด์ครีม โดยเรียบเรียงดนตรีจากอัลบั้ม วัน และ ซาวด์เชก อาทิ "กอด" "รับได้ทุกอย่าง" "ขอเช็ดน้ำตา" และ "หนาว" ในรูปแบบใหม่ในแนวอะคูสติกส์ พร้อมเพลงใหม่อย่าง "เธอคือนางฟ้าในใจ" ซิงเกิลแรกเพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้มดังกล่าว

นอกจากผลงานอัลบั้มของวงเองและการโฆษณาแล้วนั้น ในปีเดียวกันนี้ แคลชและวงดนตรีร็อกในเครือค่ายเพลงสามค่ายอันประกอบด้วย มอร์ มิวสิก จีนี่เรคอร์ดส และอัพจี ได้จัดทำโครงการพิเศษในชื่อว่า ลิทเทิล ร็อก โปรเจกต์ (Little Rock Project) โดยออกอัลบั้มร่วมกันประกอบด้วย ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ออกจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2546 โดยนำเพลงของวงไมโคร มาเรียบเรียงดนตรีใหม่และขับร้องใหม่ตามรูปแบบของแต่ละวง วงแคลชได้ร้องเพลงเปิดตัวโครงการด้วยเพลง "เอาไปเลย" ขับร้องคู่กับวงกะลา นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่น ๆ ที่แคลชได้ขับร้องอาทิ "ตอก" "ไว้ใจ" "แผลในใจ" และ "หยุดมันเอาไว้" และอีกเพลงหนึ่งซึ่งร้องร่วมกันทั้ง 7 วงคือเพลง "ลองบ้างไหม"

วงดนตรียอดนิยม [2547 - 2548]

แบงค์ในภาพยนตร์ พันธุ์เอ็กซ์เด็กสุดขั้ว

เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547 แคลชได้ออกสตูดิโออัลบั้มลำดับที่สามในชื่อ เบรนสตอร์ม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและมีการวิจารณ์ไปในทางที่ดี ดนตรีในอัลบั้มนี้ประกอบด้วยเพลงหลากหลายแนวทั้งร็อก ป๊อป และซอฟต์ร็อก โดยออกซิงเกิลเพลง "ใส่ร้ายป้ายสี" เป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้ม และเพลงเด่นอย่าง "เขาชื่ออะไร" ในปีเดียวกัน แบงก์ หนึ่งในสมาชิกของวงได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง พันธุ์เอ็กซ์เด็กสุดขั้ว ร่วมกับหนุ่ม สมาชิกจากวงกะลา จึงได้ขับร้องเพลง "เพลงรักพันธุ์ X" เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวร่วมกับวงกะลา นอกจากนี้แคลชยังได้เข้าร่วมโครงการจัดทำเพลงเพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาบริษัทจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ครบ 20 ปีโดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้มชุด แพ็กต์โฟร์ร่วมกับวงร็อกในสังกัดเดียวกันอันได้แก่วงกะลา โปเตโต้ และเอบีนอร์มอล ซึ่งนำเพลงยอดนิยมในอดีตจากวงดนตรีในสังัดบริษัทแกรมมี่ของวงโลโซ ซิลลี่ฟูลส์ และอัสนี-วสันต์ นำมาขับร้องและเรียบเรียงใหม่โดยร็อก 4 วง ซึ่งรวมถึงแคลชด้วย โดยแคลชได้นำเพลงของ โจ-ก้อง วายน็อตเซเว่น จิรศักดิ์ ปานพุ่ม และอัสนี-วสันต์ มาเรียบเรียงใหม่

ในปีต่อมาเดือนมกราคม แคลชได้ร่วมคอนเสิร์ต แพ็กต์โฟร์ฟรีดอมโรแมนติกร็อก (Pack 4 Freedom Romantic Rock) ร่วมกับกลุ่มศิลปินในโครงการดังกล่าว และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 พวกเขาได้ออกสตูดิโออัลบั้มลำดับที่สี่ในชื่อ อีโมชัน ซิงเกิลจากอัลบั้มดังกล่าวได้แก่ "ละครรักแท้" "ซบที่อกฉัน" "เพลงผีเสื้อ" และ "ไฟรัก" ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 แคลชได้ออกอัลบั้มพิเศษในชื่อ สะมูสแคลช ซึ่งนำเพลงเด่นจากอัลบั้ม เบรนสตอร์ม และ อีโมชัน มาเรียบเรียงดนตรีใหม่ อาทิ เพลง "เขาชื่ออะไร" "ละครรักแท้" "เพลงผีเสื้อ" เป็นต้น โดยได้ออกเผยแพร่เพลงใหม่เพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้มคือ "นางฟ้าคนเดิม" ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเรื่อง สะดุดรัก ในเวลาต่อมา[15] และในเดือนเดียวกัน พวกเขาได้จัดคอนเสิร์ตขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากซี้ด เอฟเอ็มในชื่อ ซีดไลฟ์คอนเสิร์ตเฟิสต์แคลช (Seed Live Concert First Clash)[16]

แบงก์กับชิน ร่วมร้องเพลงใน แคลชอาร์มีร็อกคอนเสิร์ต

ยักษ์ประสบอุบัติเหตุ [2549 - 2550]

ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ยักษ์ มือกลองของวงประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำ ระหว่างไปเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดสมุทรปราการ[17][18] ส่งผลให้ยักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการรักษากายภาพบำบัดเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน วงแคลชก็ได้ออกอัลบั้มลำดับที่ห้าในชื่อ แครชชิง โดยชุดนี้มีเพลงที่ได้รับความนิยมเช่นเพลง "ค้างคา" "มือที่ไร้ไออุ่น" "รอ" "ขอเจ็บแทน" "วังวน" และ "ยิ้มเข้าไว้" โดยมีผู้อื่นมาช่วยเล่นในตำแหน่งกลองแทนยักษ์ที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 แคลชได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ในชื่อว่า แคลชอาร์มีร็อกคอนเสิร์ต (Clash Army Rock Concert)[19] คอนเสิร์ตนี้มีแขกรับเชิญพิเศษมากมายอาทิ โอซา แวง นางเอกมิวสิกวิดีโอในเพลงอัลบั้ม แครชชิง 3 เพลงและชนัทธา สายศิลา (แน็ป) นักร้องนำวงเรโทรสเปกต์ร่วมแสดงละครด้วยกัน เบนจามิน จุง ทัฟเนล (เบน) จากวงซิลลี่ ฟูลส์ และ ชินวุฒิ อินทรคูสิน (ชิน) รวมถึงกลุ่มนักแสดงวงแคลชรุ่นใหญ่ที่เคยแสดงมิวสิควีดีโอมาร่วมสร้างสีสันในเพลง "ยิ้มเข้าไว้" นอกจากนี้ วงแคลชยังได้มีเพลงใหม่ 2 เพลงที่แต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้โดยเฉพาะคือเพลง "ซากคน" และ "สักวันฉันจะไปหาเธอ" ซึ่งต่อมาทั้งสองเพลงได้นำมาขับร้องใหม่และรวบรวมไว้ในอัลบั้ม แฟน

ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน แคลชได้ประชาสัมพันธ์อัลบั้ม แฟน โดยมีกิจกรรมพิเศษที่ให้โอกาสแฟนเพลงมาร่วมแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง "เกินคำว่ารัก" เพลงใหม่จากอัลบั้มนี้ อัลบั้มออกจำหน่ายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยเพลงส่วนใหญ่เป็นการนำเพลงเด่นตั้งแต่อัลบั้มแรกมาเรียบเรียงใหม่ในท่วงทำนองแบบออเคสตร้า และยังรวบรวมเพลงใหม่อีก 2 เพลงที่ประพันธ์ไว้ในการแสดงคอนเสิร์ต แคลชอาร์มีร็อกคอนเสิร์ต อีกด้วย

การสร้างอัลบั้มที่ออสเตรเลีย [2551 - 2552]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 แคลชได้สร้างอัลบั้มชุดใหม่ ณ ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากพวกเขารู้จักและสนิทสนมกับ แดเนียล เลฟเฟลอร์ โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานร่วมกัน[20] และพวกเขากล่าวว่าต้องการเสียงดนตรีที่แปลกใหม่ และที่นั่นมีค่าใช้จ่ายน้อย แต่มีคุณภาพดี แต่ก็ประสบปัญหากันในเรื่องเกี่ยวกับเสียงดนตรี เนื่องจากความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ในที่สุดก็ได้ผลงานอัลบั้มนี้ออกมา และได้ประกาศชื่ออัลบั้มชุดนี้ว่า ร็อกออฟเอจเจส[21] มีการถ่ายทำคลิปวิดีโอเบื้องหลังการทำงานอัลบั้มนี้เผยแพร่ในเว็บไซต์จีเม็มเบอร์.คอม และได้ปล่อยผลงานเพลงแรกในอัลบั้มนี้ ทางคลื่นฮอตเวฟ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ในเพลง "รักเองช้ำเอง" การสร้างอัลบั้มในต่างประเทศทำให้ดนตรีในอัลบั้มนี้มีความเป็นสากลมากขึ้น ในวันที่ 29 กรกฎาคม วันออกจำหน่ายอัลบั้มดังกล่าวได้มีการจัดคอนเสิร์ตเปิดตัวอัลบั้มนี้ ณ อาคารแกรมมี่เพลส ชั้น 21 แคลชได้กล่าวถึงเรื่องราวขำขันปนจริงจังกับการใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และกล่าวถึงมิวสิกวิดีโอเพลงในอัลบั้มนี้ที่จะออกเผยแพร่ 4 เพลงออกมาเป็นรูปแบบของซีรีส์แบบเดียวกับอัลบั้มก่อนหน้านี้ ซึ่งได้แก่เพลง "รักเองช้ำเอง" "ถอนตัว" "ปฏิเสธรัก" และ "ความทรงจำครั้งสุดท้าย"[22] ในปีถัดมาวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552 ได้มีคอนเสิร์ต แคลชอาร์มีร็อคคอนเสิร์ต 2 ชีวิต มิตรภาพ ความรัก โดยประพันธ์เพลงเพิ่มเติมเพื่อการแสดงเฉพาะในคอนเสิร์ตดังกล่าวได้แก่ "ชีวิต มิตรภาพ ความรัก" และ "ปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเธอ" ร่วมร้องกับ แคล คาโรลิน นอกจากนี้ยังได้มีแขกรับเชิญพิเศษ อาทิ ซีล ศุภรุจ เตชะตานนท์ (รุจ เดอะสตาร์) และชินวุฒิ อินทรคูสิน (ชิน) มาร่วมร้องในคอนเสิร์ตนี้ด้วย

การแยกวงและคอนเสิร์ตสุดท้าย [2553 - 2554]

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 แคลชได้ออกอัลบั้มชุดที่เจ็ดในชื่อ ไนน์มิสยูทู เพลงเด่นจากอัลบั้มนี้ได้แก่เพลง "ลางสังหรณ์" ซึ่งออกเผยแพร่มิวสิกวิดีโอวันที่ 17 พฤษภาคมในปีเดียวกัน[23] และ "เพลงสุดท้าย" ซึ่งเปิดโอกาสให้แฟนเพลงเข้าร่วมขับร้องกว่า 70 คนเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553[24] และแสดงประกอบมิวสิกวิดีโอเพลงดังกล่าว ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 โดยถ่ายทำ ณ ลานเทนนิสของคอนโดร้างแห่งหนึ่ง ระหว่างการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอดังกล่าว แบงก์ นักร้องนำของวงได้กล่าวกับแฟนเพลงที่ร่วมถ่ายทำมิวสิกวิดีโอว่า

วันนี้ที่พี่มายืนอยู่บนนั่งร้านนี้พี่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าตอนที่อยู่บน เวทีคนดูเป็นหมื่นสองหมื่น ตอนนี้พี่ตื่นเต้นมากกว่าตอนเล่นคอนเสิร์ตคราวก่อน ๆ เพราะมันเป็นคำพูดที่ไม่อยากพูด

มันเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจทุกคนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือแม้แต่กระทั่งพวกพี่เองก็ลำบากใจที่ต้องพูดแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราเป็นกลุ่มคนที่โชคดีหรือร้าย ที่จะได้ฟังว่าวงแคลชอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มสุดท้ายจริง ๆ พวกเราขอโทษ แล้วก็..... พี่ขออีกหนึ่งเทก ร้องไปแล้วนึกถึงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาที่เราอยู่ด้วยกันเสมอ ตามเนื้อเพลงต่อให้ไม่มีวงแคลชแล้ว แต่พวกเราจะอยู่กับทุกคนตลอดไป แล้วอาชีพพวกนี้คงจะทิ้งไม่ได้ เพราะเราทำอย่างอื่นไม่เป็น พวกเราก็ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนเดิม แต่ในรูปแบบที่ทุก ๆ คนใฝ่ฝันและต้องการจริง ๆ ความตั้งใจนี้ไม่ได้เพิ่งคิดจริง ๆ อัลบั้มที่แล้วควรจะเป็นอัลบั้มสุดท้าย แต่เราคิดว่ามันคงจะใจดำเกินไปที่ไม่ได้บอกก่อน จึงมีอัลบั้มนี้ แคลช 9 มิส ยู ทู ร้องอีกหนึ่งเทก ร้องด้วยความตั้งใจ ร้องให้ซึ้งที่สุด และเพราะที่สุดนะครับ[25]— BANKK CA$H

ภายหลังการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเสร็จสิ้นแล้วนั้น แคลชได้แถลงข่าวยุบวงในเย็นวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ณ อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ พวกเขากล่าวว่าพวกเขาปรึกษาเรื่องการแยกวงมานานกว่า 3 ปีแล้วและกล่าวขอโทษแฟน ๆ[26] สาเหตุการประกาศแยกวง พวกเขากล่าวว่าเป็นเพราะแต่ละคนมีมุมมองและทิศทางการทำดนตรีที่แตกต่างกัน พร้อมบอกว่าจะแยกย้ายกันไปทำงานเพลงตามแนวทางของตัวเอง[27] โดยจะมีคอนเสิร์ตอำลาแฟนคลับในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554 พร้อมกันนั้นแบงก์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า

พี่ ๆ ทุกคนได้ข่าวว่าพวกผมกำลังจะเลิก ขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องจริง จะเรียกว่าอิ่มตัวคงไม่ใช่ เรามีความฝันที่อยากจะเดินต่อไป เราจึงแยกย้ายเพื่อไปตามหาความฝันในอนาคต จริง ๆ เราอยากหยุดตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว แต่ผู้ใหญ่เรียกไปคุยว่าทำไมใจร้ายอย่างนี้ นึกถึงคนที่เป็นแฟนกัน บอกเลิกกันยังทำใจได้ง่ายกว่าหายไปเฉย ๆ เราเลยคิดว่าเราควรทำอีกอัลบั้มหนึ่ง เพื่อบอกทุกคนตรง ๆ ว่าเรากำลังจะเลิก แต่เราจะเลิกไปเพื่อทำอะไร ทุกคนจะได้เข้าใจ— BANKK CA$H

พร้อมกันนั้นก็ได้ปฏิเสธข่าวลือการทะเลาะภายในวงว่า

เราอยู่กันมา 15 ปี ถ้าทะเลาะกัน พรุ่งนี้เช้าก็หาย ซึ่งเราเป็นเด็กมัธยม กินมาม่าหม้อเดียวกัน มันคงตัดไม่ได้เหมือนญาติ เรื่องเงินคงไม่มี ด้วยทัศนคติทางการฟังเพลงมันแตกต่าง ภารกิจหน้าที่ของเรามันค่อย ๆ ถ่างออก ที่คล้ายกันคือเราเป็นทีมโปรดิวเซอร์กันหมด ถึงวงแคลชไม่มี ผมก็อยู่ในกลุ่มก้อนนี้ ก็ยังช่วย ๆ กันครับ..[26]— BANKK CA$H

ชีวิตหลังแยกวง

แบงค์ แคลชก็ไปเป็นศิลปินเดี่ยวในนาม BANKK CA$H ส่วนแฮ็คไปเป็นมือกีตาร์วงเอส.ดี.เอฟ พลทำงานเป็นโปรดิวเซอร์และยักษ์กับสุ่มฟอร์มวงเฉด